เริ่มรู้จักคอมพิวเตอร์ครั้งแรก เมื่อตอนอยู่ปีหนึ่ง
ตอนนั้นเข้าชมรม AISEC ที่เอแบค ทีนี้ รุ่นพี่สุดซี้กันเป็นสิบๆคน
มันเล่นเกมส์สตาร์คราฟท์ เราก็อยากเล่นบ้าง
ก็เลยหลอกแม่ว่า ต้องซื้อคอมพิวเตอร์มาทำรายงาน
แม่ก็หลงเชื่อ จำได้ว่า เครื่องแรกซื้อมา ตั้ง 45000 บาทแหนะ

แพงมากๆเลย เอามาเล่นแต่เกมส์นี้เกมส์เดียว
แถมออนไลน์เข้าไปสู้กับพวกพี่ๆเวรนี่ทีไร
ก็ถูกเรียก ไอ้หมูสนามทุกที

พอแพ้แล้วแพ้อีก จนเค้าเรียก ไอ้เก่งแต่ปาก
คือเค้าสร้างฐานรบกันถึงไหน ก็เอาแต่เห่าสู้ แบบกายแพ้ ใจไม่แพ้โว้ย
ก็เลยต้องหัดเข้าอินเตอร์เนท ไปซ้อมกับคนอื่นบ้าง จะได้จำเทคนิคมาสู้
ซ้อมไม่กินข้าวไม่นอน ไม่หลับ สามวัน ไปฟื้นในรพ

บ้ามาก
พอหายป่วยก็เลยได้เข้าสู่โลกออนไลน์ ได้มีเพือนในเนทหลังจากนั้น
ถึงจะเป็นเพื่อนมหาลัยเดียวกัน แต่เป็นเพื่อนในเนท
ตอนแรกๆ
ก็เขินอายที่จะแนะนำ ว่านี่เป็นเพื่อนที่ไม่ได้เดินเจอกันข้างนอก
เรียนคลาสเดียวกันนะ แต่เจอกันทางออนไลน์ ทั้งๆที่เพื่อนในเนทบางครั้ง
จริงใจ และน่ารักกว่าคนในโลกจริงๆด้วยซ้ำ
และที่สำคัญก็คือ เวลาที่เราเข้าไปในเนท
เรามักจะได้เจอคนที่มีความชอบพอในสิ่งเดียวกัน
ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นใหม่ๆ เหมือนได้อ่านหนังสือดีๆสักเล่ม
ที่คนอื่นเป็นคนขีดเขียนขึ้นมา สนุกและน่าติดตาม
ก็ลองคิดดู ถ้าชอบดูหนังโป๊ คงไม่ได้เข้าไปสังคมเช่าพระ
ชอบถ่ายรูป ก็ต้องเข้าเวบถ่ายรูป ไปคุ้ยไปหา สิ่งที่เราอยากรู้
ได้เจอคนแนวๆเดียวกัน ถึงสังคมจะต่างกัน
แต่ก็คุยกันรู้เรื่องดีออก
แต่ก็ใช่ว่าเพื่อนในเนทจะดีเสมอไป
เพื่อนเลวๆก็มี เป็นคนชอบอยากรู้ไปหมดทุกเรื่อง
สมัยก่อน Pirch ก็เคยเล่น เข้าห้อง Sexchat
เพราะอยากรู้เค้าคุยอะไรกัน เค้าทำอะไรกัน
คนขายตัวเค้าทำกันยังไงเหรอ

ไม่ได้คิดว่าเรื่องทางเพศเป็นเรื่องไกลตัว
ได้เห็นคำโปรยประมาณ
18 ขาว อวบ ชมพู นมใหญ่ นักศึกษา 1800!
21 ได้ทุกท่า พริ้ว ร่อน หุ่นดี อึด 2500คำพวกนี้ร่อนพริ้ว ยังกับข้อความเคลื่อนไหว
ในรายการข่าวตอนเช้าๆ อ่านแล้วก็เกิดความสงสัยมากมาย
เค้าทำกันทำไม จนได้ไปรู้จักกลุ่มคนพวกนี้ ได้ศึกษานิสัยใจคอ
ได้รู้จักคนที่ซื้อบริการ สนิทขนาดให้เค้าพาไปอาบอบนวดเลย
อยากรู้อยากเห็นขนาดนั้น เพราะรู้ว่าเราควบคุมตัวเองได้
และคนที่เราไปด้วย ก็ไปกันเยอะ สนิทกันจนเป็นพี่เป็นน้องกันจริงๆ ถึงกล้าไป
ถึงอยากรู้อยากเห็นขนาดไหน ก็ไม่ได้อยากที่จะหลวมตัวไปเถลไถลกับมัน
ก็เลยไปเล่น ไปคุย ไปอ่านอยู่พักนึง และได้รู้จักคนดีๆ
จากห้องพวกนั้นหลายคนเลยนะ บางคนก็มาตั้งเป็นห้องเหมือนระบายอารมณ์ที่นี่
จากการคุยเรื่องทะลึ่งตึงตัง ก็มาเป็นเพื่อนกันจริงใจ
ไปเที่ยวทะเล ไปกินอาหารทะเล ไปปีนเขา ไปทำอะไรกันสนุกๆเยอะแยะ
แต่สิ่งที่ไม่สามารถบอกครอบครัวได้ ก็คือ พวกเค้าเป็นเพื่อนในเนท
ยิ่งถ้าบอกว่า รู้จักจากเวบประเภทไหน ยิ่งตายอย่างเขียด

