หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7] 8 9
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ระลึกความหลังครั้งยังเป็นเด็ก  (อ่าน 34896 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
เรื่องตีกะคนอื่นก็มีนะ
อย่าง ม.2 ก็เคยตีกะเพื่อนจนแว่นแตก
เคยตีกะพี่สาว (แย่งของกัน) บ่อยๆ
ป.4 ก็เคยโดนตีเหมือนกัน ตอนนั้นเข้าห้องครูใหญ่เลย

ส่วนใหญ่จะสู้ไม่ชนะ กร๊าก
แต่ตอนนี้ดั๊นมั่นใจในพละกำลังตัวเองแล้ว หมีโหด~
บันทึกการเข้า

ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม
แต่มันก็ดีที่อย่างน้อยได้จดจำ
ว่าครั้งนึงเคยก้าวไป...

- ตอนอนุบาลขี้แตกที่โรงเรียน ฝังใจมากเพราะพี่ที่ขึ้นรถประจำ ไม่ให้นั่งข้าง ๆ  ยิ้มเหี้ยมเกรียม


กร๊าก ค้นพบตัวเองตั้งกะตอนนั้นเลย
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
-ตอนเด็กๆ ชอบเล่นซ่อนแอบ ภาษาถิ่น เรียก แอ๊บสะพาย  มาจาก แอบ+เซอร์ไพส์ มั้ง
เพราะคิดว่าตัวเองสามารถซ่อน ในพื้นที่จำกัด ได้เนียนมากๆ เลยไม่ค่อยเป็นคนหา(เพราะเวลาเล่น จะกำหนดเขต ว่าห้ามซ่อนเกินโรงอาหารนะ เดี๋ยวพวกล่อไป ซ่อนท้ายหมู่บ้าน  จะหาไม่เจอ)
ตอนเย็นๆ โพล้เพล้ ห้ามเล่นนะ เดี๋ยวผีบังตา  (อิอิ)

-เล่นเตย ที่แบ่งเป็นสองทีม ทีมรับกับทีมวิ่ง  แล้ววิ่งๆจนสุด แล้วกลับขึ้นมา

-เล่นไพ่เขี่ย เป่ากบ ลูกแก้ว คิดว่าเทพมากตอนนั้น โคตรภูมิใจ เวลาว่างๆ ถึงกะ เอามาซ้อมคนเดียว

-ตุ๊กกระตากระดาษ อันนี้ผมก็เล่นครับ เล่นกับเพื่อนผู้หญิง "นี่ๆ ชุดนี้ชุดอยู่บ้านนะใส่ไม่ได้ เดี๋ยวจะออกไปงานเต้นรำ"

-เล่นบูชายัน ไม่รู้คนแถวนี้เรียกอะไร ที่โยนลูกปิงปองขึ้นไป แล้วต้องรับให้ได้ก่อน เด้งพื้น สองครั้ง(แล้วแต่กำหนด)
ถ้าเด้งพื้นเกิน คนรับต้องบอกว่า สะต๊อบ!! คนที่เหลือ จะวิ่งไปแอบ แล้วต้อง ขว้างให้โดน
ขว้างโดนเพื่อนซวยเรารอด ถ้าขว้างไม่โดน เพื่อนก็ซวย นัดแต้มไป ใครถึงห้าแต้ม(แล้วแต่กำหนด) ต้องมายืนกอดเสาให้เพื่อนขว้างลูกปิงปอง
ใส่น่อง  

-เล่นพ่อแม่ลูกขายขนม อันนี้ก็เล่นกับเพื่อนผู้หญิง

-เล่นดึงด้าย ผมเรียก เรียกว่าสีซอ ที่เอาด้ายหรือไหมพรมมาผูกเป็นวง แล้วผลัดกันเล่นสองคน วนไปเรื่อยๆ จนด้ายพันกัน

