หน้า: 1 ... 12 13 14 15 16 17 18 [19] 20 21 22 23 24 25 26 ... 37
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ (แตกหน่อ)  (อ่าน 193296 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้

Cirque du Soleil

วันนี้ตูนขอนำเสนอ 1 ใน Case ในดวงใจก็ว่าได้

การแสดงของ Cirque du Soleil ซึ่งเป็นการแสดงของ
คณะแสดง Circus สมัยใหม่ มีผู้แสดงหลายพันชีวิต
ตระเวนแสดงโชว์ ในทุกทวีปทั่วโลก มีการแสดงโชว์เป็นชุด Theme ที่หลากหลาย
สลับสับเปลี่ยน ตระเวนหมุนไปแต่ละทวีป และ มีการเปิดแสดงโชว์พร้อมกัน
โดยให้แต่ละชุดการแสดง สลับสับเปลี่ยนทวีปกันไป

Cirque du Soleil เริ่มต้นการแสดงด้วยงบประมาณที่จำกัด
เช่าเต๊นท์มากาง แสดง ผู้บริหารแต่งชุดตัวตลกไปเดินเร่โฆษณาปากเปล่า
ด้วยใจที่รักในศิลปะด้านนี้ จึงพัฒนาตนเอง ความสามารถ จนมาเป็นวันนี้

เหตุผลที่ไม่ใช้สัตว์(หรือใช้ให้น้อยที่สุด) ในการแสดงเพราะ
ต้นทุนเกี่ยวกับสัตว์ สูงมาก ทั้งค่าเลี้ยงดู จ้างคนดูแล
สัตว์ใหญ่ตัวนึง ต้องมีคนเลี้ยงกี่คน? เช่น สิงโต ช้าง
ไหนจะค่าอาหาร ค่าดูแล ที่สำคัญ เงินประกันรายปีที่สูงมาก

การแสดงละครสัตว์สมัยใหม่ ที่ใช้ความแตกต่าง
เน้นการแสดงที่ผสมผสาน ยิมนาสติก โชว์ ดนตรี แสง สี เสียง ตระการตา
นักแสดงหลากหลายเชื้อชาติ ความสามารถที่แตกต่าง แต่ลงตัว
เน้นการสร้างฉาก การพัฒนานักแสดง เพิ่มขีดความสามารถ

จัดการแสดงโดยเป็น Theme เล่าเรื่อง เป็นชุดการแสดงแต่ละชุด
วางแผนการแสดงให้หมุนเวียน สลับสับเปลี่ยนไปแสดงแต่ละทวีป
จึงสามารถจัดการแสดงได้ในทุกทวีป ในเวลาเดียวกัน

ใน website จะมีการแสดงบางชุดให้ดู การจัดการของผู้บริหารเค้าเก่งจริง ๆ
ถ้าไม่เจ๋งจริง คงไม่สามารถจัดการแสดงทุกทวีปทั่วโลกได้แบบนี้
บันทึกการเข้า

 เจ๋ง
บันทึกการเข้า

โรงเรียนสอนศิลปะทอศิลป์
 กรี๊ดดดดด เข้ามาศึกษาด้วยคนครับ
บันทึกการเข้า

สู่ความโดดเดี่ยว อันไกลโพ้น
 เจ๋ง ยอดเยี่ยมไปเลย case นี้โชว์ความพยายามล้วนๆ กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

ความหลงใหลในภาพลวงตา ที่ได้มาใช่ความสุข
Coffee .. Culture .. Community

เครื่องดื่มที่ครองใจคน ความเย้ายวนของกลิ่นเมล็ดกาแฟคั่ว
ปัจจุบันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะซื้อเมล็ดกาแฟ กาแฟบด หรือ กาแฟสำเร็จรูป
แล้วมาชงกาแฟดื่มเองที่บ้านในทุก ๆ เช้า ใช้เวลาไม่กี่นาที
แต่ทำไมบรรดาน้ำดื่มกาแฟ ถึงต้องออกไป coffee shop
จ่ายเงินเกือบร้อยบาท เพื่อให้ได้มาซึ่งกาแฟหนึ่งแก้ว
ถ้าชงเองที่บ้านได้ราคาที่ถูกมากกว่าครึ่ง

คำตอบ คือ สิ่งที่มากกว่ากาแฟหนึ่งแก้ว
ความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใต้เงาของกาแฟ
สถานที่หย่อนใจ ที่นอกเหนือจากบ้านและที่ทำงาน

