ต้องบอกว่า มีสามีในเน็ต (แล้วไงว้าาา)
เพราะมีแต่คนถามว่าเจอกันได้ไงล่ะตั้งกรีซนู่น
ก็เลยตอบตรงแบบห้วนๆ เพราะรับรู้ถึงรังสีประหลาด
พี่ก็ออกจะขวานผ่าซากในบางกรณีเหมือนกัน
เป็นบาปที่พี่ทำไว้กับแม่เหมือนกัน ทำเอาบุพการีร้องไห้เลยนะ
เพราะตัดสินใจแต่งงานอย่างสายฟ้าแล่บ บอกแม่อีกสามวันไปล่ะ
จะเรียกว่าพี่ใจแตกแล้วก็ได้ แต่ตอนนั้นจริงๆ พี่ทำงานตั้งสี่ปีแล้วนะ
รู้สึกอยากอิสระ อยากทำอะไรแหกคอก บ้าบิ่น
เห็นเป็นคนเงียบๆ แต่แอบดื้อ หน้าตาไม่บ่งชี้เลย
แต่มันก็มีหลายเรื่องที่ทำให้พี่ัตัดสินใจแบบนั้น โดยที่ไม่ปรึกษาใคร
(ซึ่งจริงๆ ขอแนะนำน่าจะปรึกษากับพ่อแม่หรือเพื่อนรักไว้ก็จะดีกว่า)
พี่เริ่มเล่นเน็ตตอนเรียนจบมั้ง ช่วงๆนั้นแหละ อืม...
ทั้งยะฮู , เอ็มเอสเอ็น, ไอซีคิว, แต่ที่ติดใจคือ โอดิโก้ Odigo
ด้วยเหตุผลทุกอย่าง ไม่ว่าหาแฟน หาเพื่อน อยากรู้อยากเห็น
ส่วนใหญ่จะอยู่ที่Odigo เพราะหน้าตามันสวย แปลก ถูกใจ
แต่ส่วนใหญ่จะมีพวกลามกมากวน ก็เฉยๆไป เราก็อ่านไปเรื่อย
ถ้าคนไหนชวนคุยเรื่องน่าสนใจ เราก็คุยด้วย
จนได้เพื่อนที่ว่าตั้งใจจะรวมตัวกันทำโฮสติ้ง และเว็บดีไซด์
ตอนนั้นโห๋ ไอเดียร์ความฝันบรรเจิด เพราะมีทั้งเยอรมัน
ญี่ปุ่น เกาหลี นัดเจอกัน มีโปรเจ็คกัน แต่ก็เจ๊งซะส่วนใหญ่
คือพี่เจ๊งเองเนื่องจาก เคลียร์งานที่ทำประจำอยู่ไม่ได้
ส่วนแกนนำนี่เยอรมันเลย สำหรับพี่เขาเก่งมาก และก็บ้ามากเช่นกัน
มันก็มีเรื่องยาวๆที่ไม่ต้องเล่าหรอกเนอะ
เอาเป็นว่าช่วงทำงานในปีที่สามหรือสี่พี่ไปเจอสามีที่Odigo นี่ละ เป็นตากล้องด้วย
นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นตากล้องก็คงไม่คุยด้วยหรอก
เพราะมันมีช่วงที่เราเลือกคุยกับคนที่น่าจะเอื้ออำนวยกับการทำงานของเราดีกว่า
คือพี่ต้องถ่ายรูปสินค้าลงแคตตาล็อก และทำอาร์ตเวิร์ค ก็เห็นดีงามมีเพื่อนเป็นตากล้องดีว่ะ
็ประมาณปีนึงกระมัง แล้วจึงฟ้าผ่าแต่งงานเลย
รักกันไม่รู้สินะ จะสื่อผ่านกันทางเน็ตได้จริงๆหรือ เพราะไม่เคยFace to face เออ..เขาเรียกว่าเผชิญหน้าสิ
คงจะไม่ใช่รักหรอกนะ แต่มันเป็นความประทับใจในเรื่องน้ำใจที่ได้ช่วยเหลือกัน
พูดคุยถูกคอมากกว่า กับอีกด้านนึงที่ใจของผู้หญิงคนนึงกระดี๊กระด๊า เหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจ
ให้แช่มชื่น พร้อมทั้งจินตนาการวาดฝันต่างๆนานา
ก็รู้สึกว่าตัวเองบ้าพอสมควรช่วงนั้น ไม่ปิดคอมพิวเตอร์ที่บ้านเลย
เอ๊ย..จบดีกว่าค่ะ ก็กระดากอายเหมือนกัน
เพราะจริงๆ ทำแม่ร้องไห้หน่ะสิคะ