-หมากฮอส เล่นกะแม่ แม่สอนให้เล่นตอนป.2 แล้วไปเล่นกะเพื่อนๆวัยเดียวกัน รู้สึกว่าเพื่อนแม่งอ่อน เล่นไม่เป็นเดินมั่วๆซั่วๆ เล่นไม่มันเลย
เลยไปเล่นกะพี่มัธยมข้างบ้านเลยรู้สึกว่าสนุก แต่พี่เค้าชอบโกง แอบเอาตัวมาเติม  พอตอนหลัง ไปเล่นกะครูพละแพ้ตลอดเลย
เลยลักจำกระบวนท่าเขามา

-เล่นปั่นแปะแต่ผมเรียก ปั่นหัวปั่นก้อย   ดีมะกอกทำมือโก่งๆแล้วดีด ถ้าดังก๊อกจะสะใจมาก

-เล่นฐานทัพตุ๊กกะตุ่น(ตุ๊กตาทหาร) ตอนเด็กๆ จะมีตุ๊กตาทหารหลายสิบตัว เอามาตั้งเป็นฐานทัพสองฝ่าย ตัวเท่ากัน  แล้วเอาเลือกทหาร มาขว้าง
ใครล้มหมดก่อนแพ้

-ไม่ชอบเล่น หมาไล่จับ วิ่งไม่ทันชาวบ้านเค้า  ง่ะ แต่ถ้าเค้าเล่นก็ต้องเล่น  หมาไล่จับ จะมีการ "ญาต" มากจาก ขออนุญาต โดยการเอานิ้วไขว้กันเป็นรูปกากากบาท
เอาไว้ใช้ในเวลาจวนตัว เหนื่อย หรือ อื่นๆจะไม่สามารถจับได้  แต่จะกำหนดว่าญาต ได้ สองครั้ง นะ
ถ้าเปลี่ยนหมา  ก็จะ ญาต ได้ใหม่
เพื่อนแม่งชอบเลิกตอน ที่เราเป็นหมา แล้วก็โดนล้อว่าเป็นหมาค้างปี  เอือม






 
บันทึกการเข้า

กินรอบวง
ญาต   ตอนเด็ก แถวบ้านเรียก  "อั๊ด"    ประมาณว่า  จะมีหนอนวิ่งมาแตะ  ก็ "อั๊ดๆๆ"   คริคริ
บันทึกการเข้า
เรื่องตีกะคนอื่นก็มีนะ
อย่าง ม.2 ก็เคยตีกะเพื่อนจนแว่นแตก
เคยตีกะพี่สาว (แย่งของกัน) บ่อยๆ
ป.4 ก็เคยโดนตีเหมือนกัน ตอนนั้นเข้าห้องครูใหญ่เลย

ส่วนใหญ่จะสู้ไม่ชนะ กร๊าก
แต่ตอนนี้ดั๊นมั่นใจในพละกำลังตัวเองแล้ว หมีโหด~

ชอบตีกับโบว์เหมือนกันเด็ก เพราะแม่ชอบใช้ไปซื้อของ
ก็เลยไม่ค่อยชอบมัน หยี เด็กๆทะเลาะกันมาก ถึงขนาดว่ามีเส้นแบ่งเตียงกันเลย (นอนเตียงเดียวกัน)
แบบว่า โทรทัศน์ข้างตู ห้ามดู พัดลมอยู่ข้างโบว์ มันก็ปิดเพื่อที่จะแกล้งเรา  ฮิ้ววว
ทำไปได้คนเรา
บันทึกการเข้า
ตอนเด็กพ่อโอ๋เดือนมาก ตรงกันข้ามกะพี่สาว
แม่ก็เลยโอ๋พี่มากกว่าโอ๋เดือน จะได้สมดุลกัน (ทั้งๆ ที่เป็นแม่เลี้ยงนี่แหละ) หมีโหด~
อยู่คุณนู้คุณหนู งานบ้านก็ไม่ทำไรเงี้ย
ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าทะเลาะกะพี่เรื่องโบ้ยหน้าที่เก็บขี้หมา
มันเอาขี้หมาใส่ถังขยะแล้วมาวางไว้ในห้อง หมีโหด~