พฤติกรรมนี้เองทำให้เกิดธุรกิจร้านกาแฟ ที่เติบโตมากในหลายปีที่ผ่านมา
บางธุกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับกาแฟ ก็นำมาใช้กาแฟเป็นเครื่องมือให้กับสินค้า

ด้วยความเชื่อที่ว่า กลิ่นอันหอมกรุ่นของกาแฟ
มีมนต์เสน่ห์ในการดึงดูดคน ให้เดินเข้ามาในร้าน

ร้านกาแฟกลายเป็นธุรกิจที่ฮอต ส่งอิทธิพลไปยังธุรกิจกลุ่มอื่น
ทั้งร้านหนังสือ ร้านอินเตอร์เนต ร้านค้าต่าง ๆ

แล้วคุณล่ะ .. หลงไหลในกลิ่นหอมกรุ่น ๆ ของกาแฟบ้างไหม
ชอบบรรยากาศ .. ในร้านกาแฟที่อบอุ่นไหม ...
บันทึกการเข้า

ยกสองมือเลย
ตอนจบทำวิจัยเรื่องร้านกาแฟ

รสนิยม และแฟชั่นก็เป็นปัจจัยนึงนะที่ทำให้ร้านกาแฟ ขายได้
บางร้าน ขาย test มากกว่ารสชาตกาแฟจริงๆ อีก
บันทึกการเข้า

ความหลงใหลในภาพลวงตา ที่ได้มาใช่ความสุข






 อืมมมมห์


บันทึกการเข้า

งบน้อย
แปะ + พี่โอ๋ ตูน  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

หนังเย็บมือ Homemade www.facebook.com/oxhour
พูดแล้วก็นึกถึง...  กรี๊ดดดดด


อรมีเพื่อนที่ชอบและหลงไหลในธุรกิจร้านกาแฟ และการทำขนม
เค้าไปเปิดร้านแล้วย้ายไปเรื่อยๆ ..ไม่ใช่เพราะว่าขายไม่ได้
แต่เพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศ และเปลี่ยนสังคม เจอคนใหม่ๆ
(ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าจะทำแล้วย้ายไปๆมาๆ ตอนนี้ร้านที่สี่แล้ว)

สิ่งนึงที่ทำให้ร้านเค้าขายดี นอกจากทำเลแล้วก็คือเรื่องของบรรยากาศร้าน และเรื่องของความเป็นมิตร
โดยมากคนที่เข้าร้านกาแฟมักจะใช้เวลาอยู่ที่ร้านค่อนข้างนาน ยอมสั่งกาแฟราคาแพงเพื่อซื้อบรรยากาศ
ลูกค้าโดยมากเลือกเข้าไปนั่งจิบกาแฟบนเก้าอี้สบายๆ เพลงเพราะๆ ฟังสบาย เจ้าของร้านยิ้มแย้ม
และจุดที่น่าสนใจนั้นก็คือ.. ร้านที่มาเซ้งต่อจากเพื่อนของอรกลับขายไม่ได้ยอดเท่าตอนที่เพื่อนอรอยู่
ทั้งๆที่รูปลักษณ์ของร้านก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไร สูตรเครื่องดื่มก็ใช้เหมือนร้านเดิม บาริสต้าก็คนเดิม
จะต่างกันก็ที่การต้อนรับและท่าที่ของเจ้าของร้านคนใหม่ที่มาเฝ้าร้าน และเพลงที่เปลี่ยนแนวไปเลย
แค่บรรยากาศ... พอมาคิดดูแล้ว ...ไม่อยากเชื่อเฃบว่ายอดขายจะตกลงแบบฮวบฮาบขนาดนั้นจริงๆนะคะ

 ฮิ้ววว
บันทึกการเข้า

อันบัน ♥
เคยมีคนถาม Kotler ว่า ..

ตอนนี้หาและรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันยากเหลือเกิน

พวกก๊อปก็ลอกแบบเร็วเหลือเกิน

วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ก็สั้นลง

ลูกค้าก็มีข้อมูลมากขึ้น

สื่อโฆษณาที่ออกไปลูกค้าก็ไม่รู้จะถึงหรือเปล่า

บริษัทยังจะบรรลุความได้เปรียบในการแข่งขันได้อีกไหม ?

Kotler ..

