หน้า: 1 2 3 4 5 [6] 7 8 9 10 11 12 13 ... 37
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ (แตกหน่อ)  (อ่าน 193325 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
อย่าเรียกว่า เบรกความฝันเลยครับ
ผมก็ยังเห็นว่า มันเป็นความฝันเดิม

แค่เปลี่ยนทางเดินไปให้ถึง แค่นั้นเอง  ฮิ้ววว
บันทึกการเข้า

- R u Happy with ur Rock&Roll ? -
Phillips Kotler :

"If you think advertising doesn't pay:
We understand their are 25 mountains in "Cololado" higher than "Pike Peak"
Can you name one ?

ถ้าคุณคิดว่าการโฆษณาไม่ได้ให้อะไร .. ลองดูนี่สิ
เราก็รู้ ๆ กันอยู่ใช่ไหมว่าใน Cololado มียอดเขาที่สูงกว่า Pike Peak ถึง 25 ลูก
แต่คุณบอกชื่อมันมาสักชื่อได้ไหมล่ะ ??

คำพูดสอนนี้อธิบายโดยการเปรียบเทียบ ภูเขาลูกนึงที่ืชื่อ Pike Peak ที่ได้รับการโฆษณา
มีหนังไปถ่ายทำ เป็นที่รู้จักของคน เปรียบได้กับ Product ที่ไม่ได้ดีที่สุด แต่คนรู้จักและยอมรับ
เพราะได้รับการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ แนะนำให้คนส่วนมากได้รู้จัก
เปรียบเทียบกับภูเขาอีก 25 ลูกนั้นที่สูงกว่า เปรียบเหมือนสินค้าที่ดีกว่าตั้ง 25 ชิ้น
แต่ไม่ได้รับการโฆษณา ไม่มีการสื่อสารให้คนรับรู้ ทำให้คนไม่รู้จัก

Case ของพี่โอ๋ เห็นได้ชัดเลยว่า พี่โอ๋พยายามใช้สื่อหลาย ๆ ทาง
ทั้งแบบ Mouth to Mouth, ใช้สื่อ internet (ต้นทุนต่ำ),
เลือกใช้บุคคลที่สามารถเอื้อต่อการประชาสัมพันธ์เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีต่อโรงเรียน
(ทั้งผู้ปกครอง, ครอบครัวของนักเรียน, คุณกนก)
การใช้สื่อหลากหลายทางเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคทุก ๆ segment แบบนี้เป็นการใช้สื่อแบบ IMC

กลับมาดูใน Case ของฟ้า ..  ปลื้ม ฟ้าลองคิดดูว่า กลุ่มลูกค้าของฟ้าควรใช้สื่อแบบไหนบ้าง
ที่จะสามารถเข้าถึงอย่างทั่วถึง ทุกกลุ่มย่อย ๆ อาจจะใช้หลากหลายสื่อผสมกัน
ตูนจำได้ว่า ฟ้าเคยสนุกสนานกับการแจกใบปลิว Promotion ร้านในช่วง Sales
แล้วมันก็ได้ผล จริงไหม ? นอกจากนั้นยังมีสื่ออีกตั้งหลายทาง ที่ฟ้าน่าจะหยิบจับมาเป็นเครื่องมือ

คิดในเชิงแนวคิดที่ตูนยกมา ในโซนแถว ๆ ร้านฟ้า อาจจะมีร้านเสื้อผ้าหลาย ๆ ร้าน
แต่ทำยังไง สื่อสารยังไง หาจุดเด่นยังไง ที่จะทำให้เวลาใคร ๆ นึกถึงร้านเสื้อผ้าแนวนี้
จะนึกถึงร้านฟ้า  เจ๋ง
บันทึกการเข้า

ฝากฟ้าทะเลฝัน เจ๋ง
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
 หยี
บันทึกการเข้า

