ก็ทำอยู่อย่างเดียวนะ เค้าจ้างให้มาบริหารงานการตลาด
เซ็นงานเป็นจ๊อบ จ๊อบละ 6 เดือนมั่ง ปีนึงมั่ง แล้วแต่
และงานมันฉีกหมด เป็นงานอสังฯบ้าง งานการแสดงโชว์ของรัสเซียบ้าง งานตลาดบ้าง
แกเลยรู้สึกว่าชั้นทำหลายอย่าง ก็อยากจะทำทั้งปีนะ แต่เค้าจ้างแค่ปีละ 5 เดือน ก็ไม่รู้จะทำยังไง
งานอสังฯ เค้ามาจ้างตอนใกล้เสร็จ พอขายหมด ก็หมดสัญญาจ้าง ไอ้ครั้นอยากจะทำต่อ ก็ต้องรอให้มันสร้างใหม่
งานโชว์เซอร์คัส มันเปิดการแสดงแค่ 6 เดือน แล้วก็จบ หมดสัญญา
งานที่ชั้นทำเป็นลักษณะงานที่รู้ระยะเวลาของตัวเอง การที่แพลนไว้ว่าจะทำอะไรล่วงหน้า
ตูคิดว่ามันไม่ได้เป็นการจับอะไรหลายอย่างหรอกนะ มันขึ้นกับจังหวะ ซึ่งจริงๆแล้วตูจับแค่งานเดียวเอง
คือ งานโปรโมท แค่มันหลากหลายทางผลิตภัณฑ์ และการบริการเท่านั้น แกเลยเข้าใจว่าชั้นจับหลายอย่าง
ไอ้ตัวอย่างที่ว่ามาทั้งหมดข้างต้นนั้นน่ะ มันก็สำเสร็จหมดทุกจ๊อบนะ แค่ไม่ได้มานั่งบอกอะไร เน้นจะบ่นไอ้ที่มีปัญหาซะมากกว่า
แกว่าชั้นจะไปอ้อนวอนนายจ้างยังไง ให้ช่วยจ้างยาวๆดีล่ะ ในเมื่อมันเป็นธรรมชาติของธุรกิจแบบนั้น ถูกป่ะ
// เจ๊งเฉพาะไอ้ที่บอก แต่ไอ้ที่ไม่บอกมันก็ไม่เจ๊ง เพราะมันไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเหมือนงานที่เจ๊งๆ โดนหลอก เลยเอามาเล่า

ถ้าเอะอะ ทำอะไรแล้วเจ๊งตลอดเวลา ป่านนี้ หนี้ท่วมหัวตายไปแล้ว
// ฉันก็ไม่ได้กะรวยอะไรขนาดนั้น แค่ทำงานเอามันส์ เพราะดันได้มาอยู่ในจุดแบบนี้มันเลยสนุกกับการได้เรียนรู้การทำงาน
ถ้าทำเอารวย อย่าทำอะไรดีกว่า อีกอย่างไม่ได้เก่งเหมือนพวกแกด้วย และถามว่าถนัดไหม เอาเป็นว่าเจอปัญหาจนคุ้นเคยดีกว่า
// ตูไม่ชอบมีหนี้ เกิดมาไม่เคยมีหนี้ ไม่เคยมีบัตรเครดิต มีก็ซื้อ ไม่มีก็ไม่ซื้อ นิยมเงินสด
และค้นพบว่า ตัวเองมีความสุขกับการที่ได้มีงานแปลกๆเข้ามาให้ทำเป็นจ๊อบๆ ต่อเนื่องแบบนี้

ตูถนัดงานแบบนี้ นี่แหละ แนวคิดเราต่างกันมาก บางทีแกอาจไม่เคยเข้าใจอะไรตูเลยก็เป็นได้นะ
ว่าไอ้ที่เจอปัญหามาหนักๆทั้งหลายแหล่น่ะ จะถอยทำไม ในเมื่อตูฝ่าจนมายืนจุดนี้แล้วน่ะ
อีกอย่าง ความบ้าของตูมันเยอะกว่ามากด้วย ถึงจะไม่สำเร็จในสายตาใคร
แต่ในสายตาตู ตูพอใจในจุดนี้มาก โง่แล้วปรับปรุง เรียนรู้ พยายามฝ่าฟันไปเรื่อย
หากคิดแล้วก็ลงมือทำซะ มันจะเจ๊ง มันจะรุ่ง ก็ขอให้ได้ทำ ผลกำไรมันของแถมว่ะ