การสร้างและรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันยากขึ้นทุกที

แต่ธุรกิจใหม่ ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่

ใครจะเคยคิดว่ากาแฟจะสามารถสร้างความแตกต่างได้ อย่าง Starbucks

ทุก ๆ สังคมจะมีตลาดเฉพาะ ที่หลบซ่อนรอให้ผู้ประกอบการที่มีจินตนาการมาเติมเต็ม

ลูกค้า กับ ธุรกิจ จะให้ความสำคัญแต่ละสิ่งต่างกัน

ทั้งสินค้า บริการ คุณภาพ ความทนทาน ความน่าเชื่อถือ คุณสมบัติ สไตล์

งานของนักการตลาดที่สร้างสรรค์ ก็คือ หาความต้องการเฉพาะเหล่านี้

และเติมเต็มในวิถีทางที่ไม่มีใครสามารถเลียนแบบคุณภาพสินค้าและบริการ

รวมไปถึงสัมพันธภาพด้วย

Kotler แนะนำว่า "อย่าหยุดพัฒนา"

เทียม โชควัฒนา (ผู้ก่อตั้งสหพัฒน์ฯ) กล่าวว่า "คนที่อยู่กับที่นั้น เท่ากับเดินถอยหลัง"


บทความตอนหนึ่งจาก Case Study 10.0 [BrandAge Books]
บันทึกการเข้า


 เจ๋ง
บันทึกการเข้า

หนังเย็บมือ Homemade www.facebook.com/oxhour
 เจ๋ง เฮ้ย ชอบ+
บันทึกการเข้า

ความหลงใหลในภาพลวงตา ที่ได้มาใช่ความสุข
เอาบทสัมภาาณ์
ธนา เธียรอัจฉริยะ
เบอร์ 2 ของดีแทค
มาให้อ่านกันนะครับ
ยาวมาก ถ้าว่างก็ลองอ่านดู
ได้ประโยชน์ ดีครับ
http://www.oknation.net/blog/remarks/2008/08/04/entry-3
....................................................



ผู้บริหารเบอร์ 2 ในดีแทค เขาเป็นรองแค่ซิคเว่ เบรกเก้,
เป็นคีย์แมนที่พลิกฟื้นดีแทคให้กลับมายิ่งใหญ่,
เป็นมาร์เก็ตติ้งแมนเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย, อีโก้แรง
นั่งคุยกับลูกค้าบนฟุตบาตรได้, เคยล้มเหลว เคยสำเร็จ, มีโอเดียเท่ๆ ,
คิดเร็ว ทำเร็ว, เป็นวิญญูชน เกือบเสียชีวิต, ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้,
เหนืออื่นใดเขารักการเปลี่ยนแปลง นี่คือตัวตนของ “ธนา เธียรอัจฉริยะ”
 รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มพาณิชย์ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC)

จากอดีตที่ ธนาเป็นเพียงแค่มนุษย์เงินเดือนธรรมดา
มาถึงทุกวันนี้เขาโด่งดังจนเป็นที่รู้จักของผู้คนในวงกว้าง
ยิ่งไปกว่านั้นเป็นผู้บริหารที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นมือมาร์เก็ตติ้งชั้น เซียน
เป็นที่ต้องการตัวอย่างมากในการให้ไปพูดบนเวทีในฐานะผู้ที่ประสบความสำเร็จ
เขา ต้องมีอะไรดีอย่างแน่นอน โดยเฉพาะมุมมองในการจัดการบริหาร
ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน M&W ฉบับต้อนรับหน้าร้อนเก็บเรื่องราว
 ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับแง่คิดต่างๆของคุณธนา
ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าทุกคนสามารถ “ทำได้” และ “ทำให้เป็นไปได้”

ชีวิตในปัจจุบัน
ผม มีความสุข ผมไม่ต้องการอำนาจ ไม่สนใจเรื่องการเมือง
 มีความสุขกับการทำงาน มีความสุขกับครอบครัว
ผมไม่อยากได้อะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว

เพื่อนร่วมงานมองคุณธนาอย่างไร

พวก เขามองผมเหมือนพี่คนหนึ่ง ไม่ได้มองว่าเป็นหัวหน้า เฮไหน เฮนั่น
เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ดุด่า เป็นผู้บริหารระดับสูงที่คุยกับลูกค้าได้ทุกระดับ
เป็นคนเก่ง คิดไว ทำไว ตัดสินใจฉับไวมาก พิมพ์ดีดก็ไว
กล้าที่จะลองทำ ศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ
บาง คนบอกว่าผมเป็นผู้บริหารที่ทำงานในภาวะกดดันได้ดีมาก
ยิ่งมีแรงกดดันเท่าไรจะทำงานได้มีประสิทธิภาพเท่านั้น เสน่ห์ของผม
ก็คือ งานที่คนอื่นทำไม่ได้แต่ผมทำได้ อะไรที่กดดัน
อะไรที่ผิดหวัง ถือเป็นความท้าทายสำหรับผม นี่คือจุดแข็งของผม

จุดเปลี่ยน บทเรียนในชีวิต
ผม เคยลาออกจาก DTAC มาแล้วครั้งหนึ่ง ช่วงนั้นไฟแรง มีอีโก้สูงมาก
คิดว่าตัวเองเก่งเมื่อเข้ากับหัวหน้างานไม่ได้ก็ตัดสินใจลาออกไปทำงานที่ Hutch
ถึงแม้จะเป็นการลาออกไปช่วงสั้นๆ แค่ 3 เดือน
แต่เป็นความผิดพลาดในการตัดสินใจครั้งนั้น เพราะก่อนออกจาก DTAC
และหลังออกไปแล้วความคิดต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เพราะหลังจากออกไปแล้วสิ่งที่คิดไว้กลับกลายเป็นคนละเรื่อง

แต่แล้ว ผมได้โอกาสครั้งสอง โดยคุณบุญชัย (บุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ DTAC)
ให้กลับเข้ามาทำงานที่ DTAC ซึ่งน้อยคนที่จะได้โอกาสแบบนี้
ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ผมเปลี่ยนความคิดการทำงานเลย
ให้ความสำคัญเรื่องคน อีกอย่างผมเปลี่ยนวิธีคิดตัวเองด้วยการไม่ยึดติดกับอะไร
 เช่น ห้องทำงานเล็กก็ไม่เป็นไร เบอร์มือถือก็ธรรมดาทั่วๆ ไป
ไม่ต้องเรียกร้องใช้เบอร์สวยๆ ที่สำคัญทุกวันนี้อีโก้ลดลงไปอย่างมาก

บทเรียนแสนเจ็บปวด
สมัย ที่ผมทำงานอยู่ที่ บล.เอกธำรง (ปัจจุบันกลายเป็น บล.เคจีไอ (ประเทศไทย))
 ในช่วงนั้นตลาดหุ้นไทยกำลังขาขึ้น ดัชนีกำลังจะไต่ไปที่ระดับ 1700 จุด
หุ้นมีแต่ขึ้นกับขึ้น ทำให้ไม่รู้จักคำว่าขาดทุนในหุ้น แต่ช่วงนั้นผมได้เงินเดือนแค่ 20,000 บาท
จึงไประดมเงินมาลงทุนในหุ้นจากน้องชาย และอาม่า รวมๆ กันแล้วเป็นแสนบาท

ช่วง นั้นผมลงทุนหุ้นตัวไหนก็กำไรและกำไรเยอะด้วย
แต่มีอยู่วันหนึ่งอาม่าพูดกับผมว่ากำไรเยอะๆ ทำไมไม่ขายออกไป
 ผมตอบสวนออกไปทันทีว่ายังไม่ขาย อาม่าไม่รู้เรื่องอะไร เดี๋ยวผมจัดการให้เอง
 ตลาดหุ้นกำลังขึ้นและจะขึ้นไปอีก แต่แล้วตลาดหุ้นตกและตกลงอย่างรวดเร็ว
สุดท้ายผมขาดทุนไปราวๆ 1 ล้านบาท ซึ่งก็เป็นเงินออมของอาม่า น้องชาย
และเงินของผม หลังจากนั้นผมต้องทำงานหาเงินใช้หนี้ยาวนานถึง 50 เดือน
บทเรียนที่ผมได้รับและจดจำไม่เคยลืม คือ ความไม่แน่นอน
ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยง่ายและได้มาโดยไร้ความเสี่ยง

ประโยคที่จดจำได้ดีจากคุณซิกเว่
คุณ ซิกเว่คอยแนะนำ ชี้แนะผมเหมือนพนักงานคนอื่นๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
ผมต้องได้รับการประเมินผลงานทุกๆ ไตรมาส แต่ประโยคหนึ่งคุณซิกเว่บอกเอาไว้
และผมจำได้มาจนถึงทุกวันนี้ เขาพูดกับผมว่า เมื่อคุณโต คุณต้องรู้จักฟังและฟังให้เป็น
พร้อมกับบอกว่าถ้าองค์กรนิ่งหยุดอยู่กับที่จะไม่มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นเลย


