อ่านแล้วรู้สึกว่า บางครั้ง การที่สนิทกับใครมากๆ
แล้วเรื่องเล็กชิบหาย เช่น ไปกินข้าวไม่ชวน
ไปฉี่แล้วลืมทิ้งไว้ กลายเป็นเรื่อง Go so Big
ได้สบายๆเลยเนาะ
ทั้งที่วิธีแก้ ก็แค่เปิดอกคุยกัน ง่ายจะตาย
แต่ทำยากชิหาย
ของปุกมีเรื่องที่เกิดจากเพื่อนทำร้ายจิตใจแบบเกินให้อภัยเยอะเลยล่ะ
เนื่องจากเป็นคนรักคนยาก แต่รักแล้วรักเลย มันก็เลย เลยเถิด
เรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยเข้าเอแบคใหม่ๆ
รุ่นปุก เป็นเอแบคเท่โคตร คือ เป็นปีเดียว ที่เรียนที่ทองหล่อ
ถ้าไม่ได้เรียนรุ่นนั้น หรือ ใกล้ๆปีนั้น บอกเรียนเอแบคทองหล่อ
จะงงกันไปเป็นแถบ ด้วยความที่อาคารเซ็นต์คราเบียล ตรงทองหล่อ25
มันเล็กติ๊ดเดียว การลงวิชาที่สาขานั้น จึงเป็นกลุ่มก้อน ผิดแปลก
จากเด็กเอแบครุ่นหลังๆ ที่ยิ่งปีสูงขึ้น ความสัมพันธ์ยิ่งห่างกัน
เพราะแต่ละคน มักสนใจ แต่ความสะดวกของตัวเองเป็นหลัก
รุ่นนั้น ก็มีเพื่อนกันอยูสิบกว่าคน นิสัยโอเคทังนั้นเลย
มาจากอินเตอร์มั่ง มาจากเซ็นต์โยบ้าง มาจากอังกฤษบ้าง
ตูเป็นเด็กจากโรงเรียนรัฐคนเดียวในกลุ่มเลย
ทีนี้ ไปไหนมาไหนก็เป็นกลุ่มเป็นก้อน เทอมแรกที่เรียน
สนุกมาก จะมาเริ่มลำบาก ก็ตอนคิดเลือกเพื่อนสนิทผิดนี่ล่ะ
เราเลือกคบเกด เพราะคิดว่า เรานั่งด้วยกันตลอด คุยกันสนุกดี
ปากจัด กัดแรง
ดูเหมือนเป็นคนตรงไปตรงมาคล้ายกัน
แรกๆก็ดีนะ เกดแอบรัก เพื่อนมันคนนึง ที่เรียนอังกฤษมาด้วยกัน
แต่เค้าไม่สนมันหรอก เค้ากิ๊กๆมันแป๊บเดียว แล้วก็ทิ้งมันไป
เราก็ไม่เข้าใจนะ ว่าเกดไปชอบไอ้หมอนั่นได้ไง
งานอดิเรก ก็ไอ้เด็กเวรพวกนี้คือ ไปนั่งอยู่ฮาร์ดร็อคสยาม
วิจารณ์การแต่งตัว ของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่างเสียหาย
ลาวมั่งล่ะ เสี่ยวมั่งล่ะ บ้านนอกมั่งล่ะ ทั้งๆที่ตัวเอง ใส่ของแพงสุดๆ
แต่ดูเหมือนมาจากโบ๊เบ๊ หลงตัวเองว่าเท่เสียเต็มประดา
แต่ด้วยความรักเกดแบบโง่งม ก็ต้องบ้าซื้อรองเท้าตามมันไปด้วย
ทั้งๆที่ตัวเองก็ชอบอยู่ไม่มากหรอกนะ แต่กลัวมันไม่คบ ถ้าแต่งตัวไม่ดี
ซื้อรองเท้าที คู่ละ 5000 บาทอัพ (7ปีที่แล้ว) เสื้อผ้า หน้าผม ต้องครบ
ชุดต้องล้ำ นำสมัย ถึงจะเจ็บตีน แต่เพื่อความเท่ในสายตาเกด ต้องทน
เพื่อเกด เราทำได้
หลุยส์ก็ไม่ชอบเลย ก็ต้องซื้อ เป็นเด็กเอแบคยุคนั้นไม่หิ้วแบรนด์
ถือว่าเสี่ยว
ไม่รู้ทนใช้ชีวิตแบบนั้นได้ไงตั้งหลายเดือน
ไม่อยากให้เกดรู้สึกไม่ดี ที่เดินกับเรา แล้วอายคนอื่น