ความสวยไม่รับประกัน แต่ความมันเดี๊ยนรับรอง
ผมมีทัศนคติในใจตัวเองว่า

ฝันให้เด็กที่สุด
แล้วลงมือทำให้เป็นผู้ใหญ่ที่สุด


พี่โอ๋คะ อันนี้เท่ห์มากๆ ..  ปลื้ม

มาติดตามอ่านรวดเดียว 5 หน้า เนื่องจากติดธุระไปสองวันค่ะ
ได้ความรู้ดีจังเลย .. โดยเฉพาะเคสของน้องฟ้านะ แอ้มีปัญหาด้านร้านเสื้อผ้าเหมือนกัน แต่คนละแบบกับน้องฟ้า
คือแอ้มีงานประจำทำ แต่ร้านเล็กๆ (เล็กกว่าน้องฟ้ามาก) มันก็คือฝันหนึ่งของเรา แต่ว่ามันขายไม่ได้เอาซะเลย
ตอนนี้ร้าน (อยู่ที่ตลาดนัดสนามหลวง 2) แอ้ปิดไว้ก่อน เพราะว่าเปลี่ยนงานด้วย อะไรๆ ยังไม่แน่นอน .. แต่คิดว่ายังไงซะก็ต้อง
กลับมาเปิดกิจการต่อให้ได้ค่ะ

เดี๋ยวขอเก็บความรู้แถวนี้ จะลองเอามากลั่นเป็นไอเดียดูว่าจะได้ผลเป็นยังไง..

แล้วก็ แอ้ว่าแอ้คุ้นๆ ว่าเคยเห็นโฆษณา ใครๆ ก็วาดสีน้ำได้.. เป็นโปสเตอร์อันใหญ่ ในลิฟท์ของ SCB หรือที่ไหนซักแห่ง
ใช่รึเปล่าคะพี่โอ๋... เชื่อมั้ยว่าแอ้เห็นแล้วยังคิดอยากไปเรียนเลยนะ.. แอ้เป็นกลุ่มเป้าหมายเลยนะคะ คือคนวาดรูปไม่เป็นแม้แต่นิดเดียว
ที่ฝันอยากวาดดอกไม้ได้สวยซักดอก ..  ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า

การตลาด เป็นช่องทางการสื่อสาร
บางทีปัญหาไม่ได้อยู่ที่การตลาด
บางปัญหามันแฝงอยู่ใต้ถุนตลาด
...
ก่อนที่ผมจะพูดถึงการตลาดในตอนต่อไป
อยากให้พิจารณาปัจจัยพื้นฐานให้ถี่ถ้วนก่อน
กระดูกการค้า เบอร์อะไร
อย่าเพิ่งออกทะเลฟ้า
ความคิดทำให้ยิ่งใหญ่ได้ไม่ยาก
แต่การปฏิบัติให้เนียนในเรื่องเล็กๆ คือประเด็นสำคัญ
บันทึกการเข้า

อยู่บ้านไร่ ไร้เน็ต พี่จะกางมอสกิโต้เน็ต เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง เดินตามสายรุ้ง ทิ้งเมืองกรุงไว้กับเธอ ..
ผมมีทัศนคติในใจตัวเองว่า

ฝันให้เด็กที่สุด
แล้วลงมือทำให้เป็นผู้ใหญ่ที่สุด


ฟ้อนสุดฯ กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
การตลาด เป็นช่องทางการสื่อสาร
บางทีปัญหาไม่ได้อยู่ที่การตลาด
บางปัญหามันแฝงอยู่ใต้ถุนตลาด
...
ก่อนที่ผมจะพูดถึงการตลาดในตอนต่อไป
อยากให้พิจารณาปัจจัยพื้นฐานให้ถี่ถ้วนก่อน
กระดูกการค้า เบอร์อะไร
อย่าเพิ่งออกทะเลฟ้า
ความคิดทำให้ยิ่งใหญ่ได้ไม่ยาก
แต่การปฏิบัติให้เนียนในเรื่องเล็กๆ คือประเด็นสำคัญ


ผมก็เชื่อว่าทำสิ่งที่ตัวเองมีและเป็นให้เต็มที่ดีที่สุดก่อน
เช่น ห่อหมกอร่อย มากแล้วค่อยออกเร่ขาย
ส่วนจะขายแบบไหน ห้างไหน ก็ว่ากันไป
บันทึกการเข้า