จาก คำพูดของคุณซิกเว่ ผมว่าเป็นสัจจธรรม
และผมหันกลับมามองตัวเองและพบว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น
และผมยอมรับสิ่งที่ เกิดขึ้น คือ มนุษย์ย่อมมีความผิดพลาด
ผมไม่ใช่เทวดาที่จะทำอะไรแล้วเก่ง ดีไปทุกอย่าง

ใน DTAC เปลี่ยนตำแหน่งการทำงานมาแล้ว 8 ตำแหน่ง
ใช่ ครับ ผมเปลี่ยนตำแหน่งงานใน DTAC บ่อยมาก ผมเป็นคนที่ไม่คิดมาก
 มองในระยะสั้นๆ งานอะไรที่สนุกผมก็จะทำ และเป็นพวกปากมาก ชอบทะเลาะ
ชอบแสดงความคิดเห็น ซึ่งการเปลี่ยนตำแหน่งงานบ่อยๆ
เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมเข้าใจสัจธรรมชีวิตว่าทุกคน
ต้องมีความผิดพลาดและ ความสำเร็จ

เป็นผู้บริหารคิดนอกกรอบ
เป็น เรื่องการเอาตัวรอดมากกว่าทำให้ต้องคิดกลยุทธ์ที่ต้องมาต่อสู้กับคู่แข่ง
แต่ก่อนอื่นเราต้องยอมรับว่าเราเป็นมวยรอง เราแพ้ทุกอย่างทั้งการเงิน
การตลาด การเมือง เราต้องรู้ตัวตลอดเวลา และอย่าหลอกตัวเอง
 มีช่วงหนึ่งที่ออเร้นท์เข้ามาทำตลาดในเมืองไทย
ซึ่งว่ากันว่าเป็นแบรนด์ที่ไปทำตลาดไหนก็ประสบความสำเร็จ
 ทำให้เราหล่นลงมาเป็นแบรนด์อันดับ 3 ทันที
ดังนั้นถ้าเราจะทำการตลาดแบบปกติเราแพ้แน่นอน

เมื่อเป็นแบบนี้ ผมจึงหากลยุทธ์การตลาดทุกรูปแบบมาต่อสู้และสู้แบบยิบตา
ซึ่งทุกคนรู้ดีว่าหากเป็นมวยรองแล้วทำการต่อสู้เต็มที่ ถ้าแพ้ก็ไม่เสียหาย
 แต่ถ้าชนะขึ้นมาถือว่าสุดยอด เห็นชัดๆ
กับความคิดนอกกรอบคงจะเป็นแบรนด์แฮปปี้
ที่ผมกับคุณซิกเว่ต้องออกเดินทางลุยอย่างเต็มที่ ซึ่งเห็นผลจนถึงทุกวันนี้

ช่วยขยายความคำว่า “กลยุทธ์ตีน”
คำ ว่ากลยุทธ์ตีนมาจากคุณขรรค์ชัย บุนปาน แห่งค่ายมติชน
ท่านเคยกล่าวเอาไว้ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ซึ่งมีนักข่าวถามท่านว่า
ค่ายมติชนมีกลยุทธ์อะไรในการฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ
ซึ่งในช่วงนั้นค่ายมติชนเป็นสำนักพิมพ์เดียวที่ยังมีผลประกอบการเป็นกำไร

คุณ ขรรค์ชัยตอบนักข่าวว่า “ผมใช้ตีนในการฝ่าวิกฤติ”
ท่านเล่าว่าหลังจากรู้สัญญาณการเกิดวิกฤติ ก็เริ่มเดินปิดไฟ ประหยัดทุกอย่าง
เดินบอกพนักงานทุกคนถึงสาเหตุการลดเงินเดือน
 เดินไปหาสายส่ง เดินแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

ผมจึงใช้กลยุทธ์แบบคุณขรรค์ ชัยมาใช้กับ DTAC ด้วยการเดินไปหาลูกค้า
เดินไปหาตัวแทนขายเพื่อถามว่าพวกเขาต้องการอะไร มีปัญหาอะไร
ซึ่งทำไห้ได้ไอเดียใหม่ๆ และการเดินแบบนี้ทำให้ได้เห็นของจริง
มีอะไรเสียหายก็แก้ปัญหาได้ตรงจุด ไม่ใช่มัวแต่มานั่งดูบทวิจัยบนโต๊ะทำงาน