ตอนนั้นก็งงๆ ทำไมห้องตัวเองเหม็นๆ
พอเจอต้นตอก็วิ่งโร่ไปฟ้องพ่อ
แล้วพ่อก็ด่ามัน หมีโหด~

ตอนนั้นชอบไปยุ่งไปเซ้าซี้กะของๆ พี่
สิบกว่าปีต่อมาพอได้เป็นพี่คนแล้ว โอ้ว เข้าใจฟีลสุดๆ เลย โวย ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม
แต่มันก็ดีที่อย่างน้อยได้จดจำ
ว่าครั้งนึงเคยก้าวไป...
ชอบตีกับโบว์เหมือนกันเด็ก เพราะแม่ชอบใช้ไปซื้อของ
ก็เลยไม่ค่อยชอบมัน หยี เด็กๆทะเลาะกันมาก ถึงขนาดว่ามีเส้นแบ่งเตียงกันเลย (นอนเตียงเดียวกัน)
แบบว่า โทรทัศน์ข้างตู ห้ามดู พัดลมอยู่ข้างโบว์ มันก็ปิดเพื่อที่จะแกล้งเรา  ฮิ้ววว
ทำไปได้คนเรา

ตีกันกับพี่ชายทุกวันเลยค่ะ(ห่างกัน 2 ปี) ตีกันจนบ้านสะเทือนเลยก็มี คริคริ  ตั้งแต่เรื่องแย่งรีโมททีวี  เข้าห้องน้ำ  แย่งจักรยาน
ล้างจาน โต๊ะเขียนหนังสือแบ่งเส้นเหมือนกัน  เตียงก็เอาผ้าห่มมากั้นไว้ ใครเลยเขตมาจะโดนตี
ตอนนั้นไม่กลัวเลย  ทุกครั้งที่ตีกัน จะร้องไห้ก่อน เพราะพี่ทำเจ็บ  ร้องแล้วก็เอาคืน ทั้งกัด ทั้งเอาไม้กวาดทุบ จนมันร้องไห้  ฮิ้ววว

เคยถูกตีเพราะทะเลาะกันที  พี่โดนไป 3  เราโดนไป 1 พี่ร้องไห้ หอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่บ้านยาย  ตอนนั้นสงสารมันเหมือนกัน ร้องไห้แล้วก็สัญญาว่าจะไม่ทะเลาะกันอีก  อีกเดือนนึงต่อมา ก็ตีกันอีกเหมือนเดิม  กร๊าก  เลิกตีกันตอนขึ้น ม.2  มั้ง เพราะพี่ไปเรียนต่างจังหวัด เลยไม่ค่อยได้เจอกัน  อืมมมมห์
บันทึกการเข้า
ทำไมนึกเรื่องตอนเด็กไม่ออก  ฮือๆ~
บันทึกการเข้า


-เล่นบูชายัน ไม่รู้คนแถวนี้เรียกอะไร ที่โยนลูกปิงปองขึ้นไป แล้วต้องรับให้ได้ก่อน เด้งพื้น สองครั้ง(แล้วแต่กำหนด)
ถ้าเด้งพื้นเกิน คนรับต้องบอกว่า สะต๊อบ!! คนที่เหลือ จะวิ่งไปแอบ แล้วต้อง ขว้างให้โดน
ขว้างโดนเพื่อนซวยเรารอด ถ้าขว้างไม่โดน เพื่อนก็ซวย นัดแต้มไป ใครถึงห้าแต้ม(แล้วแต่กำหนด) ต้องมายืนกอดเสาให้เพื่อนขว้างลูกปิงปอง
ใส่น่อง 
 


