จากประสบการณ์ 5 เดือนที่โก้ทำร้านกับเพื่อนๆ
มันไม่ง่ายเลยกับการที่จะยืนอยู่บนจุดยืนของตัวเอง...
ร้านเราเคยลองกับการหาเด็กเสริฟผู้หญิง หน้าตาดีๆ มาเรียกแขก
แต่ปัญหาก็เยอะเหลือเกิน บวกกับ พวกเราคิดว่านี่มันไม่ใช่แนวทางของเรา
เราไม่ต้องการขายจุดนั้น...
ร้านอาหาร+กินเหล้าที่มีจุดขายแบบนั้นมีอยู่มากมาย
แต่เราต้องการร้่านในแบบของเรา
ทุกวันนี้ที่ร้านมีแต่เด็กเสริฟผู้ชาย (โก้ แอนด์ เดอะแก๊งค์)
ร้านเรามีบรรยากาศสุดยอดดดดดดดด
ร้านเรามีกีตาร์กับแซกโซโฟน
ร้านเรายินดีต้อนรับน้องหมา
ร้านเราบ้าฟุตบอล ฯลฯ
ทุกวันนี้วันธรรมดาลูกค้าไม่เยอะมาก
บางวันแทบไม่มี.....
วันไหนฝนตกไม่ต้องพูดถึง...
ยังดีที่วันศุกร์ - เสาร์ พอมีคนบ้่าง
กับค่าใช้จ่ายต่อเดือน 200,000 +++
สี่เดือนที่แล้วเงินหมุนมา และหมุนไป
แต่เดือนนี้ เจอพิษเศรษฐกิจ และ ฝน
... เราเริ่มเอ่ยถึงเรื่องแยกย้ายกันไป
เพื่อนๆ บอกว่าจะลองดูจนหน้าหนาว
การทำร้านแบบไม่มีเงินลงทุน
ไม่มีเงินโปรโมต ไม่มีเงินทำการตลาดของเรา
จะไปรอดหรือเปล่า....
พี่นกใจเย็นๆ นะคะ เข้าใจว่าเครียดพอควร
เข้าใจดีค่ะ ทำร้านอาหารเหมือนกัน
พิษเศรษฐกิจเป็นปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่ว่าจะมีทุนหนาหรือทุนน้อย ก็ต้องโดนอ่วมไปตามๆกัน
ร้านของเพื่อนที่ไทยมีทุนหนา คนก็น้อยเหมือนกัน
ฝนตก รถติด คนหงุดหงิด ไม่คิดออกมากินนอกบ้าน
แล้วทำไมต้องรอให้คนออกมากินนอกบ้านอย่างเดียว?
ที่ไทยทำไมไม่เน้นทำดิลิเวอรี่?
อย่าคิดว่าต้องเป็นบริษัทหรือเป็นร้านใหญ่โตจึงจะทำส่งถีงบ้านได้
ที่ต่างประเทศ ร้านอาหารเล็กๆ มักเน้นขาย Take away(ซื้อกลับไปกินบ้าน) กับเน้นขายHome delivery
สองตัวนี้ให้พี่ตั้งราคาขายถูกกว่าในร้านซักหน่อยนึง
และตัวส่งตรงถึงบ้าน พี่ลองคำนวนประมาณการซื้อขั้นต่ำไว้ที่พี่คิดว่าจะคุ้มกัน
แล้วก็บอกไปว่าเราส่งฟรี เช่น ซื้อเกิน 100 บาท ส่งฟรี ถ้าไม่ถึง100ไม่ส่ง
อาณาเขตที่ส่งพี่ก็ลองกำหนดเอาว่าเท่าไรถึงจะคุ้ม
นี่คือการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย
การตลาดไม่ได้มีแค่การโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างเดียวนะ
ธุรกิจร้านอาหารเป็นธุรกิจที่ขายสินค้ากึ่งบริการ
ดังนั้นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญ(หรือเรียกกันเป็นกลยุทธ)จะมีมากกว่าธุรกิจขายสินค้าทั่วไป
ถ้าจะให้พูดแล้วก็ยาว ไอ้ตัวทฤษฏีน่ะมีเต็มหัว พอได้ทำเองจริงๆมันไม่ง่ายอย่างที่เรียนแฮะ
เบื้องต้นแนะนำดังนี้
1. เพิ่มรายได้
1.1 ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย (ดังที่กล่าวมาข้างต้น)
1.2 เพิ่มปริมาณการสั่งซื้อของลูกค้า ยกตัวอย่าง จัดsetอาหารสำหรับคนที่มากันเยอะๆ เช่น banquet 39 บาทต่อคน สำหรับ4คนขึ้นไป
การจัดsetอาหาร ลูกค้าจะรู้สึกว่าคุ้มค่า ได้กินอาหารในราคาถูกลงกว่าปกติ และทำให้เรามีรายได้เพิ่มมากขึ้น เชื่อมั้ยลูกค้ามักคิดว่าถูกแล้วจะกล้าสั่งเครื่องดื่มมากกว่าปกติ ซึ่งเรารู้ๆกันอยู่แล้วว่าตัวเครื่องดื่มน่ะ โคตรกำไร นอกจากนี้การทำsetยังง่ายต่อการเตรียมอาหารในครัวด้วยนะ ลองนึกภาพดูสิ มีปาร์ตี้20คน เล่นสั่งคนละอย่าง กับให้20คนสั่งsetอันไหนจะป่วนกว่ากัน
1.3 เพิ่มความถี่ในการสั่งซื้อของลูกค้า ตัวอย่าง ร้านของเพื่อน จัดโปรโมชั่น gift voucher สาวสวย โต๊ะไหนพาสาวสวยมาถูกตาต้องใจจะให้gift voucherสำหรับใช้ครั้งต่อไป โปรโมชั่นนี้ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำแถมยังได้ลูกค้าเพิ่มด้วยนะ หนุ่มๆก็อยากมาเจอสาวสวย ส่วนสาวๆก็อยากเป็นสาวสวยใช่มั้ยล่ะ ..............นี่แค่ยกตัวอย่างให้ดู
2 ลดรายจ่าย
ในส่วนประเด็นนี้พูดยากเพราะปาล์มไม่รู้ว่าพี่มีระบบการจัดการยังไง เอาเป็นว่าจะขอยกตัวอย่างการรัดเข็มขัดที่ทำๆกันอยู่ให้ฟัง
2.1 กำหนดค่าแรงให้ไม่เกิน 25% ของยอดขาย
2.2 ลดปริมาณสินค้าคงคลัง นอกจากลูกค้าจะได้กินของสดๆ ดีๆแล้ว เรายังมีเงินหมุนมากขึ้นด้วยนะ
2.3 ควบคุมการผลิต...เคยคำนวนมั้ยว่าเนื้อ10กิโล เราปรุงออกมาได้เท่าไร ทำเงินได้เท่าไร และเคยสงสัยมั้ยว่าทำไมบางทียอดขายลดลงแต่ปริมาณการใช้วัตถุดิบยังเท่าเดิม
2.4 รณรงค์ประหยัดน้ำประหยัดไฟ นอกจากจะช่วยลดภาวะโลกร้อนแล้ว บิลต่างๆก็จะถูกลงด้วยนะ
อาจแนะนำไรได้ไม่มาก ปาล์มเองก็กำลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ
เป็นเด็กเสิร์ฟได้ปีกว่า คร่าวๆ ก็แนะนำได้ประมาณนี้
ถ้าพี่นกพี่โก้อยากคุยหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลก็หลังไมค์ต่อได้นะคะ