กำหนดตัวเองเป็นแบรนด์อะไร
ผม คงไม่กำหนดตัวเองเป็นแบรนด์ ถ้ากำหนดแบบนั้นก็ไม่ใช่ตัวเอง
แต่ผมเป็นวิญญูชน ความหมายของคำๆ นี้ คือ ผู้ที่รู้จักผิดชอบชั่วอย่างปกติ
ซึ่งผมก็เป็นคนแบบนั้น เป็นคนปกติ เป็นคนทำงาน

ช่วยเล่าเหตุการณ์ตอนที่เกือบเสียชีวิต และบทเรียนที่ได้รับ
ใน อดีตผมทานทุกอย่างที่ขวางหน้ามาตั้งแต่หนุ่มๆ แต่ไม่เคยป่วยเลย
ร่างกายยังสดชื่น สมบูรณ์ แต่น้ำหนักขึ้นตลอดและเคยทำสถิติสูงสุด
ไว้แถวๆ 90 กิโลกรัมเมื่อประมาณ 5 เดือนที่ผ่านมา มีวันหนึ่งผมไปทานบุฟเฟ่
ทานเยอะมาก จนกระทั่งรู้สึกว่าใจสั่น มือเย็นและทนไม่ไหว
ขณะที่นั่งรถกลับบ้านต้องหลับตาแต่อาการไม่ดีขึ้น
จึงตัดสินใจให้คนขับรถขับตรงไปที่โรงพยาบาลบำรุงราษฏ์
และเมื่อตรวจเสร็จ อาการผมหนักถึงขนาดเข้าห้องน้ำยังต้องมีพยาบาล
คอยดูแลตลอดเวลา ตอนนั้นนึกถึงหน้าลูก หน้าภรรยา นึกถึงพ่อแม่
และบอกกับตัวเองว่ายังตายไม่ได้ ร่างกายยังแข็งแรงอยู่

เมื่อออกจาก โรงพยาบาล ผมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานของตัวเอง
 ทานแต่ของที่มีประโยชน์ จนกระทั่งน้ำหนักลดลง
คอเรสเตอรอลลดลง และสุขภาพดีขึ้น

นี่ ก็เป็นการลงทุนของผม คือ การเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต
และตอนนี้น้ำหนักราวๆ 78 กิโลกรัม และกลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของผมครั้งนี้มี 2 อย่าง
คือ อยากเปลี่ยนด้วยตัวเองกับถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลง
ซึ่งผมยึดคำพูดของลีโอ ตอลสตอย นักเขียน
 นักคิดทางสังคมชาวรัสเซีย เอาไว้ในใจเสมอว่า
ถ้าคุณคิดจะเปลี่ยนแปลงโลก
แต่คุณไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยได้อย่างไร?


เมื่อ เปลี่ยนแปลงแล้ว ผมเห็นมุมมองอะไรใหม่ๆ มากมายอย่างน่าสนใจ
ทั้งการดำเนินชีวิตและการทำงาน ทำให้เกิดการเรียนรู้ครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต
และเกิดขึ้นเมื่อไม่นานอีกด้วย ซึ่งในสมัยก่อนผม
เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเปลี่ยนแปลงอะไร
แต่เมื่อได้เปลี่ยนแปลงแล้วทำให้มีความสนุกสนาน
โดยผมจะเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
และเปลี่ยนตัวเองก่อน อย่างเช่น ตอนนี้กำลังหัดใช้
เครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอช ซึ่งผมก็ใช้สลับกับ PC

ทุกวันนี้ สิ่งหนึ่งที่ผมอยากทำให้ได้ คือ การนั่งสมาธิ
ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับผมแต่จะพยายามทำให้ได้

