หน้า: 1 ... 3 4 5 6 7 8 9 [10] 11 12 13 14 15 16 17 ... 37
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ (แตกหน่อ)  (อ่าน 195349 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
ไปเดินชมโรงเรียนก่อนได้นะ  (อิอิ)

ตกลง นี่เป็นชายหรือหญิงหว่า  งง

  ช ครับ ชื่อเอิ๊ก ยินดีที่ได้รู้จักพี่โอ๋ครับ ^^
  รูป display อาจจะหวานแหว๋วไปหน่อยครับ  ยิ้มน่ารัก
  (ตัวซ้ายชื่อนายแก้มป่องน้อย ตัวขวาชื่อยัยแก้มป่องน้อย)
  
บันทึกการเข้า

์NY Together
ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับลุง แล้วจะมาคุยด้วยใหม่ เริ่มง่วงแล้ว เมื่อคืนก็ดึก สงสัยเริ่มแก่ ...

(ดูดิ ขี้บ่นด้วย)
บันทึกการเข้า

My handsomeness is toxic to all chics.. :P
 ช ครับ ชื่อเอิ๊ก ยินดีที่ได้รู้จักพี่โอ๋ครับ ^^
  รูป display อาจจะหวานแหว๋วไปหน่อยครับ  ยิ้มน่ารัก
  (ตัวซ้ายชื่อนายแก้มป่องน้อย ตัวขวาชื่อยัยแก้มป่องน้อย)
  


 กรี๊ดดดดด  พี่คนนี้แฟนพี่ตูนแน่ๆเลยใช่มั๊ยคะ


ว๊าวๆๆ ว่างๆเรียนเชิญไปจู๋โลกนี้สีชมพูด้วยเลยนะคะ  ไหว้


โห มาจุ๋นี้ได้ทั้งความรู้และความรักเลยแฮะ  คริคริ

(มาเนียนเชิญแขก)

ไว้จะมาตามไล่อ่านให้หมดแน่นอนค่ะ   ขอเวลาๆ  คริคริ    เยอะเหลือเกิน  อ่านไม่ทัน  ฮิ้ววว
บันทึกการเข้า

 กรี๊ดดดดด  พี่คนนี้แฟนพี่ตูนแน่ๆเลยใช่มั๊ยคะ

ใช่แล้วครับบุ๋ม ^^

ว๊าวๆๆ ว่างๆเรียนเชิญไปจู๋โลกนี้สีชมพูด้วยเลยนะคะ  ไหว้

จริงๆ ติดตามอยู่นะบุ๋ม ไว้จะไปตอบบ้างครับ ^^

โห มาจุ๋นี้ได้ทั้งความรู้และความรักเลยแฮะ  คริคริ

(มาเนียนเชิญแขก)

ไว้จะมาตามไล่อ่านให้หมดแน่นอนค่ะ   ขอเวลาๆ  คริคริ    เยอะเหลือเกิน  อ่านไม่ทัน  ฮิ้ววว
บันทึกการเข้า

์NY Together
โหย ง่ะ

น่าจะเป็นโซนไหนสักโซนครับ แต่คือรอบๆ มันไม่มีอะไรให้เดินน่ะ
เมื่อเทียบกับตลาดที่โตได้ด้วยตัวเองอย่างจตุจักรนี่
ถือว่าจตุจักรเป็นสุดยอดเลยนะครับ (ขอบคุณมหาจำลอง)

//เปิดหน้าจอค้างไว้ โดนตัดหน้า 20 คน กร๊าก
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
สนามหลวง 2 ก็มีแผงอยู่เหมือนกันแต่ไม่ได้ทำอะไร เพราะรู้ว่าทำเลและการตลาดมันไม่โอเคเลย
ทีแรกก็ว่าจะทำเสื้อยืดขายกับรุ่นน้องนี่แหล่ะ ไปๆมาๆก็ติดปัญหาเรื่องที่บ้านด้วย
จนทุกวันนี้ยังไม่ได้ทำเลย แต่รุ่นน้องมันเปิดร้านที่จตุจักรกับใบหยก 2 จนรวยไปแล้ว

กลุ่มเป้าหมายที่ทาง สนามหลวง 2 วางเอาไว้คือคนทุกกลุ่ม ทุกฐานะ สามารถมาเดินได้ และออกมาป๊อปเหมือนจตุจักร
แต่ผิดคาด 2 ปีแล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้น ...ทีแรกเขาจะยุบจตุจักรแล้วมาเปิด สนามหลวง 2 แทน
ไปๆมาๆก็เปลี่ยนแผน ต่อสัญญาให้จตุจักร ไอ้สนามหลวง 2 เลยแป๊กอย่างแรง
ใครเซ้งแผงที่นี่ไว้ เครียดเรื่องนี้กันทุกคน ....ปล่อยให้คนอื่นเซ้งต่อ ก็ไม่มีใครเอาซะด้วย

