ขี้ราดกางเกง ลุงเปรียบได้เห็นภาพ
งั้นผมชนะพี่เจน เพราะผมเคยทั้งโดนอ่านจดหมาย แล้วก็ ขี้ราดกางเกง
เด็กๆเคยโดนแม่จับแก้ผ้าวิ่งโทงๆกลางโรงเรียนหญิงล้วนเลยเพราะขี้ราดกางเกงไปแล้ว ไม่มีสำรองให้ใส่
-----------------------
เนื่องจากวันนี้งานยังไม่เข้า ว่างจัด ขอต่อเลยแล้วกัน อารมณ์กำลังชัด
5 ปีกับการแอบรักครั้งที่ 2
เป็นรักที่ฝังใจที่สุด เป็นการพยายามทำอะไรเพื่อคนอื่นเป็นครั้งแรกที่กินเวลานานมาก และสร้างตัวตนของผมคนปัจจุบันได้มากที่สุดด้วย
หลังจากที่สอบที่ไหนไม่ติด ที่บ้านเลยหลับตาจิ้มเลือกโรงเรียนใกล้บ้านมากที่สุดให้เรียน ก็เอาวะ ไม่เรื่องมากไปไหนก็ไป
จากเด็กเกเรไม่ค่อยเรียนที่โรงเรียนเก่า เพราะแม่ตามใจอยู่ใกล้ กลายเป็นเด็กตั้งใจเรียน เพราะโรงเรียนใหม่ ไม่รู้จักใครเลย เคว้งมาก
เลยเอาหนังสือเป็นเพื่อน การเรียนเป็นเพื่อน สังคม ม.1 ตอนนั้นจึงแคบมาก ไปเีรียนเสร็จก็ตรงกลับบ้านเลย
วันหนึ่งกำลังจะมีงานโรงเรียน ได้มีโอกาสไปช่วยครูคนนึงจัดงาน ระหว่างนั่งรอได้ดูแผนกหญิงเค้าซ้อมรำกัน
(โรงเรียนผมแยกเป็นชายหญิงตอน ม.1-ม.3 ด้วยเหตุผลว่า ฮอร์โมนวัยรุ่นมันกำลังพลุ่งพล่าน กลัวเด็กจะทำอะไรไม่ดีกันเลยแยกไว้
)
ผมเห็นเธอครั้งแรกครับ เธอชื่อ "เกด" สาวน้อยผมยาว ในตาหมวยสนิท ผิวขาวเด่นเวอร์มาแต่ไกล เธอซ้อมรำพร้อมๆกับเพื่อน
เป๊ะครับ ผมชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเลย
แต่ก็ได้แต่เก็บความชอบไว้กับตัวด้วยอารมณ์ที่ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี เขินตามประสาเด็กๆ
ม.1 ผ่านไป โดยมีเธอมาเข้าเป็นส่วหนึ่งของโลกผมเรียบร้อยแล้วครับ ไปกินข้าวก็ต้องมองหา เดินไปเรียนก็พยายามมองหาตลอดเวลา
ม.2 ผ่านไปอย่างไวมาก ผมย้ายห้องมามีเ้พื่อนมากขึ้น การเรียนยังเป็นหลักเหมือนเดิม แต่ผมเริ่มเบนเข็มมาทางสายกิจกรรมมากขึ้น
เริ่มอยากเท่ หัดทำนู่นหัดทำนี่เหมือนคนอื่นๆบ้างแล้ว แน่นอนว่า สิ่งที่ทำให้เปลี่ยน ก็คือเธอคนนั้นนั่นเอง ช่วงนี้เริ่มเก็บข้อมูลว่าเธอเป็นใคร
บ้านอยู่ที่ไหน (ดีที่กลับทางเดียวกัน เลยแอบนั่งรถตามไปดูไปส่งห่างๆอยู่บ่อยๆ โรคจิตสุดๆ
) และแล้ว ม.2 ก็ผ่านไปโดยไม่ได้มีอะไรคืบหน้าขึ้นเลย เธอก็ยังไม่ได้รับรู้เลยว่า มีผมอยู่ในโลกใบเดียวกับเธอ...ทุกวันผมจะรอเพื่อกลับบ้านด้วยรถคันเดียวกับเธอ
วันไหนเธอไม่มาก็อาจจะนั่งรอจนถึงเย็น ค่ำ จนแน่ใจแล้วค่อยกลับ...คนเดียว
ม.3 เป็นปีที่ผมเบนมาทางสายกิจกรรมเต็มตัว (แต่การเรียนไม่ตก ครูเลยปล่อยให้เปรี้ยวได้สบายตัวหน่อย
)
ผมได้อยุ๋ในกลุ่มของพวกทำกิจกรรมหลักให้โรงเรียน จะใช้ชีวิตนอกห้องเรียนบ่อยมาก ช่วยจัดงานนั่นนี่ และแน่นอน ผมไปแผนกหญิงบ่อยมาก
เคยได้คุยกับเธอครั้งสองครั้งเวลาทำงาน แต่ก็แค่เรื่องงานและคำสองคำ ซึ่งมาถามทีหลังเธอก็จำผมไม่ได้หรอก