การลงทุนทั้งหลายที่พูดมา จุดไหนคือกำไร
มี ความสะสมมาโดยไม่รู้ตัวด้วย ที่ผ่านมาผมมีการลงทุนในชีวิตมามาก
และได้กำไรมากเช่นเดียวกัน แต่แน่นอนย่อมมีความเสี่ยงเสมอ
ถ้าลงทุนและลงแรงก็จะเกิดการออกดอก ออกผล อย่างเช่น
ผมลงทุนออกกำลังกายด้วยการวิ่ง กำไร ก็คือ ทำให้มีร่างกายแข็งแรง
หรือการหันมาทานผัก ลดน้ำตาล กำไรอยู่ที่น้ำหนักตัวลดลงเข้าสู่จุดสมดุล
แต่ทั้งหลายทั้งปวงของการลง ทุน สุดยอดของการลงทุนในมุมมองของผม
ก็คือ การเปลี่ยนแปลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลง ก็คือ การลงทุน
ลงทุนกับสิ่งที่เคยเป็นมาแล้วเปลี่ยนแปลงมัน
หลังจากนั้นจะมีอะไรใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต ซึ่งอาจจะนับเป็นกำไรของชีวิต
หรือเป็นประสบการณ์ชีวิตก็ได้
หรือเป็นการเข้าใจโลกใบนี้มากขึ้น ซึ่งก็คือกำไรชีวิต

เรื่องความรักได้ยินว่ายังมีการลงทุนและวางแผน
ผม ไม่ใช่คนเจ้าชู้ แต่เรื่องความรักหรือจีบสาวจะมีการวางแผน
เช่น สมัยหนุ่มๆ เวลามีสาวสวยเข้ามาทำงานใหม่ๆ ผมจะประกาศก้องไปเลย
ว่าคนนี้ผมจะจีบ บ่งบอกให้รู้ว่าห้ามใครจีบแข่ง

คนมุ่งมั่น มั่นใจมาก
ใช่ แม้แต่การตีกอล์ฟ ผมฝึกตีกอล์ฟได้ไม่เท่าไร ผมกล้าออกรอบกับเพื่อนๆ
ร่วมก๊วนที่เล่นเก่งๆ ได้ โดยไม่อาย ที่สำคัญกล้าที่จะเสี่ยงด้วย
การเล่นพนันเล็กๆ น้อยกับเพื่อนๆ ถึงแม้ว่าตัวเองจะเพิ่งหัดเล่นกอล์ฟ

ความสำเร็จเกิดจากอะไร
ถ้า คิดว่าตัวเองสำเร็จจะล้มเหลว นี่เป็นปรัชญาที่ยึดมาโดยตลอด
ดังนั้นผมคิดว่าตัวเองยังไม่ประสบความสำเร็จอะไรมากมาย
แต่ที่ผมดังก็เพราะอยู่ในธุรกิจมือถือ ซึ่งใครเข้ามาทำงานวงการนี้ดังทุกคน

แต่ ความสำเร็จของผม อยู่ที่การมีความสุข มีชีวิตสบาย
วันหยุดผมอยู่บ้าน อยู่กับลูกกับภรรยา เป็นคนธรรมดา
ไม่มีของสะสมอะไร ผมมีความสุขสบายใจที่สุด

ครอบครัวมีส่วนสร้างความสำเร็จในงานมากน้อยแค่ไหน

มีส่วนอย่างมาก ถ้าผมยังไม่แต่งงานคงเป็นคนขี้เกียจ
ดังนั้นครอบครัวเป็นแรงผลักดันให้เกิดพลังในการทำงาน ให้กำลังใจตลอดเวลา

ชอบนักเขียนคนไหน

หนังสือ ของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ผมอ่านทุกเล่ม
รวมทั้งหนังสือของพี่จิก - ประภาส ชลศรานนท์ ผมชอบมุมมองไอเดียของพี่เขามาก
เป็นฮีโร่ของผมเลย และผมชอบหนุ่มเมืองจันทร์ คุณบินหลา น. นพรัตน์
ซึ่งนักเขียนเหล่านี้มีความเหมือนกัน คือ เขียนหนังสือง่าย ทำให้คนอ่านเข้าใจง่าย เขียนสนุก

อ่านนวนิยายจีน ได้กลยุทธ์มาปรับใช้ในการทำงานบ้างหรือไม่

ผม อ่านกระบี่เย้ยยุทธจักร อ่านหลายรอบมากซึ่งมีตัวละครอยู่คนหนึ่ง
ซึ่งชอบใช้ชีวิตแบบสันโดษ เป็นวิญญูชน มีจิตใจงดงาม
ซึ่งในหนังสือเล่มนี้มีปรัชญาชีวิตอะไรหลากหลายที่สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิต จริงได้

