การลงทุนมีหลายแบบอู๋
ส่วนตัวผมมองว่ามันเสี่ยง แต่ลงทุนบางแบบเสี่ยงน้อยกว่าเปิดร้านกาแฟเล็กๆเองซักร้านอีกนะครับ
เอางี้ถ้าลองเปลี่ยนมุมมองของการเก็งกำไรเป็นอีกแบบนึงดูนะ
ถ้าไม่รู้ว่าลงไปแล้วหุ้นมันจะขึ้นหรือจะลงหว่า ดูย๊ากยากจัง
ลองเปลี่ยนเป็นมองหุ้นเป็นการลงทุนดูนะ
แบบสมติว่าผมมีเงินล้านนึงเนี๊ย อยากทำกิจการอะไรเป็นของตัวเองดู อะไรดีละ?
สมมติว่าจะรับทำเสื้อตามออเดอร์ละกัน
ลงทุน ค่าเครื่องจักรซ่ะห้าหกแสน ค่าที่ ค่าต้นทุนสิ่งของ ตีเหมาๆว่าลงทุนไปล้านนึงพอดีๆให้คิดง่ายๆ
คราวนี้สมติเราบริหารเองทั้งหมด เราก็จะรู้รายรับ รู้รายจ่าย รู้การตลาด รู้วิธีหาลูกค้า การโปรโมทต่างๆ รู้flowของเงิน
เราต้องทำการบ้านเองหมด คือก็ต้องรู้เองทั้งหมดนั่นแหละ แล้วสมติว่าทำแล้วไปได้ดีด้วย
ได้กำไรหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่างๆ( ค่าวัตถุดิบ, เงินเดือนตัวเอง, ค่าใช้จ่ายอื่นๆ บลาๆ ) ปีๆนึงสมติมีกำไรสุทธิซัก 2แสน ก็ประมาณซัก 20% ของต้นทุนนะ
แล้วเราก็จะมองเห็นภาพว่า เนี๊ย กิจการของเราเนี๊ย กลุ่มลูกค้าก็มีอยู่ ยังไงก็ไปได้แน่ๆ อย่างน้อยกี่ปีๆ ก็ยังอยู่ได้สบาย มีกำไรก็อย่างน้อยปีละเท่าไหร่ๆ แล้วก็ยังอาจมีโปรเจ็กขยายกำไรเพิ่มขึ้นอีกด้วยซ้ำ ผมว่ากิจการนี้โคตรจะโอเคเลยนะ
แล้ววันดีคืนดี เมกาเศรษกิจฟุบ ยุโรปเน่า แล้วคนจำนวนมากอยากถอยออกมาดูลาดเลา
แล้วก็ดันมีคนบอกว่า กิจการของเราเนี๊ย เฮ่ย ยุโรปมีปัญหาอยู่ ผมขอซื้่อต่อคุณ ห้าแสนแล้วกัน ขายไม่ขาย (เปรียบเหมือนช่วงที่หุ้นตกกันระนาว ) คือถ้าเราทำกิจการนี้มากับมือ เราก็จะรู้ว่าไอยุโรปมันจะมีปัญหาอะไรกะกรูเยอะว่ะ แล้วทำไมกรุจะต้องไปขายในราคาห้าแสน ทั้งที่มันน่าจะยังทำกำไรได้ดีเหมือนที่ผ่านๆมา หรืออาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ ยิ่งถ้าเรามีโปรเจกเพิ่ม เช่นเจาะตลาดแถวสามย่านได้ฐานลูกค้าอีกหลายพัน เพิ่มแบรนใหม่เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า hi-en เพิ่มbranchหลายสาขา นู่นนี่นั่น ยิ่งคิดไม่ออกเลยว่าทำไมต้องไปขายราคานั้น แล้วถ้าใครขายกิจการนี้ในราคานั้น ยิ่งน่าเข้าไปซื้อมากกว่า จริงมั้ย
กลับกันถ้าหลายๆคนมองว่าธุรกิจนี้กำลังบูม แล้วก็มาขอซื้อเราต่อไล่ราคากันไปเรื่อยๆ
ล้านห้า, สองล้าน, สามล้าน(เปรียบเหมือนตอนหุ้นขึ้น อาจจะเพราะปั่น หรือไม่ปั่นก็แล้วแต่) เราก็มามองย้อนดูอีกทีว่าด้วยผลกำไรที่เราบริหารๆอยู่เนี๊ย เราจะขายดีมั้ย ยังไง ก็แล้วแต่เรา ไว้คิดอีกที
หุ้นมันเป็นอย่างนี้เลยครับ แต่แค่เราไม่ต้องมีเงินถึงล้าน เราก็ลงทุนได้ ไม่ต้องบริหารเองด้วย
ได้กำไรก็เป็นสัดส่วนตามที่เงินเราลงทุนเหมือนกัน ว่าแต่ว่าเราศึกษาบริษัทของเราเองดีพอมั้ย รู้หมดมั้ยว่า มีรายได้เท่าไหร่ จากอะไรบ้าง
มีรายจ่ายเป็นยังไง จ่ายไปกับอะไรเท่าไหร่ ลูกค้าเป็นใคร แล้วตกลงมีกำไรสุทธิปีๆนึงเท่าไหร่
คือถ้าเรารู้ให้มากที่สุด เราก็จะพอมีราคาในใจครับ ว่าเราควรจะซื้อกิจการนี้ด้วยราคาเท่าไหร่ มีผลตอบแทนเท่าไหร่ แล้วเราพอใจ
คือคนอื่นจะมาขอซื้อกดราคาเราเท่าไหร่ก็ช่างเค้า ถ้าเราได้ผลตอบแทนที่เราพอใจอยู่และพัฒนาต่อไปได้ ก็ไม่ต้องแคร์อะไรมาก
แต่ปัญหาอยู่ที่เราเข้าใจทั้งหมดถูกต้องดีจริงๆรึป่าวๆ
ปีต่อๆไปร้านเสื้อเราอาจมีกำไรปีละหลายๆล้าน ใครจะรู้