ผมดันไม่ค่อยชอบพวกมือกลอง
ที่ตีดังออกมาจนโดดเด่นแฮะ
เพราะรู้สึกว่า กลองคือผู้ควบคุมจังหวะในวง
แต่ถ้าดันมาบ้าโซโล ตีตูมๆๆๆๆ เข้าไป
ก็จะกลายเป็น ตำแหน่งกลองนำเหมือนกับวงกลองยาวไปซะนี่
อย่างว่า วงร็อคก็พยายามหาอะไรที่แหวกๆ ออกไป
มีโซโลกีตาร์ มีโซโลเบสแล้ว ไหนๆ ก็ไหนๆ กูก็อยากดังด้วย
เลยโซโลกลองมันซะเลย
มือกลองที่เก่งๆ ในความเห็นผมคือ
มือกลองที่คุมจังหวะดีๆ แม่น สม่ำเสมอ
แล้วใช้ลูกเล่น ในการส่งจังหวะ้ให้กับผู้ร่่วมวงคนอื่นๆ ได้โดดเด่นออกมา
เหมือนกับการเอาสปอตไลต์ไปส่อง
ตามผู้ร่วมวงตรงตำแหน่งและเวลาที่เหมาะสม
สำหรับผมคือ Phil Selway ของ Radio Head ครับ
ไม่ค่อยมีความรู้อะไรเกี่ยวกับมือกลอง
แต่เห็นด้วยกับพี่ณตครับ ผมว่าเรื่องของเรื่องคือ
พอคนที่แกนความคิดทางดนตรีไม่แน่น มันจะหลงไปกับเรื่องของเทคนิคมากไป
แต่คนที่ชอบแบบนั้นก็เยอะน่ะนะครับ ในยุคนึงมันถึงสดุดีกันแต่กีตาร์ฮีโร่
โซโล่กันวอดวายจนเกินความจำเป็น ก็ถือว่าเป็นกลุ่มวัฒนธรรมย่อย
ทางดนตรีกลุ่มนึงไป เช่น ดรีมเทียเต้อ ก็ถูกจัดอยู่ในดิวิชั่นนี้
แต่พอดีใจความทางศิลปะพวกเขาครบ จึงข้ามเขตนั้นมาได้
ส่วนเรดิโอเฮดนั้น เห็นด้วยอีกเช่นกัน
จริงๆใครชมอะไรวงนี้ ผมก็เห้นด้วยหมดนั่นแหละ
เอาบทความที่เขียนเกี่ยวกับพวกเขามาให้อ่านกัน
เขียนเล่น ร่วมกับไอ้กันย์ทำอะไรกันเมื่อไม่นานมานี้(แต่ล่ม
)
เรดิโอเฮด
ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของโลก
ขณะที่สายตาเราจับจ้องไปยังอนาคต
มันเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึงอดีต
กี่ร้อยคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อนหน้า
ก็ไม่อาจสร้างความเข้าใจแก่เรา
โลกก่อนการมาถึงของไฟฟ้าและเอดิสัน?
มนุษย์ก่อนหน้ายาเพนนิซิลิน?
เมืองไทยก่อนการปรากฏตัวของทักษิณ?
ชีวิตก่อนหน้าเดอะ ชาร์ลาทันต์ถึง เทร็นต์ เรชเนอร์
ผู้มาย่อยสลายรูปแบบของดนตรีที่แสนอึดอัดในยุคก่อนหน้า
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เรานึกไม่ออกเสียเลย
เช่นเดียวกัน โลกก่อนเรดิโอเฮด หน้าตาเป็นยังไง?
"อะไรนะ?"
เด็กๆจะถามเราในสักวันหนึ่ง
"พ่อหมายถึง พวกศิลปินต้องขายเพลงของพวกเขาให้บริษัท
เพื่อที่จะให้มันถึงหูคนฟังยังงั้นน่ะเหรอ
...ทำไมต้องทำอะไรยังงั้นด้วยล่ะ?"
วิธีคิดที่ศิลปิน"ส่งเสียง"มาถึงหูเราโดยตรง
โดยไม่ต้องผ่านบริษัทแผ่นเสียง หรือกลุ่มทุนใดเริ่มปรากฏ
มาก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ด้วยระบบไปรษณีย์และนิตยสาร
แต่ก็เป็นได้เพียงเสียงกระซิบที่ไม่มีใครได้ยิน
จนกระทั่งสัตว์ประหลาดที่ชื่ออินเตอร์เน็ตเริ่มขยับเท้า
ของมันมาสู่ห้องนอนเรา ไอเดียเหล่านั้นจึงปรากฏชัดขึ้น
ที่เราต้องการ ก็แค่ใครสักคนที่มีชื่อเสียงมากพอ(และกล้ามากพอ)
ที่จะเริ่มต้นก้าวย่างไปกับสัตว์ประหลาดอินเตอร์เน็ตตัวนั้น
ก็นั่นแหละ ที่เรากำลังพูดถึง...เรดิโอเฮด
พวกเขาเป็นก้าวๆนั้นของวงการดนตรีโลก!
