กราฟิกไทยมันจะต้องมีกาลเทศะมาประกอบกันด้วยน่ะครับ (ที่ชาติอื่นเค้าไม่ค่อยมี) เช่น
- ของที่เกี่ยวกับหมวดศาสนา หรือหมวดพระมหากษัทย์ หรือหมวดชาติ (บางอัน)
จะเอาไปใช้ในงานกราฟิกต้องระวังอาจติดคุกได้ หรืออาจถูกประนามจากสังคม หรือผิดจริยธรรม
เช่นเอาลายไทยไปทำลายรองเท้าฟองน้ำ ซึ่งลายไทยเป็นสัญลักษณ์มาจากพุทธศิลป์ทั้งสิ้น
เอาสัญลักษณ์ประจำพระองค์ หรือพระบรมฉายาลักษณ์ ไปประกอบโฆษณาหรือเอาไปทำเล่นไม่ได้ทั้งสิ้น
(ไม่เหมือนอังกฤษเอาภาพ Queen มาทำภาพล้อเยอะเยะ)
หรือเอาธงชาติไปใส่ชื่อก็ไม่ได้
เป็นต้น
เพราะเนื่องจากความรู้สึกคนไทยของเหล่านี้เป็นของสูง ที่เทิดทูน อย่างยิ่ง
ศิลปของหมวดศาสนา และพระมหากษัตริย์ จึงวิจิตร ระยิบระยับ ปราณีตอย่างมาก เพราะถือว่าว่าต้องถวายแต่สิ่งที่ดีที่สุด จึงจะได้บุญ
หรือควรค่าตอบแทนในสิ่งที่รักที่สุด
ศิลปเหล่านั้นอาจจะมาจากชาติอื่น แต่เมื่อมาถึงมือคนไทย มักจะทำให้มันละเอียด ปราณีตขึ้นไปอีก (อาจเรียกว่าสไตล์ มากมาก ตรงข้ามกับสไดล์น้อยน้อย)
ชึ่งก็มีการปรับมาจนถึงจุดอิ่มตัว (หรือสูงสุด) จนมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างน้อย หรือถึงจุดหยุดนิ่งในยุคปัจจุบัน
มีสีสันอันเป็นเอกลักษณ์แน่นอน ตัวหนังสือก็มีเอกลักษณ์ชัดเจน ส่วนใหญ่เป็นตัวหนังสือมีหัว และตัวหนังสือแบบอาลักษณ์
- ส่วนหมวดประชาชน ที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน (ไอที่เรียกกันว่า VeryThai หรือ ไทไทย หรือ ไท้ไทย) มันก็จะเเป็นอะไรที่มีความ
สนุกสนาน ฮาฮา เมาเมา ปาร์ตี้ ผสม มัวมัว มั่วมั่ว ผสมผสาน สีสัดจัดจ้าน (จนถึงสีสะท้อนแสง) ไม่ยึดติด
รับทุกสิ่งมาแล้วปรับเข้ากับตัวเองได้หมด ซึ่งมันก็มาจากนิสัยคนไทยด้วย เช่นดอกไม้กับรถถังที่ฝรั่งยังงง
หรือแต่งงานในพันธมิตร (เจ้าตัวบอกไปฮาฮา (อ่ะล้อเล่นหน่อยนะ)) นี่ละนิสัยคนไทย "เอาฮา" เอกลักษณ์ของไทย
และก็ปรับไปตามยุคสมัย ตามเหตุการ์ณบ้านเมือง
รูปแบบและเอกลักษณ์จะเปลี่ยนไปค่อนข้างไว และเรื่องของกาละเทศะก็จะไม่ค่อยต้องคำนึงมาก
ซึ่งกราฟิกไทยเวลาเราจะเอาไปใช้ก็ต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ด้วยครับ
และจากการแบ่งเป็นหมวดอย่างนี้ทำให้กราฟิกไทย มีหลายอารมณ์ (ตามหมวด) ที่มีความแตกต่างโดยชัดเจน
ไม่ได่มีแบบอารมณเดียว แบบนิ่งๆปล่อยสเปสแบบเซนของญี่ปุ่น เป็นต้น
และไม่ได้บอกว่าหมวดไหนดีกว่ากัน แต่ต้องประกอบกันไปอย่างนี้ละครับเพื่อความหลากหลาย