ตอนนั้นก็ไม่ได้ขาวแบบนี้ ผิวคล้ำแดด จากการเรียนโรงเรียนสว.2 มา
เดินกลางแจ้งทุกวัน เหนื่อยใจมาก ร้องไห้ทุกวัน อยากเรียนเกษตร
คงเข้ากับชีวิตเราได้มากกว่า
บ้านเกดรวยมาก ทำโรงไม้ อยู่แถวๆ บางม้า เรียกอะไรนะ เกือบๆ มีนบุรี
จำไม่ได้ รู้แต่ไกลจากลาดพร้าวมากเลย สมัยทางด่วน ถนนตัดใหม่ยังไม่เสร็จดี
เกดขับเบนซ์คันสวยเลยล่ะ แต่มันก็ขี้เกียจ ต้องให้เราขับรถจากมหาลัย ไปส่งบ้านตลอด
ทำตัวเป็นเบ๊เดินได้ เหนื่อยสุดยอด แต่ก็มีความสุข ความรักที่เกิดจากการให้
เรามีมานานแล้ว เหมือนโรคจิต ให้คนหลอกใช้ ไอ้ฟาย
ไปส่งบ้านมันอาทิตย์ละสองสามวัน แต่ถ้ารถเราจอดไกลๆ
ให้มันขับจากที่จอดรถมัน ไปที่จอดรถเรา
มันไม่ไปมันบอกขี้เกียจอ้อม ทั้งๆที่ใช้เวลาแค่ไม่เกินสามนาที
แต่เราก็ทนได้ ไม่เป็นไรเกด กูเดินเองก็ได้
พอเราไปบ้านมันบ่อยเข้า เราก็ไปสนิทกับน้องชายเกด
น้องมันอายุเก้าขวบ หน้าตาบ๊องแบ๊วน่ารักมาก
เด็กอินเตอร์หัวใหม่ ชอบคนฉลาดและเก่งๆ
พอน้องมันมาเล่นเกมกับเรา เกมนั่นเราไม่เคยเล่นหรอกนะ
เกดมันก็ชนะมาตลอดชีวิตแหละ แต่พอเราเล่นคุ้นมือสักสองสามเกม
เราก็ชนะรวด เด็กผู้ชาย มันก็บ้าคนเล่นเกมเก่งมาแต่ไหนแต่ไร
ไม่นาน ฮวงน้องของเกด ก็หลงรักเราแบบซูเปอร์ฮีโร่ นักเล่นเกมไปเสียงั้น
ฮวงให้เกดโทรตามเราแทบทุกวัน ถ้าเรามีเวลาเราก็ไปอยู่แล้ว
พ่อแม่เกดเราก็สนิท น้องชายมันแฺฮปปี้ ถ้าเกดรู้สึกดี ทำไมเราจะไม่ทำ
แต่ผลปรากฏว่า
เกดอิจฉาเรา อิจฉามาก ที่น้องชายสุดรัก
ผู้เคยนิยมพี่สาวตัวเองเป็นฮีโร่มาตลอด เปลี่ยนใจมาชอบเรามากกว่า
ทั้งๆที่มันเป็นแค่เรื่องเกม เรื่องสนทนาทั่วไป ที่เราชอบอะไรที่ออก
ผู้ชายๆอยู่แล้ว เลยคุยกันรู้เรื่องมากกว่า พอเราไม่ไปหา
ฮวงก็ร้องไห้เป็นบ้าเป็นบอ เกดก็ยิ่งเกลียดเรามากขึ้นทุกวัน
โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย
พอขึ้นเทอมสอง จากสนิทกันนะ วันแรกที่ลงวิชา English3 ด้วยกัน
เรานั่งอยู่แถวสอง พอเกดเดินมาเจอเรา ซึ่งเรากันที่ไว้ให้
มันก็เดินเลยไปเลย
ไม่นั่ง ไม่มอง ไม่คุย
คนสนิทๆกัน อยู่ๆทำเป็นเมินเฉย เราตกใจมาก
พอหมดวิชา เกดก็เดินหนีเราไปเลย ทิ้งให้เรางง อยู่คนเดียว
โทรไปก็กดสายทิ้งบ้าง เฮ้ยเดี๋ยวกูโทรกลับบ้าง
แต่ก็ไม่เคยติดต่อมา
ทำเฉยชาอยู่ เป็นเดือนๆ
เราร้องไห้เป็นบ้าเป็นบอ เพื่อนเรามีเยอะ
แต่เพื่อนสนิทเรามีแค่เกด เราไม่ชอบเผื่อใจให้หลายคน
ความคิดแบบนี้ทำให้เราเจ็บปางตาย เกดเลิกคบเรา
