หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 [8] 9 10 11 12 13 14 15 ... 37
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ (แตกหน่อ)  (อ่าน 193322 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
แอนละ ตั้งไหม  ยิ้มน่ารัก
ดอก(เตอร์) ดอก มีเมียแล้วหรือ
ถ้ามีแล้ว เดี๋ยวก็มีลูก ถ้ายัง ให้หาเมียก่อนเลย  ยิ้มน่ารัก


ยังไม่มีครับ สงสัยต้องรออีกนาน ฮ่าๆๆ  อู้ย..
บันทึกการเข้า

My handsomeness is toxic to all chics.. :P
มาอ่านแล้วนะคะ
ขอบคุณการตูนมาก (เค้าบวกให้แล้ว)
แต่ต้องรีบไปเปืดร้านแล้ว เดี๋ยวว่างๆ จะมาเล่าให้ฟังนะคะ ว่าตอนนี้เป็นไงมั่ง  จ๊วบ
บันทึกการเข้า

ความหลงใหลในภาพลวงตา ที่ได้มาใช่ความสุข

ยังไม่มีครับ สงสัยต้องรออีกนาน ฮ่าๆๆ  อู้ย..

ได้ข่าวว่าด็อกเตอร์เล็งไว้หลายคนไม่ใช่เหรอคะ ฮิ้ววว
บันทึกการเข้า

จากประสบการณ์ 5 เดือนที่โก้ทำร้านกับเพื่อนๆ

มันไม่ง่ายเลยกับการที่จะยืนอยู่บนจุดยืนของตัวเอง...
ร้านเราเคยลองกับการหาเด็กเสริฟผู้หญิง หน้าตาดีๆ มาเรียกแขก
แต่ปัญหาก็เยอะเหลือเกิน บวกกับ พวกเราคิดว่านี่มันไม่ใช่แนวทางของเรา
เราไม่ต้องการขายจุดนั้น...
ร้านอาหาร+กินเหล้าที่มีจุดขายแบบนั้นมีอยู่มากมาย

แต่เราต้องการร้่านในแบบของเรา
ทุกวันนี้ที่ร้านมีแต่เด็กเสริฟผู้ชาย (โก้ แอนด์ เดอะแก๊งค์)
ร้านเรามีบรรยากาศสุดยอดดดดดดดด
ร้านเรามีกีตาร์กับแซกโซโฟน
ร้านเรายินดีต้อนรับน้องหมา
ร้านเราบ้าฟุตบอล  ฯลฯ

ทุกวันนี้วันธรรมดาลูกค้าไม่เยอะมาก
บางวันแทบไม่มี.....
วันไหนฝนตกไม่ต้องพูดถึง...
ยังดีที่วันศุกร์ - เสาร์ พอมีคนบ้่าง

กับค่าใช้จ่ายต่อเดือน 200,000 +++
สี่เดือนที่แล้วเงินหมุนมา และหมุนไป
แต่เดือนนี้ เจอพิษเศรษฐกิจ และ ฝน
... เราเริ่มเอ่ยถึงเรื่องแยกย้ายกันไป

เพื่อนๆ บอกว่าจะลองดูจนหน้าหนาว
การทำร้านแบบไม่มีเงินลงทุน
ไม่มีเงินโปรโมต ไม่มีเงินทำการตลาดของเรา
จะไปรอดหรือเปล่า....

พี่นกใจเย็นๆ นะคะ  เข้าใจว่าเครียดพอควร
เข้าใจดีค่ะ ทำร้านอาหารเหมือนกัน

พิษเศรษฐกิจเป็นปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่ว่าจะมีทุนหนาหรือทุนน้อย ก็ต้องโดนอ่วมไปตามๆกัน

ร้านของเพื่อนที่ไทยมีทุนหนา คนก็น้อยเหมือนกัน
ฝนตก รถติด คนหงุดหงิด ไม่คิดออกมากินนอกบ้าน
แล้วทำไมต้องรอให้คนออกมากินนอกบ้านอย่างเดียว?


ที่ไทยทำไมไม่เน้นทำดิลิเวอรี่?