ยิ่งถ้าเป็นเพื่อนในชีวิตจริง
การไปเจอเพื่อนในเนท นี่เหมือนถูกประณามเลยด้วยซ้ำ
เฮ้ยมึงหาเพื่อนไม่ได้เหรอ ถึงต้องไปคบคนในเนท
ก็แล้วทำไมล่ะ เพื่อนในเนทแล้วมันเกี่ยวอะไร
เพื่อนในชีวิตจริงกู มีมากกว่าพวกมึงรวมกันแล้วคุณด้วยสิบด้วยซ้ำ
แต่เพื่อนในเนท ที่คุยในเรื่องที่พวกมึงเอาสมองมาหลอมรวมกัน
ก็ไม่เข้าใจ นี่คือ สาเหตุที่อยากมีเพื่อนในเนทไว้คุย
มันก็อือๆ ออๆ แต่ก็ไม่พอใจ มันคงงอน เห็นเพื่อนในเนทสำคัญกว่ามัน
จริงๆไม่ใช่หรอก แค่คุยกับพวกนี้ตอนที่กำลังเห่อสิ่งนั้น (เช่นติดเกม คุยเรื่องเกม)
แล้วมันเพลินดี ก็แค่นั้นเอง
พอฝากของไปให้เพื่อนในฟอนต์ แม่ก็ตกใจ นึกว่ามาหลอกเรา

เราก็เลยบอกไปว่า นี่คือ เพื่อนกลุ่มสุดท้ายที่หนูแคร์
ถ้าแม่ไม่เอาไปให้ตามคำขอหนู หนูก็เหมือนไม่มีเพื่อนแล้วแม่

พูดให้มันเวอร์ๆไป แม่ก็เลยหมดห่วง พอได้รู้ว่าที่นี่เค้าทำอะไร
เล่นอะไร คุยอะไร ไม่ใช่เรื่องSex เค้าก็เลิกคิดถึงคินดะอิจิ ตอน ฆาตกรทางเนท
ที่ตาสรยุทธ และผองเพื่อนนักข่าว ขยันเล่าตอนเช้าให้คนอคติกับโลกในเนทกันจั๊ง
ยิ่งมีคดีร้ายๆ เกิดขึ้นจากคนในเนท ป้ายิ่งผวา วันที่ฝากเปาเอาของไปให้แอน
แกเลยรีบอาสาไปเลย เผื่อเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย เค้าคงไปบ้านปิงบ้านแรก

ลืมบอกไป วีรกรรม วีรเวรต่างๆที่เคยทำ ครอบครัวไม่รู้เลย
เค้ายังมองเราเป็นกาปุก อายุ12 เสมอ
ทุกคนในครอบครัวเลยรู้ว่า
เรื่องในฟอนต์สำหรับเราเป็นเรื่องเซนซิทิฟ
คำถาม ทำไมต้องฟอนต์ ทำไมต้องฟอนต์ค่อยๆลดลง
เราบังคับไว้ ว่านี่คือ
ความสุขเรา อย่ามาขัดทั้งที่บ้าน ทั้งแฟน เลยไม่ค่อยมาห้ามปรามอะไร
เพราะถ้าห้ามมากมาย ก็แค่บ้านแตก

จนตอนนี้ เพื่อนในชีวิตจริงเริ่มลดลง (ด้วยความเจตนา)
มาเมืองนอกด้วย และ เบื่อด้วยมั้ง เจอทีไรก็เอาแต่เที่ยว แต่เมาหยำเป สาระไม่มี
แถมเพื่อนดีๆ ก็ไปอยู่เมืองนอกกันหมด ความห่างไกล
ทำให้เรารู้ว่า ความสัมพันธ์ มันไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น
และโลกส่วนตัวของเรา ก็กำแพงสูงเหลือเกิน ไม่ชอบติดต่อใคร
ชอบเบี้ยวนัด ให้ความสำคัญกับมนุษย์ไม่เท่ากันอย่างเหลือร้าย
เพื่อนที่คบกันอยู่ปัจจุบัน คือผ่านการคัดสรรจากหมวกคัดเลือก
มาอย่างดีแล้วล้วนๆ
และถึงจะมีโอกาสได้มีเพื่อนอีกเป็นร้อยเป็นพัน (มันก็มีอยู่เรื่อยๆล่ะนะ)
แต่ก็คงไม่มีที่ไหน ที่เราจะให้ความสำคัญมากกว่าฟอนต์อีกแล้วล่ะ
พูดจริงๆนะ