คนไทยเคยชินกับความสะดวกสบายในการจับจ่าย อย่างพวกห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ หรือ แหล่งช๊อปปิ้งพวกขายส่ง ก็มักอยู่ใจกลางเมือง
ผิดกับประเทศอื่นที่เขาจะเอาห้างไปอยู่ขอบๆเมือง เพื่อระบายผู้คนไม่ให้แออัด ....บ้านเราถ้าไปอยู่ชานเมือง ขอบเมือง สถานที่นั้นมักจะเจ๊ง
ส่วนนึงเพราะเรื่องการเดินทางด้วย ...ต่างประเทศทำได้ เพราะอาจจะมีรถไฟฟ้าหรือรถเมล์เร็วผ่านตรงเวลา ไปมาง่าย
บ้านเรายังไม่วางแผนเรื่องการสร้างระบบขนส่งและผังเมืองเลย แต่กูจะสร้างสถานที่เอาไว้ก่อน
ตัวอย่างที่อุบาศก์สุดก็ สนามรัชมังคลา หัวหมาก ...สนามกีฬาแห่งชาติ แต่ไปโคตรลำบาก ไม่มีรถใต้ดิน รถไฟฟ้าผ่าน
....อีกตัวอย่างก็ สวนลุมไนท์บาร์ซ่าร์ ที่ตอนแรกค่อนข้างเงียบ ไม่บูม ทั้งๆที่อยู่กลางเมือง
แต่พอรถใต้ดินพาดผ่าน มันก็พอจะดีขึ้น แต่มันช้าไปแล้ว ตอนนี้กลุ่มเซ็นทรัลเข้ามาเซ้งที่ตรงสวนลุมไนท์ต่อ
และจะทำเป็นอะไรสักอย่างนี่แหล่ะ ....เสียดายเพราะว่าสวนลุมไนท์เป็นอีกที่ ที่นักท่องเที่ยวรู้จักและติดปากแล้ว

อย่างน้อยเงิน 1-2 แสนนี่ก็เป็นบทเรียนที่แพงพอประมาณสำหรับตัวเอง ทำให้รู้ว่าอย่าไปลงทุนอะไรมั่วซั่ว โดยไม่รู้จักมันดีพอ
เรื่องทำเลกับความสะดวกในการเดินทางโคตรจะสำคัญในการซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์
ตอนนี้ก็หวังลึกๆนะว่าไอ้ที่สนามหลวง 2 อาจจะดีขึ้น เพราะสายใต้ใหม่ก็ย้ายไปอยู่แถวนั้น , วังเสี่ยก็อยู่เยื้องๆกับตลาด
และมีข่าวว่าจะมีรถไฟสายบางซื่อ-มหาชัยชานผ่านไปแถวนั้น แต่ก็คงหวังได้ยาก
บันทึกการเข้า
มาต่อนะ กลัวโพสทีเดียวแล้วยาวไป จะไม่มีใครอ่าน  กร๊าก

ทำธุรกิจ ต้องรู้จัก Cut-Loss รู้ว่าจะแพ้ก็อย่าทู่ซี้ทำต่อให้เจ็บตัวเพิ่ม
การทำธุรกิจหรืออะไรก็ตามผมว่ามันมีกำไรอยู่ 2 แบบ คือ ตอบแทนเราด้วยเงิน กับ ตอบแทนเราด้วยคุณค่าทางจิตใจ
ผู้เฒ่าผู้แก่บางคนนั่งทำงานหลังขดหลังแข็งกับกิจการเล็กๆหรืองานพื้นบ้านที่ไม่น่ามีกำไรมาก แต่เขาทำเพราะมีความสุขที่ได้ทำ
คนทำงานออกแบบหลายๆคน พอว่างจากงานแทนที่จะเอาเวลาไปรับจ๊อบรับฝิ่นเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม
ก็ดันทำงานศิลปะหรืองานส่วนตัวแทน ถามว่ามันคุ้มไหมกับที่ทำ หลายๆคนบอกว่าไม่รู้ แต่ทำแล้วสบายใจ
หลายต่อหลายคนที่ประสบความสำเร็จ ก็เริ่มธุรกิจด้านจิตใจที่ไม่ได้เงินตอบแทนกันมาก่อน
จนคนเริ่มรู้จักและผลประโยชน์ด้านอื่นก็ตามมา
....เอดิสันที่ประดิษฐ์หลอดไฟ ...พี่น้องตระกูลไรท์ที่สร้างเครื่องบิน ก็มาจากวิธีการทำงานแบบนี้
หากคนเราทำธุรกิจเพื่อเงินแต่เพียงอย่างเดียว การสร้างสรรค์พัฒนาโลกก็จะไม่เกิด
พูดง่ายๆ โลกวุ่นวาย เพราะระบบทำให้คนส่วนใหญ่เห็นแก่เงินเกินไป