โดยที่เรายังไม่รู้เลย ว่ามึงทำแบบนี้ทำไมเกด
จนเราไปสนิทกับตาลแทน
ตาลเป็นคนสวยมาก เด่นโคตรๆ สูง 175 หุ่นนางแบบ
อัธยาศัยดี เด่นชนิดไปไหนคนต้องมอง
ตาลบอกเราว่า เกดมันอิจฉาที่เราไปสนิทกับฮวง
บอกหลังจากเราดรอปเรียนไปเทอมนึง เพราะเรียนไม่ได้
เราสับสนในชีวิตที่เปลี่ยนแปลงมากเกินไป
การถูกทอดทิ้งหนแรกในชีวิต และการเหมือนอยู่คนเดียวในโลก
แม่ไม่เข้าใจ เพื่อนไม่เข้าใจ ยังคิดอยู่ ถ้าตาลไม่ยื่นมือมาช่วยเหลือ
เราคงแย่กว่านี้
และช่วงคบกัน เกดก็พูดจาดูถูกเราต่างๆนาๆ
ดำมั่งล่ะ ลาวมั่งล่ะ เสี่ยวมั่งล่ะ สารพัดคำพูด
ทั้งๆที่เราขาวกว่ามันอีกนะ ไม่รู้ความคิดต่ำๆ ทำไมชอบออกมาจากปาก
พวกนักเรียนหัวนอกคอกพวกนี้ และไม่รู้อะไร ทำให้เราทนได้ขนาดนั้น
พอสุดท้ายผ่านไปสองปีกว่า มาเจอกันอีกที
ด้วยการบังคับของตาล เราก็กินข้าวกับเกด
แต่ขอโทษเราเปลี่ยนตัวเองแล้ว ความคิดเป็นของกู
การเลือกใช้สิ่งของเสื้อผ้าเป็นของกู ความมั่นใจในตัวเอง
กลับมาเต็มร้อย เรามั่นใจในเทสต์ของตัวเอง ถึงใครจะชอบไม่ชอบ
เราแต่งให้ตัวเองดู ไม่ได้สนใครเหมือนก่อน
เกดก็เริ่มแดกดันตามสันดานเดิม
"อ้าวอีปุก ไม่เจอกันนาน อ้วนเตี้ยเหมือนเดิมนะมึง "
พูดขำๆ หันยิ้มหาพวก ลืมไปว่ามีแค่ตาลกับเรา
ก็เลยรีบหันกลับมามองเรา
เราตอกกลับไปว่า
" กูว่ากูสูงกว่ามึงนะเกด โดยเฉพาะจิตใจ
อย่างมึงเนี่ย เอาเครนมายก ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ "เกดตกใจมาก เราไม่เคยเถียงเกดเลย เป็นลูกไก่ในกำมือมาตลอด
มันเลยบอก
" อะไรแค่พูดเล่นแค่นี้ ไม่เห็นต้องพูดแรงๆ "เกดสวนมาด้วยความโมโห
เราก็ยิ้มหวานให้ แล้วพูดความในใจออกมากว่า
" อ๋อ มึงพูดเล่นเหรอเกด
แต่กูพูดจริง " แล้วพูดต่อไปว่า
" ถ้ามึงลงมาจากรองเท้าแสวร์โคตรพ่อโคตรแม่เท่ของมึงแล้วอ่ะนะ
กูกับมึงน่ะสูงเท่ากันแน่ น้ำหนักก็ไม่ห่างหรอก อย่าคิดไปเองให้มากนะ
แต่สิ่งที่ต่างกันคือ ระดับความเป็นคนน่ะ
มึงอยู่โลกของมึงเถอะ กูมีเพื่อนที่ดีเยอะแยะมากพอแล้ว
แถมได้ข่าวตอนนี้ ก็ไม่มีใครคบมึงนิเพราะสันดานเหี้ยๆของมึง
ปรับสะเถอะนะ ก่อนทั้งโลก จะเหลือมึงแค่ตัวคนเดียว กูสมเพชว่ะ" พูดจบเกดกระแทกโต๊ะ ทำหน้าปั้นปึ่งเหมือนอึ่งอ่าง แล้วเดินหนีไป
ตาลทำหน้าเสียๆ แต่ก็เข้าใจว่าเราอึดอัดมานาน
และตาลก็รู้ว่าอยู่กับเราสบายใจกว่า เลยไม่ได้ตามเกดไป
แต่ชีวิตความเป็นเพื่อนระหว่างเรากับเกด มันเป็นเส้นขนานไปเสียแล้ว
ชาตินี้ถึงมีทางบรรจบกัน เราก็ไม่ขอเลือกมัน