โอ้มีจู๋นี้ด้วย เอามั่งๆ
คืนนี้อยู่ดีๆ ก็มีความสุขแฮะ
ให้นึกว่าปกติพอค่ำปั๊บ ซอยบ้านตูจะกลายเป็นมิติลี้ลับทันที
เนื่องจากมันมืดและเปลี่ยว ดังนั้นคนที่เดินสวนกันก็จะไม่มองหน้ากัน
เพราะประวัติอาชญากรรมแถวๆ นี้มันเยอะ เป็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยน่าอภิรมย์เท่าไหร่
แต่วันนี้พอกลับมาถึงบ้าน(ไปโลตัสมา)
ตูเอากล้องไปตั้งหน้าบ้าน ยืนเล็งนู่นยกนี่
(ให้นึกว่าตึกมันบังหมดเลย ไม่มีอะไรสวยงามเลยแถวนี้)
จนเดินเลยไปบ้านในซอยลึกๆ นู่นกว่าจะเห็นพระจันทร์โผล่ขึ้นมาตรงซอกเสาำไฟฟ้า
แล้วก็ยืนเล็งๆ ถ่ายๆ อยู่ตรงนั้น ค่อนข้างหวั่นใจเหมือนกันเพราะมันเปลี่ยวมาก
สักพักมีคุณป้าคนนึงเปิดประตูบ้านมา ตูทักทายแล้วเรียกให้มาดูพระจันทร์ยิ้ม
ป้างง แล้วเดินออกมาก็กรี๊ดกร๊าด หยิบโทรศัพท์มาถ่ายด้วย
(แน่ล่ะ ถ่ายไม่ติดหรอกเพราะที่นี่มุมมันไม่มีเลย)
ป้าก็โทรหาเพื่อน ตะโกนเรียกลูกหลานแกให้ออกมาหน้าบ้าน (เลยรู้ว่าบ้านนั้นก็มีน้องตึง)
สักพักพอที่ตรงนั้นมีกลุ่มคนพอประมาณ (ถ้าแถวนี้มีกฎอัยการศึกก็ถือว่าโดนยิงแล้วนะ)
เด็กแว้นขี่รถผ่านมา (ปกติจะน่ากลัวมากแต่วันนี้ไม่) ก็มาชะลอจอดดู แล้วทำท่ากรี๊ดกร๊าด
เพื่อนเด็กแว้นก็มาจอดดู เพื่อนของเพื่อนเด็กแว้นก็เดินออกมาดู และคุยกับเรา (=พวกเรา)
กลุ่มคนที่ไม่เคยคุยกันแม้จะอยู่ซอยเดียวกัน
กลับมีพระจันทร์ที่อมยิ้มพอดิบพอดีบนฟ้า
เรียกพวกเรามาทำความรู้จักกันได้
เป็นรอยยิ้มที่น่ารักและน่าชื่นใจท่ามกลางเหตุบ้านการเมืองที่วุ่นวายในขณะนี้
ขอบคุณครับพระจันทร์ ขอบคุณดาวพฤหัสและดาวศุกร์ด้วย ทำงานเป็นทีมกันเก่งมาก
ป.ล.แปะภาพไว้ที่จู๋นู้น ขอลากมาเอี่ยว
อ๊าก ไม่ทัน
จะโพสต์พอดีเลย (ดูเวลาตอนเก็บดาวตะกี้ 19.28 พอดี
)
งั้นถือว่าหยวนๆ ละกันนะครับ ไม่ได้ตั้งใจลอกแน่ๆ
เมื่อเย็นเห็นฟ้าสีชมพูแต่ไม่มีกล้องเลยใช้กล้องมือถือโบว์ถ่ายไม่ติด
มานึกดูหน้าของพระจันทร์และสองดาวคืนนี้เหมือนผู้หญิงน่ารักๆ คนนึง
ที่มองลงมาด้วยความห่วงใยอะไรสักอย่าง อาจคิดไปเอง แต่ก็คิดแบบนี้จริงๆ
กลับมาถึงบ้านก็ฟ้ามืดแล้ว วิ่งไปหยิบกล้องไปยืนถ่ายหน้าบ้าน
มีสายไฟระโยงระยางเต็มไปหมดเลย ดูเหมือนเส้นผมของผู้หญิง เลยหามุมสวยๆ ได้
แต่พอภาพออกมาก็ไม่ค่อยเหมาะกับโจทย์นี้เท่าไหร่ เลยหามุมอื่นอีกหน่อย
จนไปปีนหลังคาบ้านด้านหลังได้มุมมานิดหน่อยครับ เลยเอามาอวดกัน
ชื่อภาพ อยู่ห่างห่าง อย่างห่วงห่วงขอแถมนะครับอีกสองภาพ เป็นของขวัญต้อนรับลมหนาวละกัน
ชื่อภาพ ธิดาราตรี ๑ชื่อภาพ ธิดาราตรี ๒