อย่าคิดว่าต้องเป็นบริษัทหรือเป็นร้านใหญ่โตจึงจะทำส่งถีงบ้านได้
ที่ต่างประเทศ ร้านอาหารเล็กๆ มักเน้นขาย Take away(ซื้อกลับไปกินบ้าน) กับเน้นขายHome delivery
สองตัวนี้ให้พี่ตั้งราคาขายถูกกว่าในร้านซักหน่อยนึง
และตัวส่งตรงถึงบ้าน พี่ลองคำนวนประมาณการซื้อขั้นต่ำไว้ที่พี่คิดว่าจะคุ้มกัน
แล้วก็บอกไปว่าเราส่งฟรี เช่น ซื้อเกิน 100 บาท ส่งฟรี  ถ้าไม่ถึง100ไม่ส่ง
อาณาเขตที่ส่งพี่ก็ลองกำหนดเอาว่าเท่าไรถึงจะคุ้ม

นี่คือการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย

การตลาดไม่ได้มีแค่การโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างเดียวนะ

ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจที่ขายสินค้ากึ่งบริการ
ดังนั้นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญ(หรือเรียกกันเป็นกลยุทธ)จะมีมากกว่าธุรกิจขายสินค้าทั่วไป
ถ้าจะให้พูดแล้วก็ยาว ไอ้ตัวทฤษฏีน่ะมีเต็มหัว พอได้ทำเองจริงๆมันไม่ง่ายอย่างที่เรียนแฮะ


เบื้องต้นแนะนำดังนี้
1. เพิ่มรายได้
1.1 ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย (ดังที่กล่าวมาข้างต้น)
1.2 เพิ่มปริมาณการสั่งซื้อของลูกค้า ยกตัวอย่าง จัดsetอาหารสำหรับคนที่มากันเยอะๆ เช่น banquet 39 บาทต่อคน สำหรับ4คนขึ้นไป
      การจัดsetอาหาร ลูกค้าจะรู้สึกว่าคุ้มค่า ได้กินอาหารในราคาถูกลงกว่าปกติ และทำให้เรามีรายได้เพิ่มมากขึ้น  เชื่อมั้ยลูกค้ามักคิดว่าถูกแล้วจะกล้าสั่งเครื่องดื่มมากกว่าปกติ  ซึ่งเรารู้ๆกันอยู่แล้วว่าตัวเครื่องดื่มน่ะ โคตรกำไร  นอกจากนี้การทำsetยังง่ายต่อการเตรียมอาหารในครัวด้วยนะ  ลองนึกภาพดูสิ มีปาร์ตี้20คน เล่นสั่งคนละอย่าง กับให้20คนสั่งsetอันไหนจะป่วนกว่ากัน
1.3 เพิ่มความถี่ในการสั่งซื้อของลูกค้า ตัวอย่าง ร้านของเพื่อน จัดโปรโมชั่น gift voucher สาวสวย โต๊ะไหนพาสาวสวยมาถูกตาต้องใจจะให้gift voucherสำหรับใช้ครั้งต่อไป  โปรโมชั่นนี้ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำแถมยังได้ลูกค้าเพิ่มด้วยนะ หนุ่มๆก็อยากมาเจอสาวสวย ส่วนสาวๆก็อยากเป็นสาวสวยใช่มั้ยล่ะ ..............นี่แค่ยกตัวอย่างให้ดู

2 ลดรายจ่าย
ในส่วนประเด็นนี้พูดยากเพราะปาล์มไม่รู้ว่าพี่มีระบบการจัดการยังไง เอาเป็นว่าจะขอยกตัวอย่างการรัดเข็มขัดที่ทำๆกันอยู่ให้ฟัง
2.1 กำหนดค่าแรงให้ไม่เกิน 25% ของยอดขาย
2.2 ลดปริมาณสินค้าคงคลัง  นอกจากลูกค้าจะได้กินของสดๆ ดีๆแล้ว เรายังมีเงินหมุนมากขึ้นด้วยนะ
2.3 ควบคุมการผลิต...เคยคำนวนมั้ยว่าเนื้อ10กิโล เราปรุงออกมาได้เท่าไร  ทำเงินได้เท่าไร  และเคยสงสัยมั้ยว่าทำไมบางทียอดขายลดลงแต่ปริมาณการใช้วัตถุดิบยังเท่าเดิม
2.4 รณรงค์ประหยัดน้ำประหยัดไฟ นอกจากจะช่วยลดภาวะโลกร้อนแล้ว บิลต่างๆก็จะถูกลงด้วยนะ   



อาจแนะนำไรได้ไม่มาก ปาล์มเองก็กำลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ
เป็นเด็กเสิร์ฟได้ปีกว่า คร่าวๆ ก็แนะนำได้ประมาณนี้

ถ้าพี่นกพี่โก้อยากคุยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลก็หลังไมค์ต่อได้นะคะ
บันทึกการเข้า
+



