หน้า: [1] 2
 
ผู้เขียน หัวข้อ: 2+2=5  (อ่าน 7838 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
5+7=12

2+2=5

ตัวเลขที่คุณได้เห็นสื่ออะไรให้คุณรู้บ้าง อาจไม่เหมือนกันในบางมุมที่เปลี่ยนไปจากการเดินผ่านตัวเลขเหล่านั้น

ผมเรียนคณิตศาสตร์

จำนวน ที่เกิดปรากฏขึ้น ณ เบื้องหน้าเหล่านี้ซัดความเป็นจริงให้เข้าจู่โจมผมอย่างที่ไม่เคยคาดคิดแม้ ซักนิดเดียว
ผมคุ้นเคยกับมันพอกับที่ผมไม่อยากรู้จักมันนักในบางครั้ง ในบางกฏเกณฑ์

ผมสอนคณิตศาสตร์

ความเป็นไปของตัวเลขที่ไม่แก่ ขึ้นแม้เพียงนิดจากการเคลื่อนแปรของตัวผมเองจากหน้าที่หนึ่งไปสู่ "ตัวผม" อีกคนหนึ่งที่บิดเปลี่ยน
พวกมันไม่เคยแตกต่างไปจากเดิม แม้จะคิดอย่างไร ห้าบวกเจ็ดยังเท่ากับสิบสองเสมอ
แม้ในยามที่ผมกำลังจะสิ้นลมหายใจมันก็คงเป็นไปเช่นนั้น
ในความมั่นคงของปริมาณล่องหนที่ล่อลวงให้เราเข้าไปมุ่งจัดการกับมัน
ถึงจะไม่เห็นมันอยู่เช่นนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามที

ในความงุนงง ผมอยากเอาสองมาบวกสองแล้วได้ห้า
เหมือนกับที่มันเคยได้สี่เมื่อยามเช้า แต่เปลี่ยนเป็นชุดที่ไม่เท่ากัน
ไม่คล้ายกัน ไม่เหมือนกันในยามเย็น
ดังเช่นตัวเลขถอดชุดแต่งกายของมันแต่ละตัวออก
แล้วออกเต้นพล่านกลางฝ่ามือของนักคณิตศาสตร์ตาบอด ที่ลุกขึ้นแก้ผ้า
พร้อมกรีดตะเบ็งเสียงตะโกนขับไล่เลขศูนย์ให้ลงไปในหม้อต้ม
"ไข่ต้มพร้อมแล้วสำหรับทุกท่าน"

แต่ เลขห้าไม่เคยเกิดขึ้นในความถูกต้อง
ผมไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร สองบวกสองไม่เคยเป็นห้า
หรือจะเป็นได้เพียงในภวังค์ ที่เรานอนหลับ ในดินแดนที่ลางเลือนจากสติ
เตือนให้เราดึงรั้งเอา "ความถูกต้อง" เสมือนจริงเหล่านั้นมาปอกให้เปลือย
แล้วปรับเปลี่ยนทุกสิ่งเป็นดังปรารถนา จึงเป็นเช่นนั้นได้ จึงปรากฏชัดต่อเบื้องหน้าในยามนี้

เลขสี่จึงถูกปอก เปลือกให้กลับกลอก เกลือกกลิ้ง
ลอกผิวพื้นของเส้นที่ไม่เคยมีพื้นที่ออก ทีละน้อย ดัดให้คด ตัดหั่น
โยนเศษที่เหลือทิ้งลงพื้นดิน เกลี่ยดินรอบข้างมากลบ
กระทั่งทิ้งส่วนสัดที่ถูกเกลาดัดไปในโถชักโครก
ผมกดชักโครกซ้ำกันหลายๆครั้งกระทั่งมั่นใจว่ามันสาบสิ้นไปชั่วกาล

แต่เลขสี่ก็ไม่เปลี่ยนเป็นเลขห้าอยู่เช่นเดิม
ผมสิ้นหวังไปกับการถูกต้องของมันในการรวมตัวเข้าด้วยกัน
จนแล้วจนเล่าแม้จะพยายามเกลาดัดซ้ำไปมา ในสิ่งที่ไม่อาจเกิดขึ้นทุกสิ่งยังคงนิ่งเสถียร
ไม่แตกต่างจากความมืดไร้ที่ไม่อาจมีสิ่งใดแปลกปลอมแทรกเข้าปรากฏให้เห็น