โรงเรียนสอนศิลปะทอศิลป์
ผมว่าห่อหมกพี่โอ๋
รสชาติดี มีวิตตามิน
คนเห็นค่าต้องตามมากิน
แต่คราวนี้ มันมีสเกลที่พอดีอยู่
ถ้าจะถามผมว่า ปัญหาคืออะไร
ในมุมมองของผม คือ การประชาสัมพันธ์
ยังไม่ต้องใช้การตลาดแบบธุรกิจอื่น ที่วงกว้างใหญ่เลย
เพราะมันไม่มีอะไรที่คล้าย โอ๋มีหนึ่งเดียว พิชชาก็มีหนึ่งเดียว
ความแตกต่าง ทำให้มันชัดขึ้นมา แบบที่จำได้ไม่ลืม อาจจะเหมาะ
เป็นการตลาดแบบผายปอด ด้วยลมหายใจอันสะอาด ผมเรียกว่า เม้าท์ทูเม้าท์ นี่ล่ะเหมาะที่สุด
..
ปากต่อปาก ใจต่อใจ
คนที่เห็นค่าจะช่วยขยาย
ของบางอย่างไม่ควรขายห้าง อย่าให้เฟ้อ
ไม่งั้นจะได้คนที่เข้าใจผิดหลงเข้ามา เสียดายของ
การจัดกิจกรรมนอกสถานที่ ที่เป็นประโยชน์และสนุก
จะช่วยสร้างข่าว ที่สร้างสรรค์ และน่าส่งเสริม นี่คือการประชาสัมพันธ์ชั้นยอด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 มิ.ย. 2008, 20:44 น. โดย กำนม. };oO= » บันทึกการเข้า

อยู่บ้านไร่ ไร้เน็ต พี่จะกางมอสกิโต้เน็ต เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง เดินตามสายรุ้ง ทิ้งเมืองกรุงไว้กับเธอ ..
 กรี๊ดดดดด  พี่โอ๋กับลุงกำนันคุยกัน
บันทึกการเข้า
เอ้า คนไม่ใช่แมว
ถึงต้องดมกัน  กร๊าก


ผมทำโรงเรียนด้วยเพราะเชื่อว่า
สิ่งนี้ทำให้ผมลงสู้สู่การแข่งขัน
โดยไม่ต้องนับหนึ่งใหม่
ด้วยมีทุนจากวิชาชีพ

ถ้าผมต้องเริ่มธุรกิจใดใดคงไม่เลือกขายข้าวมันไก่
เพราะกว่าจะหัดหุงข้าวได้เก่ง
ก็อาจจะอีกห้าปี นานไป(ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ)
บันทึกการเข้า

โรงเรียนสอนศิลปะทอศิลป์
ลุงกำนันเม้าท์ทูเม้าท์กับพี่โอ๋ด้วย   เกย์ออก
บันทึกการเข้า
ผมพูดเผื่อแผ่ไปยังวิธีคิดแบบอื่น ที่เน้นแต่การตลาดจ้ะ
ที่เอาการตลาดเป็นตัวตั้ง โดยเฉพาะเด็กที่กำลังคิดทำธุรกิจ
การตลาดเป็นหัวใจ เพื่อขายลม แถมเป็นลมที่ไม่จำเป็นต้องซื้อหา
บางทีมันเร้าการบริโภค และอาจจะประสบความสำเร็จทางการตลาดชั่วระยะหนึ่ง
แต่ในทางสังคมและการสร้างสรรค์ ผมถือว่าล้มเหลว และในที่สุดก็ต้องเลิกรา ..
แต่ที่ไม่จางไป คือความคิดที่ว่า เราสามารถทำเงินจากลมลวงได้ อันนี้แหละที่อันตราย
บันทึกการเข้า

อยู่บ้านไร่ ไร้เน็ต พี่จะกางมอสกิโต้เน็ต เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง เดินตามสายรุ้ง ทิ้งเมืองกรุงไว้กับเธอ ..