เล่นประจำเลยหละตั้ง
แต่ต่างกันหน่อย
แถวบ้านใช้เป็นลูกเทนนิสแทน  เวลาขว้างอัดน่องมันสะใจดี ฮี่...
เวลาเล่นก็ขุดหลุมเท่าคนเล่น  ขนาดพอลูกเทนนิสเข้าได้พอดี
ลงหลุมใครก็จับขว้างเพื่อน  ถ้าไม่ลงโยนใหม่

อ้อลืม  ต้องขีดเส้นล้อมบริเวณหลุมด้วย  ขนาดพอๆกับจำนวนคนเล่นอยู่ได้
ถ้าลูกลงหลุมเราคนอื่นต้องรีบวิ่งออกจากหลุม  เราก็ต้องรีบไปเอาลูกมาปาใส่ให้โดนเพื่อน
ที่เหลือกติกาเหมือนตั้งนะ


ส่วนสต๊อบนี่ก็มี  นึกไม่ออก


แล้วมีอีกเกม  อันนี้สนุกมากแต่จำไม่ค่อยได้แล้ว 
เรียกว่าดึกเกิบ (ดึก แปลว่าขว้าง  เกิบแปลว่ารองเท้า  รวมกันก็ขว้างรองเท้า)
ประมาณว่าแบ่งออกเป็นสองทีมเท่าๆ กัน
เอารองเท้าเตะมามาต่อเรียงสลับกันจนสูงแล้วแต่ตกลงกัน (ผมอยู่โรงเรียนบ้านนอก  ใส่รองเท้าเตะกันจนถึง ป.๖)
สองทีมผลัดกันเอาร้องเท้าอีกข้างที่รูปร่างสวยงาม  เวลาขว้างจะได้ร่อนๆ ขว้างร้องเท้าที่ตั้งไว้จนล้ม

อ้อ  ลืมวงกลมอีกแล้ว  วงกลมล้อมรอบคนเล่นกับกองรองเท้าด้วย

ฝ่ายไหนทำล้มก็ต้องรีบวิ่งหนี  อีกฝ่ายก็เอารองเท้าขว้างให้โดนทีมอื่น
พวกที่หนีก็ต้องรีบกลับมาตั้งรองเท้าให้เป็นเหมือนเดิมถึงจะชนะ
พวกที่ไล่ขว้างก็ต้องขว้างอีกฝ่ายให้ตายทีละคน  ถ้าตายหมดก็จะชนะ 

ความสนุกอีกอย่างก็คือถ้าพวกที่ขว้างมาแล้ว  ขว้างพลาดรองเท้ามาตกใกล้ๆ พวกที่หนี
ฝ่ายหนีสามารถเตะรองเท้าไปไกลๆ ได้ แต่ห้ามจับ  ทำให้เพื่อนฝ่ายเดียวกันไปตั้งรองเท้าได้
แต่อย่าให้ฝ่ายขว้างแย่งรองเท้าได้ละกัน  มีสิทธิตายได้ง่ายๆ  อืมมมมห์


สงสัยอ่านกันจนงงแน่เลย  แต่สนุกจริงๆนะ


บันทึกการเข้า

ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
กรี๊ดดดดด กระเป๋าจาค็อบ
ตอนนั้นให้ป่าป๊าพาไปซื้อถึงร้านเค้าเลย อยากได้แบบสองช่อง ที่จับแบน
แต่ที่ร้านมีแบบสามช่อง ที่จับกลม ก็เลยต้องใช้แบบนั้น ใบเดียวตั้งแต่ม.1-6 คุ้มมากๆ
ใครไม่ใช้จะรู้สึกแปลกแยก ปกติกระเป๋าจะบางมาก เอาคลิปหนีบตัวนึงด้านล่าง
แต่ตอนจะปิดเทอมต้องแบกหนังสือกลับบ้าน กระเป๋าบานแบบสุดๆไปเลย
หลังกระเป๋าที่โรงเรียนจะชอบแปะสติ๊กเกอร์กันด้วย  กรี๊ดดดดด


วันนี้แวบๆไปดูราคาJACOB ที่ B2S มา ตอนนี้ 3600 แน่ะ  โวย
ตอนนั้นซื้อมาไม่ถึง 2000 เลยมั้ง  อู้ย..