ถ้าทำอะไรแล้วไม่ได้อะไรตอบแทนสักอย่างก็อย่าทำมันเลย ควรจะตัดขาดจากมัน
คิดง่ายๆว่ามันเป็นบทเรียนบทนึงที่จะทำให้เราแกร่งขึ้น ...คล้ายๆกับการคบคน ดีก็ควรคบ ไอ้นี่ไม่น่าคบก็อยู่ห่างๆเอาไว้
มันคนละแบบกันกับเรื่อง ใจสู้ และใจไม่สู้ มีเส้นแบ่งอยู่ระหว่างกันแค่ด้ายบางๆ

ความคิดคอมมิวนิสต์ไปรึเปล่าไม่รู้ แต่คิดแบบนี้นะ  ไอ้มืดหมี
บันทึกการเข้า
ไหว้
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ชัดเจน ตรงใจ แถมยังมีแผงอยู่ที่เดียวกันอีกต่างหาก ..  ไหว้

ของแอ้ยังแอบหวังอยู่เล็กๆ ลึกๆ ในใจ ว่ามันจะกลายเป็นตลาดที่ดี ไม่ต้องเท่ากับจตุจักรหรอกนะคะ
คือยังไงก็ทำอะไรอื่นไม่ได้แล้ว ตอนโซนเก่าก่อสร้างเสร็จ เห็นว่าถึงกับไล่แจกกันเลยทีเดียว
แต่ 5-6 ปีผ่านไป ก็กลายเป็นตลาดเล็กๆ ที่พอขายได้..
ก็ไม่รู้ต้องรอไปอีกนานเท่าไหร่..
บันทึกการเข้า

อ่อ นึกถึงเรื่องการประชาสัมพันธ์ แล้วทำให้นึกถึงคำถามที่เคยเกิดขึ้นในใจ
เกี่ยวกับ "โฆษณาทาง TV" .. สังเกตกันไหม ว่าโฆษณาของไทยเรา มักจะป้อนคำพูด ใส่หูคน
มัีกจะเป็นการบอกเล่าด้วยคำพูด ให้คนฟัง ๆ ๆ (ไม่เหมารวมว่าโฆษณาทั้งหมดนะ)

แต่โฆษณาของต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยมีบทพูด
จะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวผ่านเนื้อเรื่อง คลอไปด้วยเสียงเพลง + Idea ต่าง ๆ
บางทีดูแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย เจ๋งว่ะ (ตอนนี้โฆษณาบางอันในบ้านเราก็เจ๋งนะ ไม่ใช่ไม่มี)

คิดเห็นกันยังไงบ้างกับเรื่อง "โฆษณาทาง TV"
บันทึกการเข้า

 กรี๊ดดดดด มาร่วมอาลัยสนามหลวง 2 ครับ


(เสียดาย ผมไม่ค่อยได้ดู TV อะ)
บันทึกการเข้า

My handsomeness is toxic to all chics.. :P
สนใจเรื่อง Customer Share ครับ
ขอบคุณตูนมากๆ
แต่อยากรู้อยู่ตรงที่ว่า

ทำยังไงเราถึงจะรู้ว่า ลูกค้าอยากได้อะไรเพิ่มจริงๆ

เพราะปัญหาส่วนใหญ่ของร้านค้า
ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จก็คือ
เรามักขายของที่เราอยากขาย
แต่ไม่ค่อยขายสิ่งที่คนอยากซื้อ


บันทึกการเข้า
ตอบ .. พี่ณต

ตามความคิดของตูน สิ่งสำคัญน่าจะอยู่ที่การนำเสนอมากกว่า
นำเสนอให้น่าสนใจ มีจุดดึงให้ลูกค้าตัดสินใจ