จากประสบการณ์ 5 เดือนที่โก้ทำร้านกับเพื่อนๆ

มันไม่ง่ายเลยกับการที่จะยืนอยู่บนจุดยืนของตัวเอง...
ร้านเราเคยลองกับการหาเด็กเสริฟผู้หญิง หน้าตาดีๆ มาเรียกแขก
แต่ปัญหาก็เยอะเหลือเกิน บวกกับ พวกเราคิดว่านี่มันไม่ใช่แนวทางของเรา
เราไม่ต้องการขายจุดนั้น...
ร้านอาหาร+กินเหล้าที่มีจุดขายแบบนั้นมีอยู่มากมาย

แต่เราต้องการร้่านในแบบของเรา
ทุกวันนี้ที่ร้านมีแต่เด็กเสริฟผู้ชาย (โก้ แอนด์ เดอะแก๊งค์)
ร้านเรามีบรรยากาศสุดยอดดดดดดดด
ร้านเรามีกีตาร์กับแซกโซโฟน
ร้านเรายินดีต้อนรับน้องหมา
ร้านเราบ้าฟุตบอล  ฯลฯ

ทุกวันนี้วันธรรมดาลูกค้าไม่เยอะมาก
บางวันแทบไม่มี.....
วันไหนฝนตกไม่ต้องพูดถึง...
ยังดีที่วันศุกร์ - เสาร์ พอมีคนบ้่าง

กับค่าใช้จ่ายต่อเดือน 200,000 +++
สี่เดือนที่แล้วเงินหมุนมา และหมุนไป
แต่เดือนนี้ เจอพิษเศรษฐกิจ และ ฝน
... เราเริ่มเอ่ยถึงเรื่องแยกย้ายกันไป

เพื่อนๆ บอกว่าจะลองดูจนหน้าหนาว
การทำร้านแบบไม่มีเงินลงทุน
ไม่มีเงินโปรโมต ไม่มีเงินทำการตลาดของเรา
จะไปรอดหรือเปล่า....
บันทึกการเข้า
ผมว่าทำร้านอาหาร+เหล้า นี่ค่อนข้างยากนะครับ
จากประสบการณ์ที่เคยทำผ่านมา
ร้านอาหาร+เหล้านี่มันรวมทุกศาสตร์
ของการบริหารไว้ด้วยกันเลย
ตั้งแต่ คน ของ บริการ โฆษณา และอื่นๆ รวมถึงตำหนวดด้วย  เอือม

ว่ากันตามตรง ผมไม่ค่อยเห็นร้านอาหาร+เหล้า เปิดได้เกินห้าปี
ที่เปิดได้เกินห้าปี ก็ไม่ค่อยเกินสิบปี และก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อย
(มักจะเปลี่ยนเจ้าของหรือหุ้นส่วนไปเรื่อยๆ)
แต่ร้านอาหารอย่างเดียว ที่เปิดได้เกินสิบปี ยังมีให้เห็นอยู่เยอะกว่า

ก็คงต้องหาลูกค้าประจำแหละครับ
ตัวผมจะสนใจและใส่ใจลูกค้าประจำ
มากินข้าวจานเดียวแต่มาบ่อยๆ
มากกว่าลูกค้าที่มากินเยอะแต่ไม่รู้ว่าจะมาอีกเมื่อไหร่
(ข้าวจานเดียวสามสี่สิบบาท แต่ถ้ามากินบ่อยๆ
รวมกันแล้ว ยอดขายอาจจะมากกว่าลูกค้าที่ปีนึงมากินที)

แล้วต้องทำยังไงก็ได้ให้วันธรรมดามีแขก
(เพราะวันธรรมดามันมีเยอะกว่าศุกร์-เสาร์)
ซึ่งตรงนี้ ยากที่สุดแล้วครับ
ในการที่จะต้องหาอะไรที่ดึงดูดลูกค้าประจำ
ให้มากินในวันธรรมดาได้ อาจจะลดราคา หรือ แถมของแถม เป็นต้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูกลุ่มลูกค้าอีก  อี๋~

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 มิ.ย. 2008, 00:01 น. โดย ณต ปีสี่ » บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 4 5 [6] 7 8 9 10 11 12 13 ... 37
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!