โบว์ซื้อข้าวมันไก่มาวันก่อน
เขาเปลี่ยนจากกล่องโฟมเป็นห่อกระดาษ
แล้วประทับตราสีแดงเถือก
ว่า ร้านเราเปลี่ยนมาใช้ห่อกระดาษแทนกล่องโฟมเพื่อลดโลกร้อน
แหม เท่และเ็นข้ออ้างในการลดต้นทุนได้ดีเลยครับ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ได้ข่าวว่าด็อกเตอร์เล็งไว้หลายคนไม่ใช่เหรอคะ ฮิ้ววว


ตอนนี้ไม่มีครับ
บันทึกการเข้า

My handsomeness is toxic to all chics.. :P
ปาล์ม + ครับ

ข้อมูลใดไม่ลับ ลวง พราง มาก
มาคุยในหน้านี้นะครับ  ไหว้
เพื่อ รู้ เพื่อตื่น เพื่อ เบิกบาน
เป็นวิทยาทานแด่ทุกท่าน  ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า

โรงเรียนสอนศิลปะทอศิลป์
ทำไมธุรกิจต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ??

ธุรกิจที่ไม่ว่าจะขายสินค้า หรือบริการ ก็มักต้องมีมาตรฐานที่ใช้วัดตนเอง เพื่อปรับปรุงอยู่เสมอ
ถ้าในวงการอุตสาหกรรม ก็จะมี ISO, TS16949, 5ส, Kamban, TPS ฯลฯ
ฟังดูแล้ววุ่นวายนะ ทำไมต้องทำล่ะ ?? ก็เพราะสร้างมาตรฐานให้กัับสินค้าที่ผลิตออกมา
ให้มีคุณภาพที่ได้รับการยอมรับโดยสากล โดยเฉพาะบริษัทที่คิดจะโตจาก Local เป็น Global

แล้วทำไมต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาอยู่เสมอ
ทำไมของกินที่เราซื้อกิน น้ำชา น้ำผลไม้ ต้องปรับปรุงพัฒนาสูตรอยู่ตลอดเวลา
ทำไมเสื้อผ้าต้องมี Trend ร้านขายเสื้อผ้าต้องสรรหาเสื้อผ้าแนวใหม่ ๆ แฟชั่นใหม่ ๆ เสมอ
คำตอบแรกก็คือ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

ถ้าจะมองตามแนวทางธุรกิจ ก็คือ วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (PLC : Product Life Cycle)
มันก็เหมือนชีวิตคนเรา มีจุดเริ่มต้น มีจุดที่เริ่มก้าวเดิน มีจุดสูงสุดในชีวิต แล้วก็ย่อมตกมาได้

ถ้าไม่มีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ แต่ละธุรกิจก็จะมีวงจรที่แตกต่างกันออกไป
ถ้าวาดเป็นกราฟออกมา เป็นเหมือนรูปภูเขา บางผลิตภัณฑ์อาจจะมีวงจรยาวนาน
แล้วค่อย ๆ ปรับปรุงสินค้าออกมา แต่วงจรที่เกี่ยวกับแฟชั่นอย่างเสื้อผ้า
จะมีกราฟออกมาเป็นลูกคลื่นซ้อนกันไปเรื่อย ๆ วงจรจะค่อนข้างสั้น หมุนเวียนเร็ว
บันทึกการเข้า

อ่านที่ตูน ว่ามา
ผมเคยนั่งคิด ว่าทำไม แม็คโดนัล หรือ เคเอฟซี
ช่างคิดค้นสูตรโน่นสูตรนี่ มาเรื่อยเลย บางอย่างขายดี ก็อยู่ยาว
บางอย่างขายไม่ได้เลยก็หายไป คิดไปคิดมาก็คิดไม่ออกว่าเขา
ทำไปเพื่ออะไร ผมสนใจกรณีนี้มาก จนได้มาทำโรงเรียน
วิชาบางวิชา ที่ผมทำแล้วไม่มีคนสนใจมาลงเรียนเลย
แต่ก็มีสิ่งเปลี่ยนแปลง คือคนสนใจที่จะอ่านโปสเตอร์ที่ไปแปะ
แล้วอาจจะผ่านเลย แต่ผมคิดว่านี่คือการเร้าความสนใจของมวลชน
ที่ผมรู้เพราะ เมื่อเปิดวิชาอื่นผู้ปกครองมาบอกว่า ก่อนนี้เคยรับรู้แล้วว่า
มีโรงเรียนนี้อยู่จากโปสเตอร์เก่า

ผมคิดไปถึง แม็ค และ เคเอฟซีทันที ว่าอ๋ออย่างนี้ เช่นนี้นี่เอง
ทุกๆ การขับเคลื่อน ทุกๆ การเคลื่อนไหว มักทำให้ผู้อื่นสนใจ
ใคร่รู้ และติดตาม