ฟ้า เริ่มครึ้มลงจากเวลาที่คงผ่านไปนานโขจากความพยายามที่สิ้นหวัง หยาดฝนเริ่มเปาะแปะ
ลงสัมผัสใบหน้าของผม กระทั่งเริ่มแรงขึ้นเป็นห่าฝนย่อมๆ
ระลอกน้ำไหลผ่านผมลงสู่ใบหน้าไปรวมกันที่คาง
จนไหลรินเป็นสายผ่านลงสู่พื้นดินที่ถูกเหยียบย่ำ ณ จุดใกล้กันกับที่ผมฝังเศษตัวเลขที่ถูกตัดทิ้ง

ในความไม่ต้องการของสิ่งที่ถูกหลงลืมใต้ผิวดินนั้น
ผมรู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือนที่ในตอนแรกผมคิดว่าเป็นแต่เพียงตัวผมผู้สังเกตที่หนาวสั่นจากสายลมกรรโชกใต้พรมสายฝนที่หล่นพรำทั่วร่าง
แต่แล้วความสั่นสะเทือนนั้นชักนำอะไรบางอย่างในตัวผมให้สังเกตไปที่ดินนูน เป็นเนินเบื้องหน้า
ผมจ้องมองมันอย่างไม่ลดละใต้สายฝนนั้น
อากาศหนาวขึ้นเรื่อย จนผมรู้สึกว่าตนไม่อาจทนทานต่อสภาพบรรยากาศเลวร้ายได้อีก ไม่อาจละสายตาไปได้เช่นกัน
ดินนั้นเริ่มสั่นไหวเปิดออกจากแรงน้ำที่ตกหล่นกระหน่ำลง ผมก้าวเดินไปคุ้ยมัน

ผมพบเลขห้านอนสงบนิ่งไร้ลมหายใจอยู่ก้นหลุมท่วมปริ่มด้วยน้ำ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ม.ค. 2009, 00:28 น. โดย mons » บันทึกการเข้า
โวย เหว๊ออออ หลอ๊อนนนนน
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
 กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า
มึนแต่เช้าเลย  มึนตึ้บ
บันทึกการเข้า
 โห
บันทึกการเข้า
มึนแต่เช้าเลย  มึนตึ้บ

ตอนเช้าตื่นมาเปิดดู  มึนตึ้บ

ตอนนี้กลับมาอ่านอีกทีก็  มึนตึ้บ
บันทึกการเข้า

พี่ม่อนเป็นนักเขียนนิยายใช่มั๊ยครับ  อ๊ากกกก หื่นนนนน
บันทึกการเข้า

ชื่อ Earth ครับ เรียกเอิดก็ได้ | Earthchie's Blog
ไม่เข้าใจอ่ะครับ ค่อนข้างโง่คณิตเข้าสมอง
(นี่ขนาดเลขบวกนะเนี่ยเรา)
บันทึกการเข้า

ยามเฝ้าเว็บไซต์
http://th.superbook.cbn.com/
ม่อนครับ ถึงม่อนจะไม่ได้สอนภาษาไทย แต่ได้โปรดจัดบรรทัดเถอะครับ  ฮือๆๆ

แล้วหลังจากพิจารณาโดยถี่ถ้วนแล้ว ไม่เข้าใจครับ
ไม่เข้าใจว่าม่อนอยากสื่ออะไร เนื้อของเรื่องแกว่งไปอย่างไม่มีเอกภาพนัก

หรือมองในอีกแง่ ม่อนอยากให้อารมณ์ของคนอ่านเป็นแบบ"ผม"ในเรื่อง
แต่ผมลองใช้อารมณ์อ่านแล้ว ก็ยังไม่เข้าใจอยูดีละครับ


ย้ำอีกครั้งนะครับ ได้โปรดจัดบรรทัดด้วย


บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>
ตอนเช้าวันนั้น ในขณะที่สมองปลอดโปร่ง
อ่าน 2 รอบ ไม่เข้าใจ  หมีโหด~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ม.ค. 2009, 00:26 น. โดย JanΣ » บันทึกการเข้า


ต้องบวกอีกสองรอบครับ

จะได้เท่ากับ ห้า

ปล. ยังไม่ได้อ่านเลยแหละ  น้องดำ
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
จริงๆลองนึกถึงอารมณ์ประมาณว่า มันบวกได้เท่านี้ตลอดมาชีวิต(ประมาณว่าเป็นความจริงที่ไม่ว่ายังไงก็แย้งยากให้มันไม่จริง)
แล้วต้องตื่นไปสอนเลขตอนเช้า
แต่ผมขี้เกียจ เลยพยายามบวกให้มันได้ห้าตอนเมาครับ แต่จนแล้วจนเล่า ผมก็บวกให้ได้ห้าไม่สำเร็จ