อย่างเวลาเราไปกินพิซซ่า ที่เค้าจัดไว้เป็น set มีพิซซ่าถาดกลาง ขนมปังกระเทียม ไก่ย่าง
บางทีลูกค้าอาจจะไม่อยากกินไอ้ไก่ไม่กี่ชิ้น หรือบางคนไม่ได้อยากกินขนมปัีงกระเทียม
แต่พออยู่ในเซตแล้วมันดูน่าทาน + ถ้าเทียบราคาออกมา จะถูกกว่าสั่งทีละอย่างนิดหน่อย
ลูกค้าก็จะสั่ง แถมการสั่งเป็นเซตจะง่ายต่อการสั่งอีกด้วย เอาเซตที่ 1 / 2

หรือเป็นลักษณะการนำเสนอเวลาลูกค้าสั่งอาหาร
ถ้าเค้าสั่งแล้วเราจด ๆ อย่างเดียวมันก็ธรรมดาใช่ไหม
แต่ถ้าเราบอกว่าวันนี้มีเมนูพิเศษ มีอะไรอร่อยนำเสนอ หรือมีโปรโมชั่นสั่งนั่นสั่งนี่
ตอนเรียนป.ตรี ตูนเคยรับ job ทำงานพิเศษที่ร้านนารายณ์พิซเซอเรียนะ

ดูอย่างร้าน 7 คนเดินเข้าวันนึงอาจจะเป็นร้อยคน พนักงานไม่รู้หรอกว่าลูกค้าอยากได้อะไร
แต่เค้าก็พยายามเสนอขายสินค้า อย่างเราซื้อนมกล่อง เค้าก็จะถามว่ารับขนมปังเพิ่มไหม
(ยกเ้ว้นพนักงานบางคนนะ ที่แนะนำอะไรที่ไม่ค่อยจะเข้าท่าเลย  ไม่ล่ะ)
คือพยายามนำเสนออะไรที่มากกว่าที่เค้าสั่ง นำเสนอให้น่าสนใจ นำเสนอสิ่งที่เราคิดว่าอยากขายนั่นแหละ
แต่เราต้องมั่นใจนะว่ามันดี อร่อย ถ้ามั่นใจว่าของเราดี ก็อยากให้เค้าลองกินดูจริงไหม
พอเค้าติดใจครั้งหน้าเค้าสั่งอีกเราจะได้แนะนำอย่างอื่นเพิ่มเติมต่อยอดไป

อย่างตูนเคยไปกินร้านอาหารร้านนึงอยู่แถว ๆ สนามบินสุวรรณภูมิ
เจ้าของร้านแกเป็นคนตลก และแกจะเดินมารับ order อาหารด้วยตัวเอง
แกออกจะเกิน ๆ หน่อย ๆ แต่ก็ขำ ๆ ดี เอาเมนูมาแต่บอกว่า ไม่ต้องดูหรอก  อู้ย..
เราสั่งแกงคั่วหอยขม เค้าจะบอกว่า มีนะถ้าจะกิน แต่อย่ากินเลยหน้านี้หอยขมไม่อร่อย  หยี
กินแกงนี่ดีกว่า / วันนี้ปลากระพงสดนะ / ไก่ย่างกำลังเหลืองเลย ฯลฯ
สรุปบางทีเข้าร้านไปแทบไม่ต้องสั่ง แกแทบจะจัดให้เลย  อืมมมมห์

ยังไงลอง ๆ ดูละกันนะคะ ตูนยังไม่เคยดูแลบริหารงานด้านร้านอาหาร
คงยังไม่มีประสบการณ์ตรงเท่าไหร่ เลยเอาประสบการณ์ที่เห็น ๆ มาเล่าให้ฟัง
แล้วจะเอาเรื่องอื่น ๆ มาฝากอีกค่ะ  ปลื้ม

แก้ไข :: ตอนแรกเรียก ณต เฉย ๆ บุ๋มมาแอบกระซิบว่า พี่ณตเป็นพี่  (อิอิ) ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 มิ.ย. 2008, 20:45 น. โดย ยัยแก้มป่อง » บันทึกการเข้า

ผมมีโอกาสได้รับใช้ทำงานให้ ดร. ภาพร เอกอรรถพร
ที่ปรึกษาเวิร์ดแบงค์ และเป็นนักการบัญชีที่เก่งกาจ
ดอกเตอร์เคยชวนผมไปทำการตลาดให้
สถาบันฝึกอบรมที่ท่านเปิด
ผมยังงง ว่าชวนผมได้อย่างไร 
ผมมันครูสอนศิลปะ เอ็มบีเอ เอ็มบีอ๋อย
อะไรก็ไม่เคย ภาษาปะกิตก็ เยส โน โอเค โคคาโคล่า
จึงได้ปฏิเสธไป เพราะคิดว่าสิ่งนั้น
อาจจะไม่ใช่ฝันเราในขณะนั้น