ผมเลยเอาเรื่องพวกนี้ไปเล่าให้เพื่อนครูผู้ร่วมทุนฟังว่า
โปสเตอร์ที่เราติดหรือการประชาสัมพันธ์อื่นๆ
เราจะเปลี่ยนแปลงไปตามระยะเวลา เพื่อไม่ให้จำเจ
กระตุ้นเร้าเตือนผู้ผ่านไปมาเสมอๆ (แม้ในนั้นจะเป็นเรื่องๆ เดิมๆ)
บอกไปว่า น้ำนิ่งไม่ไหลมันเน่า  ยิ้มน่ารัก


ผมทุนในการประชาสัมพันธ์ น้อย
โปสเตอร์ ที่ติดตามในตึก จึง
เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมมี ผมเลยอาศัยส่วนนี้
ในการประชาสัมพันธ์ วิชา และโรงเรียนมาเรื่อยๆ
ลูกค้าผม เดินไปเดินมา ในนั้นอยู่แล้ว 80%

วิชาใหม่ๆ  เหมือน เมนูใหม่ของแม็ค และ เคเอฟซี

สิ่งที่ได้คือ
เรามีหนทางในการเร้าใจ ลูกค้าเพิ่มขึ้น ในอีกช่องทางหนึ่ง





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 มิ.ย. 2008, 08:50 น. โดย El Rajun » บันทึกการเข้า

โรงเรียนสอนศิลปะทอศิลป์
แอ้เคยบ่นๆ ไว้นิดหน่อย ว่ามีร้านเสื้อผ้าเล็กๆ ที่ไม่ทำเงิน และทิ้งไม่ได้อยู่ร้านหนึ่ง
ลองคิดเล่นๆ กันดูไหมคะ ว่าจะทำอะไรกับมันต่อไป เพราะแอ้คิดไม่ออกแหล่ว..
(และไม่ได้ซีเรียสนะคะ แอ้ support รายจ่ายของมันด้วยเงินเดือนได้สบายๆ ค่ะ)

1. ร้านที่สนามหลวง 2 ฝั่งธน ขนาด 2.5 x 2.0 ม.
2. เซ้ง 10 ปี ไปแล้ว เป็นเงิน 150,000 บาท ตอนนี้ผ่านไปแล้วสองปี
3. ปัญหาของโครงการคือ ตลาดไม่ติด คนไม่เดิน ร้านเปิดไม่ถึง 30% มีแผงประมาณ 4000 แผงมั้ง
4. คนที่เดินเป็นกลุ่มแม่บ้านพ่อบ้าน และเป็นคนกลุ่มไม่ฟุ่มเฟือย
5. เปิดได้เฉพาะ เสาร์-อาทิตย์ ตอนนี้แอ้หยุดเสาร์-อาทิตย์ละ (เมื่อก่อนไม่หยุดค่ะ) แต่อยู่ไกลมากๆ
6. แอ้เปิดร้านมา 1 ปีแล้ว จ้างเด็กมาเฝ้าวันละ 200 เดือนละ 1600 จ่ายค่าส่วนกลางเดือนละ 750 ตกปีละ เกือบหมื่น
(ยังมีค่าไฟอีกนิดหน่อย)
7. ของที่ขายเป็นเสื้อวัยรุ่น ขายราคาไม่แพงค่ะ (แต่คนไม่เดินผ่านเอาซะเลย)

ตอนนี้ปิดร้านมาสามสี่เดือน เนื่องจากมันมีแต่จ่ายกับจ่าย.. อยากกลับไปเปิดอีกครั้ง แต่ในเมื่อโครงการเอง
ก็ยังไม่ติดตลาดเลย.. ร้านที่ยังไม่เปิด ก็ไม่เปิดอยู่อย่างนั้น ส่วนจะเซ้งต่อ คงไม่มีลูกค้าแน่ๆ ถึงมีก็ไม่อยากไป
หลอกลวงใครค่ะ ..