ผมเลยโทรไปลางาน เช้าวันนั้น

สรุปคือวันนั้นคือวันที่สำหรับผมแล้ว สองบวกสองมันได้ห้า(คนอื่นบวกได้สี่ไม่สน) เพราะผมจะไม่ไปสอนนั่นเอง ฮ่าๆ

มันมีประเด็นทางปรัชญานิดๆน่ะครับว่าพวกตัวเลขที่บวกๆกันเนี่ย
มันเป็นความจริงที่ค่อนข้างมีน้ำหนักอ่ะครับ คือเป็นก่อนประสบการณ์ ไม่ขึ้นกับเรา เหมือนๆมันล่องหน แต่มันแอบน่าหดหู่นะครับ
การที่มันบวกได้เท่านั้นมาตลอดชีวิตและไม่ขึ้นกับเราด้วยซ้ำ กระทั่งได้เท่านั้นจนเป็นความจริงที่จริงจริงๆ
นิยมมากเลยครับสำหรับตัวอย่างที่ว่า 5+7=12 ครับ เพราะเป็นตัวอย่างที่ดังมากๆ สำหรับพี่คานท์
ผมเลยเอา 2+2=5 ของเรดิโอเฮดมาผสม (ไม่รู้เนื้อเพลงนะครับ เอาแต่ชื่อมาเลยจริงๆจังๆ)
ว่าถ้ามันได้ห้าบ้าง มันก็เป็นสีสันของความเป็นไป(อย่างน้อยผมก็ไม่ได้ไปสอนล่ะวันนั้น เพราะผมบวกได้ห้า 555+)

แต่ยังไงๆ รบกวนขอรับคำวิจารณ์ด้วยครับ เผื่อปรับปรุง(จนแล้วจนรอดผมก็ยังเขียนเรื่องยาวไม่ออก เขียนได้แต่สั้นๆแบบเนี้ย)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ม.ค. 2009, 03:23 น. โดย mons » บันทึกการเข้า
จัดหน้าแล้วอ่า่นง่ายขึ้นเยอะ  เจ๋ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ม.ค. 2009, 00:45 น. โดย ลุงเป็ด » บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>


อ่านแล้ว  เกย์ออก

อ่านของลุงกำนันเข้าใจง่ายกว่าเยอะเลยแหะ  ง่ะ
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
โอว.. แอบแผงความหมายลึกๆ อะไรลงไปกับ 2 และ 5 หรือเปล่าครับ..? หรือผมคิดมากไปเอง  กร๊าก

งั้นมา 2+2 = 5 ในแบบ(โหดๆ)ของผมบ้าง
ได้แรงบันดาลใจชั่ววูบมาจาก SAW ครับ
(เหมาะสำหรับคนอายุ 18 ปีขึ้นไป .... จริงๆ นะ
ต่ำกว่า 18 ห้ามปาดตัวนวล)
---------------------

ผมลืมตาตื่นขึ้นในห้องแคบๆ พร้อมกับคนอื่นๆ อีก 4 คน
ช่วงแรกๆ นั้นผมรู้สึก หัวหมุนติ้ว
ทุกอย่างพร่ามัว
จนผมรู้สึก อยากอ้วกขึ้นมาทันที
หรือจะเป็นเพราะกลิ่นฟอร์มาลีน ที่อบอวลอยู่ในห้องเล็กๆ ห้องนี้หรือเปล่า?

...ไร้ทางออก...ประตูปิดตาย...ไม่มีหน้าต่าง...
...เพดานสูงลิ่ว...แม้แต่แสงสปอตไลท์ที่วางบนพื้นก็ส่องไม่ถึงเพดาน...

ผมพยายามทำตัวให้คุ้นชินกับสภาพห้องแห่งนั้น และนึกให้ออกว่า
ผมมาอยู่ในห้องแห่งนี้ได้อย่างไร
ดูเหมือนว่า อีก 4 คนในห้องนี้ก็คงรู้สึกแบบเดียวกับผม

ไม่นานนักพวกเราทั้งห้าคนก็เริ่มคุยกัน
ต่างถามกันว่า ก่อนหน้านี้ทำอะไร มาอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไร และทำไมถึงต้อง(ถูกลาก)มาอยู่ในห้องแห่งนี้?

