วง Kings of Convenience มาไทยปลายมีนานี้
บัตรหมดใน 3 วันแรกที่เปิดขาย เลยมีการเปลี่ยนสถานที่
แล้วขายบัตรเพิ่ม ตอนที่ผมรู้ว่าบัตรหมด หัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม
ดีที่มีขายรอบสอง แล้วที่ฮากว่านั้น เมื่อวานไปซื้อ
ผมถามเค้าว่า บัตรเหลือเยอะไหมครับ เจ้าหน้าที่บอก
ตัดที่น้องซื้อไปแล้ว ก็เหลือ 12 ใบ ค่ะ
โอกาสยังงี้ไม่ได้มีง่ายๆนะครับ ข่าวที่ว่าพวกเขาจะมาไทย
มีมาตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้ว มีหลายกลุ่มพยายามหาวิธีดึงพวกเขามาแสดงที่บ้านเรา
พึ่งสำเร็จปีนี้แหละ จริงๆสาเหตุที่บัตรมันหมด ไม่ใช่เพราะพวกเขาฮ็อตอะไรขนาดนั้นหรอกครับ
แต่เป็นเพราะ พวกเขามักจะแสดงคอนเสิร์ตในสถานที่ขนาดเล็กๆ
คนพอประมาณ ซึ่งจะสื่อสารดนตรีของพวกเขาได้ดีกว่า
บางคนจะอธิบาย Kings of Convenience ว่าประมาณพวก
บอสซ่า หรือ โฟล์ค แจ็ค จอห์นสัน, เจสัน มาร์ซ หรืออะไรแบบนั้น
แต่จริงๆแล้ว พวกเขาไม่สามารถและไม่มีทางจะเป็นอะไรแบบนั้นได้
เพราะพวกเขาคือชาวนอร์เวย์ และคนนอร์เวย์ทำอะไรทั่วไปแบบนั้นไม่ได้
พวกเขาเป็นวง 2 คน มาจากเมืองเล็กๆในนอร์เวย์ ประชากรประเทศที่น้อยอยู่แล้ว
ที่ๆพวกเขาอยู่ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ และการอยู่ในแอตแลนติกเหนือแบบนั้น
มันทำให้พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยวจากโลกใบนี้ ดนตรีที่พวกเขาเล่นก็ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นเช่นกัน
พวกเขาทำดนตรีเพียงเพื่อให้ตัวเองมีความสุข หรืออย่างมากก็เพื่อนๆที่รู้จักกันฟัง
พูดง่ายๆว่ามีความเป็นส่วนตัวสูงเกินกว่าจะไปรวมกับดนตรีแนวชายทะเลสำหรับคนหมู่มาก
จริงๆมันก็มีชื่อเรียกของมันแหละ เรียกตามตัวเลยว่า ดนตรี Norwegian Folk ก็เท่านั้น
บางทีเขาก็จัดว่าอยู่ในหมวด Underground Pop เหมือน เบลล์ แอนด์ เซบาสเตียน
อะไรจำพวกนั้น ซึ่งผมก็ว่าเบลล์นี่ก็สุดยอดวงที่มาคู่กันเลย
นี่คือเพลงฮิตสุดของพวกเขา Homesick
และเป็น 1 ในเพลงที่เพราะติดอันดับในชีวิตผม
http://www.youtube.com/watch?v=gm8f7fZMucI#เนื้อเพลงง่ายแต่หมดจดงดงามมาก
ผมชอบท่อนที่ว่า every day there's a boy in the mirror
asking me what are you doing here,
finding all my previous motives, growing increasingly unclear
โดยเฉพาะคำนี้ growing increasingly unclear มันมีความหมายอย่างประหลาด
เหมือนจะนึกออกว่ามันคืออะไร แม้จะเลือนลาง แต่ก็มีอยู่
และนั่นเป็นจุดเด่นของพวกเขาอย่างแรง คือการใช้คำง่าย แต่มีพลัง
ยกตัวอย่างชื่อเพลงก็ได้ Misread, Riot on an Empty street,
Gold in the air of summer, I Don't Know What I Can Save You From,
Power of Not Knowing ทำไมช่างคิดสรรหาคำที่ง่ายและมีความหมายได้ยังงี้ก็ไม่รู้พ่อคุณ
จริงๆก็มีอีกหลายเพลงที่ฟังแล้วน้ำตาไหลได้เลย
และคงจะน้ำตาไหลจริง ถ้าบัตรหมด
เทียบกับกรีนเดย์ที่คอนเสิร์ตยิ่งใหญ่ โปรดัคชั่นอลังการ
ผมยังไม่อยากดูเท่าเลยนะ กรีนเดย์มันเหมือนเป็นอะไรที่ต้องดูมากกว่า
(ซึ่งคอนเสิร์ตมันก็เจ๋งมากนั่นแหละ) จริงๆวงอะไรดีๆมาไทย ถึงจะไม่ได้ชอบมาก
ปกติก็ต้องไปดูไว้แหละ โอกาสพวกนี้มันไม่ได้มีบ่อยๆ
และก็เหลือผู้โชคดีอีกแค่ 12 คนเท่านั้น ที่จะได้ดู
ตัวอย่างแสดงสด
http://www.youtube.com/watch?v=rC_pUoiBqJQ#wsเหมือนกำลังฟังพระเทศน์ยังไงยังงั้น