ถามเล่นๆ นะคะ ว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี.. ส่วนตอนนี้แอ้อยู่เฉยๆ แล้วจ่ายปีละหมื่นไปก่อนค่ะ ..
ระหว่างที่ยังนึกอะไรไม่ออก ..  ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า

วันก่อนพึ่งดูรายการอะไรจำไม่ได้  หมีโหด~
เค้ามาพูดถึงปัญหาของ สนามหลวง 2 ฝั่งธน ที่แม่ค้าส่วนใหญ่เหมือนคุณแอ้
จ่ายตังค์ครบ แต่เปิดร้านก็เหมือนผลาญเงินเล่น เพราะไม่มีคนเดิน
และทางกทม. ก็ไม่คิดจะแก้ไขอะไรด้วย น่าเห็นใจครับ
บันทึกการเข้า

- R u Happy with ur Rock&Roll ? -
 ถึงขนาดเข้าข่ายมวยล้มต้มแม่ค้าไหมครับ  งง
บันทึกการเข้า

สู่ความโดดเดี่ยว อันไกลโพ้น
เคยไปเดินทีนึง ร้อนมากๆ แล้วก็ไม่คิดจะวกไปอีกเลย ไอ้มืดหมี/
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
(ที่จะเล่าต่อไปนี้ข่าวไม่กรองนะคะ ได้ยินเขาพูดกันมา)
ตอนแรกเปิดโครงการ บอกว่าขายหมด จองเต็มหมดเลย.. เราเริ่มผ่อนกันตั้งแต่ยังไม่เห็นเสาเข็มโครงการค่ะ
เขาใช้เงินเราไปก่อสร้างนั่นแหละ แล้วให้เปิดจริง เลยกำหนดที่แจ้งไว้นานถึงครึ่งปีได้ ขอบอกเลยค่ะ
ว่าแม่ค้าหมดไฟไปตั้งแต่ตอนที่ก่อสร้างเลทแล้วค่ะ
พอบอกเปิดโครงการปุ๊บ ไม่เห็นจะมีใครมาแต่งร้าน จนต้องออกกฎบังคับกันมากมาย
ตอนนั้นเขาพยายามทำกิจกรรม มี Event มาลง (เช่น มวยไทย.. มีเกิร์ลลี่เบอร์รี่มาครั้งหนึ่ง นอกนั้นมวยไทย)
คนก็ยังไม่เดินเพราะร้านไม่เปิดกันเลย..
ได้ยินเขาว่ากันว่า คนของโครงการแหละ .. ที่กั๊กที่ไว้มากมาย ไม่ปล่อยขาย เพราะรอให้ราคาขึ้น
(ราคาขึ้นค่ะ เขาขึ้นเอง ที่แอ้เซ้งแสนห้า ตอนนี้เกินสองแสนห้าแล้วค่ะ) ถึงเวลาเขาจะขายเอากำไร
อะไรประมาณนี้ เพราะอย่างนั้น กฎที่บอกให้เปิดร้าน ไม่เปิดจะยึดร้าน ก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้..
พวกแอ้เป็นแมงเม่าไป ..  เอือม

เชื่อว่าคนเราต้องล้มหลายๆ ครั้ง ถึงจะรู้จักเดินค่ะ  ยิ้มน่ารัก

ปล. แอนไปเดินตรงไหนร้อนอ่ะคะ โซนใหม่โล่งซะขนาดนั้น ไม่ร้อนนะ คงเป็นโซนเก่ามั้งคะ
บันทึกการเข้า

เคยไปเดินเหมือนกันครับ เพราะผมเป็นพวกนิยมต้นไม้และมันอยู่ไม่ไกลจากที่สิงสถิตย์เท่าใดนัก

แต่ไปแล้ว ไม่ประทับใจ ไม่ล่ะ

1. ร้อนมาก อย่างที่แอนบอก  (เหงื่อแตกพลั่ก) แหยะ
และ 2. ของไม่หลากหลายและแพงกว่าเจเจอย่างเห็นได้ชัด  อี๋~

สงสัยต้องดูการทำการตลาดของทั้งตลาดอ่ะครับ ว่าทำไมมันเหลวเป๋วได้ขนาดนั้น
เป็นกรณีศึกษาได้ดีนะครับผมว่า

ถ้าให้เดามั่วๆ ถึงเหตุผลที่มันล่มก็คงเดาได้ว่า ตลาดนี้เจาะกลุ่มเป้าหมายไม่ตรง และยังไม่มีจุดดึงดูดที่จะทำให้ลูกค้าที่หลงเข้าไปแล้วติดใจอยากไปเดินอีก (loyalty) อ่ะครับ

เพราะถ้าจะว่าเรื่องทำเล ตลาดดอนหวายหรือตลาดน้ำลำพระยา ก็ทำเลไม่ได้ดีกว่าสนามหลวงสองแม้แต่น้อยแต่กลับประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
คนเดินล้นตลอด ...
บันทึกการเข้า

My handsomeness is toxic to all chics.. :P
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 [8] 9 10 11 12 13 14 15 ... 37
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!