แต่ยังไม่ทันทราบรายละเอียดกันมากนัก.. เสียงแหบพร่าเสียหนึ่ง ก็ดังออกมาจากลำโพงที่อยู่มุมห้อง

เสียงนั้น ได้อธิบายถึง "เกม" เกมหนึ่งที่เราต้องเล่น เพื่อแลกกับอิสรภาพ
นั่นคือ "เกมจับคู่"
เขาบอกให้เล่นเกมเกมนี้กับคนทั้งหมดในห้อง
ให้ทำอย่างไรก็ได้ เมื่อนับรวมกัน จะได้ 5 คน แต่แยกกลุ่มแล้ว
นับได้ 2 กลุ่ม กลุ่มละ 2 คน
ภายในเวลา 10 นาที

ผมนั่งครุ่นคิด.. จะทำอย่างไรให้เป็น "คู่" ในเมื่อเราอยู่กัน 5 คน

คนหนึ่งในกลุ่มเสนอว่า ให้เสี่ยงดวงจับคู่เอา
(ผมคิดในใจ ก็แหงน่ะสิ คงต้องสุ่มเอาอยู่แล้ว)

จนในที่สุดผลก็ออกมาว่า ผู้หญิงคนหนึ่ง (ผมจำได้ว่าเธอเป็นลูกหลานผู้มีอำนาจนะ) ในกลุ่ม 5 คน
เป็นเศษที่เหลือที่ไม่อยู่ในกลุ่ม

เอาล่ะสิ.. ผมคิด.. อีก 6 นาทีนี่จะเอาอย่างไรกัน
ให้จำนวนคนนับได้ 2 กลุ่ม กลุ่มละ 2 คน แต่นับรวมกันได้ 5

ต่างคนต่างคิดกันไปเรื่อยเปื่อย จนเวลาเหลือน้อยเต็มที

พลันชายคนหนึ่ง (เหมือนจะอายุไม่มากนัก ผมคาดเดาคงอายุประมาณ 25-26) ก็ตะโกนออกมาว่า
เขาพบช่องลับตรงกำแพง

ทุกคนต่างวิ่งเข้าไปดู ก็พบอุปกรณ์สำหรับตัดจำนวนหนึ่ง
แล้วก็ไอ้คนนั้นแหละ ที่อยู่ๆ ก็เสนออะไรแผลงๆ ขึ้นมาว่า..
ถ้าเราหั่นผู้หญิงคนนั้น.. เราก็จะได้คน 2 กลุ่ม กลุ่มละ 2 คนจริงๆ
แถมพอนับรวมกัน ยังไงๆ ก็นับได้ 5 คน

แถมเขายังย้ำอีกว่า..
นี่แหละ คือการสละส่วนน้อย เพื่อรักษาส่วนมาก
ทุกคน (ยกเว้นผมและผู้หญิงคนนั้น) นิ่งเงียบไปชั่วครู่.. แล้วก็เห็นดีกับความคิดนั้น

เอาล่ะสิ เป็นเรื่องล่ะ ทีนี้

ผมพยายามโน้มน้าวให้เปลี่ยนความคิดกัน.. แต่ก็ไม่เป็นผล
ผมคนเดียว ไม่สามารถเอาชนะพละกำลังของคนสามคนได้

ทั้งสามจัดแจงจัดการผู้หญิงคนนั้น อย่างเลือดเย็น
ใช้อุปกรณ์สำหรับตัดนั้นหั่นเธอ ในขณะที่เธอยังมีลมหายใจอยู่
จากนั้นก็ลากร่างของเธอครึ่งหนึ่งมาไว้กับกลุ่มของผม.. และอีกครึ่งหนึ่งไปอยู่กับอีกกลุ่มหนึ่ง


แล้วเวลาก็หมดลง



เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่ลำโพง
เขาชมชายหนุ่มคนนั้นว่า คิดได้เยี่ยมมาก ในเวลาอันจำกัด
พร้อมเสริมว่า ปกตินั้น เวลาเรานับคน เราจะนับว่าเป็น "คน" ต่อเมื่อมีร่างครบสมบูรณ์เท่านั้น
เขาจะให้รางวัลชายหนุ่มคนนั้น โดยการปล่อยให้เขาเป็นอิสระ

จากนั้นผมก็รู้สึกอ่อนเพลีย
และล้มลงไปทั้งยืน


...

ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น... ในห้องแคบๆ ห้องเดิม...
ศพของผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้ว.. ชายหนุ่มคนนั้นก็เช่นกัน
สภาพห้อง เหมือนครั้งที่ผมตื่นขึ้นครั้งแรก
..ห้องสีขาว เล็กๆ อบอวลด้วยกลิ่นฟอร์มาลีน...

ขณะที่ผมยังมึนด้วยฤทธิ์ยาสลบอยู่นั้น
เสียงที่คุ้นหู ก็ดังขึ้นที่ลำโพง
พร้อมกับประกาศให้เราเล่นเกมเหมือนอย่างเคย

เพียงแต่ครั้งนี้ เหลือจำนวนคนเล่น เหลือแค่ 3 คนเท่านั้น


...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ม.ค. 2009, 04:20 น. โดย นายก่อ » บันทึกการเข้า

หน้า: [1] 2
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!