ดอกเตอร์เคยบอกผมว่า
หลายบริษัทพังไม่เป็นท่า ถ้าไม่ดูแลบัญชี
และการทำบัญชี เป็นเรื่องที่สำคัญ
 ท่านบอกเหมือนสอนลูกสอนศิษย์

วันสองวันนี้ผมรับรู้ข่าวกังวลใจ
ระคนไม่เข้าใจและสับสน
เพราะมีเงินของโรงเรียนผม
แสนกว่าบาทไม่เข้าบัญชี
มันหายไป ก็รู้ตัวและพอตามเอาคืนได้
แต่เรื่องแบบนี้พอเกิดแล้วผมถึงกับเข่าทรุด
ว่าเพื่อนหนอไม่น่าทำกัน
ผมหมดแรงการคิดอ่าน
พัฒนามุ่งมั้นไปสองวันเต็มๆ

ไม่เข้าใจ และไม่สามารถเข้าใจ
ได้ว่าทำไมเป็นแบบนี้
ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ถามไถ่ใครเขาก็ว่า
เงินทองไม่เข้าใครออกใคร
ก็คงเป็นแบบนั้น ยังมีเรื่องดีคือผมรู้ก่อนโดยไว
ก่อนที่โรงเรียนจะพังทั้งหมด

นับจากนี้ผมก็จะเชื่อ ดอกเตอร์อย่างเคร่งครัด
และ ก็มาว่ากันต่อ เดินไปสู่ทิศทางที่ก้าวหน้า

เมื่อคืนแฟนผมนั่งถักตุ๊กตาไหมพรม
เป็นหัวเสียบดินสอ จะขายหัวละ 30 บาท
ผมมานั่งๆ ดูเออ น่ารักดี จึงบอกแฟนว่า
เอาไปแจกผู้ปกครองเด็กๆ ดีไหม
แต่มานั่งคิดอีกที เด็ก 120 คน แจกทุกคนคงถักไม่ไหว
และจะเป็นข้อกังวลถ้าบังเอิญ
พลาดไม่ได้แจกเด็กคนไหนไป
จะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี

ผมไปอ่านเจอที่ ซิกเว่ของดีแทค
อ้างถึงการส่งพิซซ่ารวดเร็ว
ภายในสามสิบนาที ว่า
นี่เป็นการทำให้ผู้รับบริการพึงใจ
เพราะถ้าส่งได้ภายในสามสิบนาทีก็ดีแล้ว
ถ้าส่งให้ 25 นาทีจะดีกว่า
หรือส่งช้าไปนิดก็มีแถม เพื่อชดเชยช้า
ลูกค้าก็มองว่ามีแต่ได้และได้

ก็เอามานั่งคิดว่า ไอ้หัวตุ๊กตาเสียบดินสอนี้
ผมจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง
(ผมจะไม่เอาของพวกนี้ไปขายที่โรงเรียน
นอกจากเอาไปวางให้เด็กๆเล่น)
เลยคิดว่า จะแจกให้ผู้ปกครองเด็กๆ
เมื่อเขามาต่อคอร์ส
มีผู้ปกครองมาจ่ายเงิน
เพื่อเรียนต่อทุกเสาร์ อาทิตย์
ใครต่อก็แจกไปเลย ผมคิดว่า เป็นการให้
แบบที่เขาไม่คิดว่าจะได้
น่าจะสร้างความประทับใจได้ดี
สิ่งนี่้ไม่ใช่แรงจูงใจ ให้คนมาเรียน
แต่หัวตุ๊กตาไหมพรมเสียบดินสอนี้
จะทำหน้าที่เพื่อสร้างความประทับใจ
แฟนผมฟังแล้วก็เออออ
และยินดีเพราะเขาบอกถักได้ ไม่ยากและทำได้ไว


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 มิ.ย. 2008, 09:25 น. โดย ไอ้โอ๋ววววว » บันทึกการเข้า

โรงเรียนสอนศิลปะทอศิลป์
 เห็นด้วยครับกับเรื่องระบบบัญชี ถ้าทำไม่ดีไม่รอบคอบ ผลเสียตามมามหาศาล ไหนจะสภาพคล่องไหนจะสรรพากร
บันทึกการเข้า

สู่ความโดดเดี่ยว อันไกลโพ้น
หน้า: 1 ... 3 4 5 6 7 8 9 [10] 11 12 13 14 15 16 17 ... 37
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!