อีกหนึ่งบทความ ไปอ่านเจอค่ะ
*--------------------------------*
นี้ก็อีกข้อคิดหนึ่ง ที่นำมาฝากทุกท่านครับ
------------------------------------------------
http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=11410เรามีชีวิตอยู่อย่างไร? ทางนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเราที่ทุกคนมานั่งอยู่ในห้องนี้ มาใช้เวลาให้หมดไปกับการสวดมนต์ทำวัตรเช้า ฟังเรื่องราวที่เป็นกุศล แล้วสร้างสิ่งที่จะมาบันดลชีวิตของเราให้เป็นผู้ประเสริฐได้ในอนาคตก็คือ การรู้พระอภิธรรมปิฎกและการปฏิบัติธรรม ซึ่งต่างจากผู้ที่อยู่นอกห้องนี้หรือในขณะที่เราไม่ได้อยู่ในห้องนี้ที่ไม่สามารถไปรับประกันได้ว่าจะกลับไปอยู่กับกิเลสอีกไหม หรือจะมีเรื่องวุ่นวายอะไรอีก
เพราะขณะนี้ประเทศไทยทั้งประเทศร้อนเป็นเพลิง เราจึงได้มาสวดมนต์กันเพื่อแผ่เมตตาไปทั่วทิศ และเราก็ทำได้แค่นี้จริงๆ นอกจากนี้ก็อยู่นอกเหนือความสามารถ ถามว่าตัวเองอยากได้อะไร? อยากให้ประเทศไทยสงบ ทำไมจึงอยากให้ประเทศสงบ? ก็ต้องบอกว่า เป็นห่วงในหลวงมาก เพราะพระองค์ท่านเป็นบุคคลที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เราเกิดมาที่เราได้เห็นพระองค์ทำสิ่งต่างๆ แต่มาบัดนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกับพระองค์ท่านเป็นสิ่งที่ไม่น่ารื่นรมย์เลย
เรื่องของกรรมที่จำเพาะเจาะจงไม่มีใครหลบหลีกได้ เวลาที่จะส่งผลให้นั้นไปว่าจะอยู่ที่ไหนกรรมก็ส่งไปให้ได้ทั้งฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ สิ่งที่เราจะช่วยได้ในตอนนี้ก็คือต้องเป็นคนดีคนหนึ่งของประเทศ หรือเป็นคนดีหมู่หนึ่งกลุ่มหนึ่ง ซึ่งไม่เร่าร้อนไปกับเพลิงกิเลสหรือสิ่งยั่วยุเหล่านั้น แล้วไม่ทำตัวเป็นผู้เลือกที่รักผลักที่ชัง แต่รักตัวเองด้วยการมาหาความรู้
ฉะนั้นบางคนจึงอย่าคิดว่าตัวเองฉลาด ซึ่งได้เขียนไว้ว่า ..จึงไม่ฉลาดเลยที่จะเชื่อในปัญญาความสามารถของตนจนเกินไปว่าข้าแน่แล้ว ดีแล้ว รู้หมดแล้ว แต่เป็นการดีที่จะพึงสังวรไว้เสมอว่า ผู้ที่เข้มแข็งที่สุดอาจจะอ่อนแอลงได้ และผู้ที่ฉลาดที่สุดอาจจะพลาดพลั้งได้ ซึ่งไม่ควรประมาทในชีวิตและความมีของตนเองเลย ..
