ขอบคุณลุงเป็ดที่อธิบายครับ
ถ้าอย่างนั้นผมว่าธรรมะสัมพัทธ์กับคนครับ
เพราะว่าถ้ามองที่จุดประสงค์หรือCore Concept ของธรรมะแล้ว
คือการสร้างความสงบสุขแก่มนุษย์คนนั้น แล้วคนโดยรอบ
ธรรมมะนั้นสอนให้มนุษย์ดำเนินวิธีชีวิต อย่างมีระเบียบแบบแผน
แน่นอนว่าในสมัยก่อนอาจจะยังไม่มีกฎหมายมาควบคุมดูแล
ธรรมมะในสมัยก่อนก็อาจเป็นวิถีการดำเนินชีวิต + ข้อบังคับนิดๆ
ผมตั้งข้อสังเกตุนิดนึงว่าศาสตร์ที่มีอยู่ทุกวันนี้คือการเข้าใจมนุษย์
แพทย์ศาสตร์ = เข้าใจระบบร่างกายของมนุษย์ เพื่อนำมาผ่าตัด สร้างยา บลาๆๆ
เศรษฐศาสตร์ = เข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ ความอยากของมนุษย์ จะได้สร้างวิธีรับมือ (อารมณ์Marketing)
(แนะนำให้ไปหาหนังสือเรื่อง เศรษฐศาสตร์ในกทม เขียนเข้าใจง่าย อธิบายถึงพฤติกรรมของมนุษย์ได้ดีในมุมมองเศรษฐศาสตร์)
ศิลปศาสตร์ = เข้าใจพฤติกรรมการมองเห็น การรับรู้ การเข้าใจของมนุษย์
ธรรมะนั้นอาจจะเป็นอย่างที่บอกคือ เป็นการเข้าใจในธรรมชาติการเป็นอยู่ และธรรมชาติของมนุษย์
เมื่อเราเข้าใจแล้วก็อาจจะทำให้เรายอมรับตกลงปลงใจอะไรได้
แต่ว่าในการรับสารนั้นแต่ละคนมีระดับขั้นของการตีความไม่เหมือนกัน
บางคนอาจตีความไปอีกแบบเหมือนกับนักเรียนอ่านหนังสือสอบ
อ่านเล่มเดียวกัน คนสอนคนเดียวกัน แต่ได้เกรดไม่เท่ากัน
นึกอะไรออกแล้วมาโม้ต่อ
ปล. ขอบคุณลุงอ๋าครับ แต่ถ้าเขียนเป็นตัวเลข 123 จะเข้าใจง่ายขึ้นครับ