จาคอบตอนนั้นตูซื้อมาใบละพันห้ามั๊งตอนนั้น

ปัจจุบันถ่ายโอนให้ลูกพี่ลูกน้องไปแล้ว

-- สมัยเรียนต้องใส่ "ปาแต็ง" แล้วต้องเดินลากดัง "แช๊ะๆๆ" ในโรงเรียนด้วยนะ แล้วปาแต็งต้องหัวโตๆ คิกขุๆ

-- เข้าแถวเสียงดังต้องโดนคุกเข่า โตมาเข่าด้านเลย เซ็งเป็ด ใช่ซี้~

-- เช้าๆไปโรงเรียนต้องไปให้เพื่อนถักเปียให้ แบบฮิตๆก็ต้องให้เหลือหางยาวๆ มีเปียอยู่สองข้อเองมั๊ง แล้วต้องผูกโบว์เส้นใหญ่ๆ ผูกให้เป็นรูปผีเสื้อ

-- พอจะจบม.6 ฮิตเล่นอะไรกันที่ต้องเล่นกันเป็นฝูง เพราะจะจบแล้วจะไม่ได้เล่นด้วยกันแล้ว จำได้ว่ามาเล่นกันยกชั้นม. 6 เลย โดนประกาศออกไมค์ตอนนั้นเลยว่าให้เลิกเล่น เซ็งเป็ด

-- เล่นบอลบ้ากันกลางทางเดินโรงเรียน ไม่รู้รู้จักกันมั้ย บอลบ้า คือ เอากระดาษมาปั้นๆเป็นลูกกลมๆ แล้วแบ่งเป็นสองทีม ทีมที่เป็น ก็จะยืนสองฝั่งคอยเอาลูกบอลปาคนเล่นที่อยู่ในเส้น พอเหลือคนเล่นคนสุดท้ายก็จะนับสิบตก ถ้าสิบตกแล้วยังไม่โดด พวกเล่นก็กลับมาเล่นต่อ ถ้าโดนก็ผลัดกัน จำได้ว่าลูกบอลนี่ปั้นกันจนแข็งปั่ก เอาสกอตเทปมาพันทับอีก โดนกลางหลังนี่ถึงกะจุกกันเลยทีเดียว มีครั้งนึงโดนเข้าไป ลงไปนั่งเลย เพื่อนเอาตีนเขี่ยอีก บอก ออกไปเกะกะ เพื่อนเวร

-- สมัยเด็กๆพ่อไม่ให้ไปเล่นกับคนข้างบ้าน แล้วข้างบ้านนี่มีเด็กรุ่นเดียวกันเป็นสิบเลยนะ (เล่นอี บอลลูนกันได้ยาวไปถึงหน้าปากซอย) ดีที่พ่อไปทำทัวร์บ่อยไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่ต้องคอยส่อง พอเห็นรถตู้พ่อวิ่งเข้าหน้าปากซอยมาต้องรีบวิ่งเข้าบ้าน โดนเพื่อนล้อตลอดว่าอีนี่เป็นโรคกลัวรถตู้ เพราะว่าอาก็มีรถตู้แบบเดียวกับพ่อ แต่ตอนเห็นไกลๆไม่รู้ว่ารถใคร วิ่งไว้ก่อน

-- โดดยางนี่เป็นตัวแถมตลอด เพราะไม่มีใครเอา  เอือม โดดไม่เป็น เป็นแต่คนถือยาง (เพราะสูงสุดในบรรดาเด็กๆแถวนั้น)