ก่อนที่เราจะหลงไหลได้ปลื้มไปกับคำยกยอ
ระดับวีรชนนักปฏิวัติของเรดิโอเฮดที่ดังก้องมาตั้งแต่
วันที่ OK Computer วางขาย เราไม่ควรหลงลืมนวัตกรรมแสนซื่อ
ที่พวกเขาใส่เข้าไปใน In Rainbows เริ่มต้ังแต่กล่องซีดีกราฟิกสไตล์
ซองใส่แผ่นไวนิลโบร่ำโบราณพิมพ์สี่สีสุดหรู, การประกวดมิวสิควิดีโอแสนเฉิ่ม
สำหรับเพลง In Rainbows รวมไปถึงการสร้างโซเชียลเน็ตเวิร์คของตนเอง
ย้อนกลับไปปี 2000 ทอมและชาวคณะ เริ่มต้นขบวนการปฏิวัติเล็กๆ
ของพวกเขามาก่อน กับอัลบั้ม Kid A อัลบั้มที่งดออกซิงเกิ้ล
และปล่อยเสียงเพียง 6 วินาทีเพื่อโปรโมทอัลบั้ม
"มันคือการฆ่าตัวตายโดยแท้เลย" ทอมว่า
ไม่นานหลังจากนั้น เมื่อพวกเขาพบกับ นาโอมิ ไคลน์
และหนังสือปลอดโฆษณาที่โด่งดังอย่าง No Logo
ซึ่งส่งอิทธิพลต่อวงอย่างสูง และส่งผลให้การทัวร์คอนเสิร์ต Kid A
เป็นคอนเสิร์ตปลอดสปอนเซอร์ไปในที่สุด
อ๊ะ แล้วก็อย่าลืมบทบาทในการรณรงค์เขียว
พวกเขามุ่งมั่นประกาศมันไปทั่วก่อนที่มัน
จะกลายเป็นเทร็นด์โลกเสียอีก
ดูเหมือนว่า สิ่งที่เรดิโอเฮดทำ ช่างเปี่ยมด้วยความกล้าหาที่สิ้นสุดไม่ได้
พวกเขาเคยกังวลใจอะไรบ้างไหม ถ้าหากมันจะล้มเหลว?
พวกเขาดิ้นรนก้าวกระโดดไปข้างหน้าเพื่อฆ่าตัวตายทางยอดขาย
อย่างสม่ำเสมอทุกอัลบั้ม พวกเขาแสวงหาอะไร?
นับตั้งแต่ The Bends ที่กอบโกยความโด่งดังในฐานะวงหน้าใหม่
ถึงแลนด์มาร์คของดนตรีโลกอย่าง OK Computer
และเมื่อพวกเขาแทบจะฆ่ากันเอง กับอัลบั้มเจ้าปัญหา Kid A,
สู่ Amnesiac โลกของการหลงลืมที่แสนสุข ,
Hail to the thief การทดลองแห่งการทดลอง,
ก่อนจะสลัดคราบการทดลองที่แห้งแล้งทั้งหลายสู่ In Rainbows
ที่ถูกปล่อยให้โหลดทางอินเตอร์เน็ต ในราคาเท่าไหร่ก็ได้ที่ผู้ฟังพอใจจะจ่าย
จนเกิดโมเดลทางเศรษฐศาสตร์ที่เรียกในศัพท์วิชาการว่า "Radiohead Model"
เป็นโมเดลที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยสัญชาติญาณทางศิลปะ
ไม่ใช่ด้วยทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ สร้างจากอุดมคติทางดนตรีที่ว่า
น้ำเสียงของพวกเขาควรตรงถึงหูของเราโดยไม่ผ่านกระบวนการบิดเบือนใดๆ
และด้วยวิธีการนี้ ทันทีที่ถูกปล่อยให้โหลด มันก็ถูกซัดสาดไปทั่วโลกในชั่วพริบตา
กลายเป็นเสียงที่ชำระล้างความทุกข์ของยุคสมัย สร้างวิธีการ
ที่เป็นต้นแบบในการเยียวยาบาดแผลของวงการเพลง-วงการที่ดูเหมือน
จะเป็นวงการสุดท้ายที่ยังก้าวตามไม่ทันความเปลี่ยนแปลงของโลก
เรดิโอเฮด นอกจากพวกเขาจะไม่เคยโอนเอนไปตามกระแส
ความเปลี่ยนแปลงใดๆของโลกแล้ว พวกเขายังอยู่ในฐานะผู้กำหนดความเปลี่ยนแปลงนั้น
คือก้าวย่างแรกในทุกๆมิติ เป็นสัญลักษณ์แห่งสติปัญญาทางดนตรีโลก
และความหวังหนึ่งเดียวของเรา...โลกทั้งใบ