วางแผนอนาคตอย่างไร
ผม ไม่เคยวางแผนอนาคตยาวไกล คิดแค่เพียงว่าอยากทำงานที่ความสนุก
ที่สำคัญผมคิดตลอดเวลาว่าหากไม่ได้ทำงานใน DTAC ผมจะต้องเดินออกไปอย่างสง่างาม
ไปแบบเท่ๆ เก็บของไม่กี่ชิ้นแล้วไปได้เลย
 และไม่ทำให้คนที่เข้ามาแทนผมต้องนินทาว่ากล่าวผมเสียๆ หายๆ

ผมจะเดิน ออกไปด้วยความภาคภูมิใจในสิ่งที่ทำ ซึ่งฉากจบใน DTAC
ของผมต้องมีความสุข แต่อย่าถามว่าหลังจากนั้นผมจะไปทำอะไร
ซึ่งผมก็ไม่รู้เพราะเมื่อถึงวันนั้นก็จะมาหาเราเอง
ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาผมมักจะเป็นเช่นนั้น คือ เดี๋ยวก็มาเอง
แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเลือกทำอะไรที่เราต้องการ
คือ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แล้วค่อยตัดสินใจ

ทุกวันนี้ ผมคิดว่าผมเดินมามากกว่าที่คิดเอาไว้
ชีวิตนี้ได้อะไรมากกว่าที่ควรจะได้อยู่แล้ว
ผมขอฝากประโยคปิดท้ายว่า ทุกนาที คือ การลงทุน


From :  www.moneychannel.co.th
บันทึกการเข้า

โรงเรียนสอนศิลปะทอศิลป์
ธนา เธียรอัจฉริยะ ..
ขออนุญาตพี่โอ๋เพิ่มเติมอีกเล็กน้อยสำหรับบุคคลที่มีความคิดสมนามสกุลจริง ๆ

หลังจากที่มีประกาศค่าไอซี (อินเตอร์คอนเน็กชั่น ชาร์จ)
ราคาไม่ใช่ปัจจัยการแข่งขันอีกต่อไป
เพราะราคาและโปรโมชั่นก็จะใกล้เคียงกัน
ดังนั้นเรื่องความสะดวกจะเป็นเรื่องสำคัญ

ธนา เป็นผู้ริเริ่มรูปแบบใหม่ในการเติมเงินแบบออนไลน์
เติมเงินผ่านมือถือ ที่สามารถเติมได้ทุกที่ ทุกเวลา
เติมเงินได้จากร้านค้า หรือตัวแทนที่มีกระจายอยู่ทั่วไป
ไม่จำเป็นต้องซื้อบัตรเติมเงิน (ประหยัดต้นทุนของบริษัทอีกด้วย)

เครือข่ายเติมเงิน ครอบคลุมร้านค้า ร้านซ่อมนาฬิกา ร้านตัดผม
แม่บ้าน นักศึกษา ร้านข้าวแกง เจาะลึกลงระดับรากหญ้า
นอกจากนี้ ดีแทคยังจับมือกับ ชายสี่หมี่เกี๊ยว
จับมือกับธุรกิจแฟรนไชส์ เพื่อขยายเครือข่ายให้เป็นแบบก้าวกระโดด


ปัจจุบันการแข่งขันด้านราคายังมีอยู่เรื่อย ๆ ตามโปรโมชั่นต่าง ๆ
โปรฯใหม่ ๆ จะออกมาให้เราโทรหาในเครือข่ายเดียวกัน เรียกว่าแก๊งค์เดียวกัน

การใช้วิธีขยายการเติมเงินให้เป็นเรื่องง่ายที่สุด สะดวกที่สุด และแพร่หลายมากที่สุด
ไม่ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ ไม่ต้องจ้างบริษัทอื่น สร้างผู้จำหน่ายของตนเองขึ้นมา
แปลงลูกค้าให้เป็นผู้ขายไปในตัว ทำให้ลูกค้าที่เป็นผู้จำหน่าย เป็นพันธมิตรกับดีแทค
ซึ่งพันธมิตรก็จะไม่มีที่สิ้นสุด หาไปได้เรื่อย ๆ
บันทึกการเข้า

 เจ๋ง ขอบคุณทั้งสองคนเลยค่ะ
บันทึกการเข้า

ความหลงใหลในภาพลวงตา ที่ได้มาใช่ความสุข
หน้า: 1 ... 12 13 14 15 16 17 18 [19] 20 21 22 23 24 25 26 ... 37
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!