ทุกครั้งที่ได้เจอ ผมก็ยังตื่นเต้น และประหม่ามากๆ เหมือนที่เคยเจอตั้งแต่แรกเมื่อ 2 ปีก่อน เธอเป็นคนเดียวที่ผมไม่กล้าคุยด้วยตรงๆเวลาทำงาน
จุดนี้เอง ทำให้เพื่อนๆในกลุ่มรู้แล้ว ว่าผมผิดปรกติกับเธอคนนี้ และพยายามจะหาทางช่วยให้ได้คุยกันดีๆสักที
เธอชอบดูบาสครับ เพื่อนเลยพาผมสมัครเข้าชมรมบาส ไม่ได้กะแข่งให้ได้ถ้วย แต่อยากแข่งให้ชนะใจเธอเท่านั้น อยากเท่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ
จนกระทั่งใกล้จบ ม.3 เหลืออีก 2-3 อาทิตย์ก็จะปิดแล้ว ผมได้คุยกับเธอจริงๆจังๆเป็นครั้งแรกหลังการแข่งบาสระหว่างโรงเรียนในระดับเขต
เพื่อนผมรำคาญที่ผมไม่คุยสักที เลยเดินไปบอกว่า "ผมชอบเค้า อยากคุยด้วย ช่วยไปคุยกับมันหน่อยเถอะ" จนถึงวันนี้ผมยังจำไม่ได้ว่าคุยอะไรกับเธอบ้าง แต่เพื่อนในกลุ่ม ลงความเห็นกันว่า "คุยเหี้ยอะไรวะ ไม่ได้เรื่อง เสียเวลาชิบเป๋ง
หลังจากนั้น ผมก็พยายามหาเวลาเสนอหน้าไปคุยกับเธอตลอด กลับบ้านก็พยายามทำให้เหมือนว่าบังเอิญเจอกัน (แทบทุกวัน) หาเรื่องไปส่งบ้างโดยอ้างจะไปทำธุระแถวนั้น (บ่อยๆ)
แต่ก็ยังทำตัวโก๊ะๆ เปิ่นๆ ตลอดเวลา ซึ่งเธอมาบอกทีหลังว่า ดูงี่เง่า มากกว่า จะน่าประทับใจอีก
เธอให้คำตอบผมวันสุดท้ายก่อนจะปิดเทอมโดยเธอเขียนทั้งหมดใส่สมุด เฟรนด์ชิป คืนมาให้ผมว่า
"เธอคงรักผมเป็นแฟนไม่ได้หรอก เรามีเวลารู้จักกันน้อยไป ถ้านานกว่านี้ ทุกอย่างก็อาจจะดีกว่านี้
หาคนที่ใช่สำหรับเธอดีกว่านะ และอย่าลืมรีบบอกเค้าด้วยล่ะ"
วันนั้นสอบด้วยอารมณ์หมดสิ้น สามปีสลายในพริบตา
แต่เราก็ยังคงโทรคุยกันไปเรื่อยๆ แม้เธอจะย้ายโรงเรียนไปแล้ว
เธอไปอยู๋โรงเรียนประจำ โทรคุยทีก็ต้องคุยกันใต้หอ คุยนานก็ไม่ได้แต่ก็ยังมีอะไรเล่าให้ฟังกันอยุ๋เรื่อยๆ
ทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้น เธอคุยเล่นกับผมแบบสนิทใจ เพื่อนๆเธอก็รู้จักผมดีเกือบทุกคน ชีวิตยังเหมือนมีความหวังอยู๋
จนวันนึง กลางเทอม1 ของ ม.5 คืนนั้นเธอคุยกับผมมาว่า...
"โอ เราคงจะไม่ได้คุยกับเธอบ่อยๆแล้วนะ แฟนเราเค้าขี้หึงน่ะ ยิ่งเค้ารู้ที่เราคุยกับเธอเค้ายิ่งไม่ชอบใจ
เราขอโทษนะ แต่ไว้นานๆโทรมาคุยเล่นกับเราบ้างก็ไม่เป็นไรนะ ขอให้โอเจอคนที่ดีสำหรับโอซักทีล่ะ"
อารมณ์มึนเข้ามาอีกระลอก เรื่องจบในพริบตาอีกแล้ว หลังจากวันนั้น เราได้คุยกันอีกทีสองที และก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย
ปัจจุับันผมก็ไม่รู็ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง พยายามตามข่าวก็ไม่มีใครรู้ หลายครั้งที่เห็นอะไรบาอย่างก็จะสะกิดให้คิดถึงเธอเสมอ
เธอเป็นตัวอย่างในใจของผมว่า คนที่มันไม่ใช่ ยังไงก็คงจะไม่มีวันใช่สำหรับเราจริงๆ
และความรู้สึกบางอย่าง ก็อาจเติบโตในความรู้สึก ได้ดีและเพียงพอมากกว่า ความเป็นจริงก็ได้
ปัจจุบัน ผมก็ยังคงได้แต่แอบรักเธออยู่ในใจ ต่อไป
------------------------------------