มนตด ก็ อจินไตย ซะเยอะ พี่
แรงหลักมี 4อย่าง เด้อ
1. แรงโน้มถ่วง (หรือแรงดึงดูดฟะ งง กะ 2อย่างนี้จัง)
2.แรงแม่เหล็กไฟฟ้า
3.แรงเข้ม
4.แรงอ่อน
จริงๆ ถ้าเราถูกดูดกันจริง ไม่ฉีกหรอกแว่บเดียว แหละ พอดีคุยถึงว่า สมมุติว่าสโลโมชั่นกันได้
งั้นผม ขอบอกว่า ภายในเวลาเศษเสี้ยวของแว่บเดียว(เร็วแสง) ทั้งเอิร์ธ และผม คงตายไม่ต่างกันแน่ๆ(เวลา)
ไอ้แรง4อย่างข้างต้นนั้นแหละ พอดีไม่มีอย่างใดอย่างนึงกระทำอย่างเดียวนี่น่า เวลาถูกดูด จริงมะ
4แรงหลัก เนี้ยแหละ จะตั้งนิยาม1เดียวว่าอะไร ปัจจุบันเขาพยายามหาคำตอบอยู่ นะเออ
เปลี่ยนชื่อกระจู๋เป็น อจินไตย ซะเลย ดีมะ ครบทั้ง UFO+เอกภพ ความตื่นรู้ กฎฟิสิกส์ ความรู้ของผู้รู้ ไปเลยและ
เบิ้ล
ทำความเข้าใจก่อน
เรื่องหัวข้อกระจู๋ นี้
เกิดมาจาก ในวัฒนธรรมของไทย มีสูตรที่เรียกว่า อจินไตย 4
ผมใช้คำว่าวัฒนธรรมจริง แต่ อจินไตย4 มาจากการตีความของท่อนนึงในพุทธศาสนา
*ขอย้ำว่าไม่มีเจตนา ในการลบหลู่พระศาสนาใดๆ เพียงแต่ว่า หากไม่มีการวิเคราะห์ สิ่งที่บัญญัติไว้ใน อจินไตย4
เทคโนโลยีจะหยุดค้าง (สาเหตุเพราะยึดติดกับ สูตรอจินไตย ทั้งๆที่พระศาสดา มิได้ให้ยึดติดงมงายในสิ่งใดเลย)
ขอยกสูตรอจินไตย4 ขึ้นมาอธิบาย
อจินไตย4 สิ่งที่ไม่ควรสนใจ 4 อย่าง
1.พุทธะ -
การตื่น(ขึ้นมารับ)รู้ พุทธวิสัยไม่ควรสนใจ(ตื่นยังไง) ไม่ต้องเอามาคิดว่าพุทธคืออะไร(ตื่นคืออะไร)
รวมถึงความเป็นมาของพระพุทธเจ้า และสภาวะทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการตื่นของความรู้ อันสว่างไสว
2.ฌานะ -
การเพ่งพิจพินิจพิเคราะห์ การวิเคราะห์อย่างเต็มที่ ตั้งใจ โดยสนใจอย่างยิ่ง จดจ่อ การทดลองทางวิทยาศาสตร์
(เพราะต้องสนใจ พินิจพิเคราะห์) คือสิ่งไม่ควรสนใจ
3.กรรมะ - การที่สรรพสิ่งกระทำต่อกัน (อันนี้คล้ายฟิสิกส์อย่างยิ่ง) สิ่งใดกระทำกับสิ่งใด ใครกระทำกับใคร ไม่ควรสนใจ
4.โลก - สรรพสิ่ง ไม่ควรสนใจ คำว่าโลกครอบรวมถึงทุกอย่างในสากลจักรวาล เรียกรวม เอกภพทั้งหลายว่า โลกธาตุ ไม่ควรสนใจ
ถ้ามีการตีความแค่นี้ รับรอง ไม่มีคนไทย(ที่เชื่อแค่นี้) สนใจวิทยาศาสตร์เลย เพราะคลุมหมดถึงทุกอย่างที่มนุษย์ควรค้นคว้า ปฏิบัติ
มีบางกลุ่มไม่ใส่ใจอะไรเลย พอมีการค้นคว้าค้นพบอะไรใหม่ที่จะขับดันความเป็นอยู่ได้ ก็จะบอกว่า "อจินไตยๆ"
ผมไม่อยากให้คิดเป็นในแง่ศาสนา นะครับ ผมเชื่อว่า คำสอนพระพุทธองค์ ไม่สามารถนำสูตรใดสูตรนึง เป็นสำเร็จรูป(มาม่า)
ได้ แต่ก็มีคนเชื่ออย่างนั้น และปฏิเสธวิทยาการ อยู่จริงๆ แต่ก็ไม่เอาเรื่อง ธรรมะ ด้วย(ธรรมะ-พื้นฐานของสรรพสิ่ง)
ผมเลยเรียกมันว่า(ประชด) 4อย่างที่คนไทยไม่เอา
ความตื่นรู้,ความรู้ของผู้รู้,ฟิสิกส์,สรรพสิ่ง ไม่เน้น ไม่ค่อยสนใจ
ด้วยการแปลความหมายแค่ อจินไตย4 แล้วสรุป เชื่อตามๆกัน อย่างงมงาย กลายเป็นพื้นฐานสังคม
มาว่าเรื่อง ทฤษฏีสัมพัทธภาพ กันบ้าง (Theory of Relativity)
ก่อนอื่น เรามักจะเรียกชื่อกันผิดๆ เป็น สัมพันธภาพ(สำพันทะพาบ) จริงๆแล้วคือ สัมพัทธภาพ(สำพัดทะพาบ)
มันต่างกันนะครับ เพราะจะออกทะเลได้เลยถ้าเข้าใจชื่อผิด
คือ
การวัดผลอะไรก็ตามต้องวัดผลด้วยอะไรเทียบเคียงเสมอเช่น เราวัดความสูงด้วยไม้เมตร ถนนยาวด้วยหลักกิโลเมตร ที่1ได้เพราะมีที่2
เราไม่สามารถวัดผลอะไรด้วยการเอาตัวเองมาเป็นมาตราวัด(เพราะสุดท้ายตัวเราก็ต้องเอาสักอย่างที่เข้าใจมาวัด)
ทฤษฏีสัมพัทธภาพพิเศษ (Special Theory of Relativity)
เป็น ตัวเสริม ของ ทฤษฏีสัมพัทธภาพ ที่ออกตามมาภายหลัง (คล้ายๆ แพทเสริมของเกม)
1.กฎต้องอ้างอิงในสมการทุกกรอบ ในลักษณะเดียว (รูปเดิม)
2.ความเร็วของแสงมีค่าคงที่
นึกไม่ออกแล้ว ใครอยากเสริมอยากแก้อะไรว่ามา
ดังนั้น
เรื่องนึงที่อยากจะขอให้ช่วยนะครับ
อยากให้ ชื่อของกระจู่นี้ เป็น จินไตย มากกว่า
เพราะชื่อนี้ในปัจจุบัน เป็นคำที่ลงไปได้ไม่ครบ
เรื่องน่าสนใจ จินไตย-จินตนาการและความรู้
ดีกว่านะครับ ขอร้องเถอะ
ส่วนมันจะร่วงไปก็ยังดีกว่าปล่อยไม่เสร็จ