-- เกมส์เศรษฐี เล่นกันได้ข้ามวันข้ามคืน ล้มละลายแล้วซ้ำแล้วซ้ำล่ำ

-- ข้างบ้านเป็นห้องแถว เวลาฝนตกหนักน้ำจะท่วม ก็ไปช้อนกุ้งฝอย

-- ตกกลางคืนก็ไปจับปูกันที่ชายหาด จำได้ว่าจับกันทีได้เป็นกระสอบ แต่ตูเป็นคนส่องไฟนะ

-- พูดถึงฝนตก ข้างบ้าน (อีกแล้ว ไม่มีจากบ้านตูเลย) เค้าไปหากบกัน ตูก็ไปด้วย แต่เสือกกลัวกบ ถือไฟฉายให้เพื่อน แต่กบเสือกโดดหาตู  ใช่ซี้~

นึกไม่ออกแล้ว
บันทึกการเข้า

ห๊ะ! อะไรนะ!!!

-- พูดถึงฝนตก ข้างบ้าน (อีกแล้ว ไม่มีจากบ้านตูเลย) เค้าไปหากบกัน ตูก็ไปด้วย แต่เสือกกลัวกบ ถือไฟฉายให้เพื่อน แต่กบเสือกโดดหาตู  ใช่ซี้~

นึกไม่ออกแล้ว

ชอบข้อนี้ของพี่ตาลอ่ะ   กร๊ากกกกก!!!
บันทึกการเข้า
ทำไมนึกเรื่องตอนเด็กไม่ออก  ฮือๆ~

กลับไปดูรอยจิตรกรรมาผนังที่บ้านสิเผื่อจะนึกออก
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
กลับไปดูรอยจิตรกรรมาผนังที่บ้านสิเผื่อจะนึกออก

อ้าว มาจำของตูได้อีก
บันทึกการเข้า



-- สมัยเรียนต้องใส่ "ปาแต็ง" แล้วต้องเดินลากดัง "แช๊ะๆๆ" ในโรงเรียนด้วยนะ แล้วปาแต็งต้องหัวโตๆ คิกขุๆ
 

ที่โรงเรียนเค้าให้ใช้ผ้าสีฟ้าๆ  แล้วเอาไปเย็บเป็นปาแต็งเอง
แต่นานมากๆๆๆๆๆๆ ประมาณ ป1-2
เลิกใช้ไปนานล้ะ  (อิอิ)

อะไร๊  โวย โวย
ชั้นเพิ่งจบมาสองปีกว่าๆเองนะ  ฮือๆ~


ที่ห้องตอนนั้น กระเป๋าทุกคนก็ไม่ได้บานมากนะ เข้าข่ายแบนน่ะ แต่อาจจะไม่ได้หนีบ
ที่รร.เดี๋ยวนี้เค้าใช้้บานๆกันหรอ หรือเป็นเฉพาะม.ปลาย  งง


 แบร๋~ ว้ายๆ หนิงห์อดใส่ชุดม.ปลาย  ฮี่ๆ




เดี๋ยวนี้กระเป๋าบานกันถ้วนหน้า
กลับไปดูได้
ถ้าเดินตามสยามก็สังเกตง่ายๆ
ใครกระเป๋าบานก็เซนต์โยแหละ  กร๊าก
บันทึกการเข้า

<3.
ที่โรงเรียนเค้าให้ใช้ผ้าสีฟ้าๆ  แล้วเอาไปเย็บเป็นปาแต็งเอง
แต่นานมากๆๆๆๆๆๆ ประมาณ ป1-2
เลิกใช้ไปนานล้ะ  (อิอิ)
หมีโหด~ อาจารย์ชอบให้เอาแว็กมาขัดพื้นด้วยปาแต็งนี่ละ

แล้วพวกเด็ก ก็ชอบเอาแว็กมาขัดพื้นหน้าห้อง จนมันกว่าพื้นในห้องอีก
จากนั้นก็นั่งรอ เหยื่อ ที่จะวิ่งมาล้ม  กร๊ากกกก

บันทึกการเข้า

there are no regrets in life, just lessons . .
หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7] 8 9
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!