เพราะคนฉลาดไม่ได้หมายถึงว่าคนนั้นเป็นคนที่มีปัญญาเสมอไป คนมีปัญญาก็ไม่ได้แปลว่า คนนั้นจะฉลาดเสมอไป แต่เมื่อใดคนมีปัญญาแล้วฉลาดรู้ ฉลาดทำ ฉลาดคิด คนนั้นก็จะมีชีวิตที่ไปได้โลดและเอาตัวรอด
ดังนั้น จะมีความฉลาดเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้ จะมีปัญญาเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะอาจพูดไปในสิ่งที่เขารับฟังไม่ได้ หรือเอาธรรมะไปสอนที่เขายังรับฟังไม่ได้เรียกว่าเป็นความไม่ฉลาดใช้ให้เหมาะกับกาลเวลา จึงต้องมีทั้งความฉลาด มีปัญญา มีไหวพริบปฏิภาณ และโดยเฉพาะการรู้รักษาความสงบใจของตนเองไว้ให้ได้
บางคนที่มีความประมาทเราก็จะเห็นจากการแสดงของเขาที่ชอบพูดว่า คนนั้นดี คนนี้ดี ฉันนี่แหละดี ฉันนี่แหละเก่ง ..นี่เป็นความประมาทเกินไป เพราะคนที่เก่งกว่าเรายังมีอีกเยอะแยะ คนทีดีกว่าเราก็ยังมีอีกมากมาย ..เราเป็นเพียงผู้ที่เดินตามหลังมาเท่านั้น การที่เรามองว่า "ไม่เห็นมีใครฉลาดเลยสู้ฉันไม่ได้" ตรงนี้แหละคิดผิด
แต่ถ้าเรายังไม่เห็นใครฉลาดจริงๆ ก็จงนึกถึงผู้ที่เขาฉลาดกว่าเรา เช่น ท่านอาจารย์บุญมี หลวงพ่อแสวง หลวงพ่อเสือ ..ความลำพองอหังการ์ของเราก็จะยวบลงมาได้ ไม่ร้องแต่เพลงเย้ยฟ้าท้าดิน "เย้ยทั้งฟ้า ท้าทั้งดินสิ้นยำเกรง หรือใครเก่งเกินข้าฟ้าดินกลัว" เพลงนี้อยู่เพลงเดียว
ถ้าหากใครที่มีความรู้สึกอย่างนี้อยู่คิดว่าฉันเป็นฮีโร่(ที่ไม่ได้ยี่สิบห้าล้านไม่มีใครให้เหรียญทอง) ไม่มีใครเทียบเราได้ ก็ให้หันกลับไปมองผู้ที่เราศิโรราบได้ เช่น บรรพบุรุษของเราผู้ที่สร้างบ้านสร้างเมืองไว้ให้ แม้ใครจะมาสร้างตอนนี้ก็สู้บรรพบุรุษไม่ได้เพราะท่านสร้างแผ่นดินไว้ให้ แล้วแผ่นดินนี้จึงค่อยมาปลูกสิ่งก่อสร้างขึ้นในภายหลัง ..ท่านเหล่านี้จึงเป็นผู้ที่ดีกว่าเรามากมาย การที่ฉลาดคิดฉลาดทำเช่นนี้ก็จะทำให้เราลดความเร่าร้อนลง ลดความมานะลำพองลงไปได้
ผู้ที่เข้มแข็งที่สุดอาจจะอ่อนแอลงได้ ..จึงเป็นการดีที่เราจะพึงสังวรเสมอว่า ผู้ที่แข็งเรงที่สุดอาจจะอ่อนแอลงได้ดังเช่นพญาช้างสารที่ยังล้มลงได้เลยในยามป่วย ยามถูกอาวุธ ซึ่งเราก็จะเห็นเลยว่าคนที่แข็งแรงที่สุดเมื่อเข้าสู่วัยชราความแข็งแรงก็เสื่อมไป
และก็เคยเห็นคนที่แข็งแรงมากๆ อยู่คนหนึ่งและก็เพิ่งได้ไปพบมาเมื่อวันศุกร์นี้ เป็นผู้หญิงที่ทั้งร่างกายก็แข็งแรง ความคิดก็ว่องไว การศึกษาก็สูงจบปริญญาโทจากต่างประเทศ มีความรู้ความสามารถมาก ทั้งยังพูดจาไพเราะมากเวลาทำรายการโทรทัศน์ของตนเองก็ยังพากษ์เสียงเองด้วย แต่ตอนนี้มีสุขภาพที่แย่มากสภาพความแข็งแรงหายไปหมด เดินไม่ค่อยคล่องเปลี่ยนไปจากเดิมที่เป็นผู้หญิงเก่งมาก สำหรับตนเองนั้นก็เคยคิดนะว่า ความสามารถเท่ากับผู้หญิงคนนี้ก็คงจะดีนะ เราคงเผยแพร่พระพุทธศาสนาได้มากกว่านี้อีก เพราะคนนี้พูดภาษาอังกฤษเป็นไฟเลย แล้วก็รู้จักทุกวงการ แต่ตอนนี้บวชเป็นแม่ชีซึ่งมีสุขภาพที่อ่อนแอ
ผู้ที่ฉลาดที่สุดอาจจะพลาดพลั้งได้ ....เช่น ขงเบ้งที่ดูแลชีวิตคนอื่นแต่ลืมดูตนเองกว่าจะมามองดูดาวแล้วก็ไม่ทันแล้วและขนาดดูแล้วก็ยังตาย รัสปูตินก็พลาดไปกินแซนด์วิชผสมยาพิษ เราจึงไม่ควรประมาทในชีวิตและความมีของตนเองเลยว่าปัญญาวุธน่ะมีพอแล้ว อาวุโสมีพอแล้ว ความไหวพริบมีพอแล้ว ..เพราะนั่นแหละคือความประมาทและความกล้าเสี่ยงที่สุด
ขอขอบคุณ ความคิดเห็นที่ 1 : (เฉลิมศักดิ์)
http://larndham.net/index.php?showtopic=32940*------------------------------*
หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่น้องชาวไทย