หน้า: 1 ... 19 20 21 22 23 24 25 [26] 27 28 29
 
ผู้เขียน หัวข้อ: Excel  (อ่าน 245286 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
ขอบคุณทุกท่านครับ  ไหว้

ลองใช้สูตร COUNTIFS    (มีเติม S มีอ้างอิงหลายเงือนไข)

=COUNTIFS([all.xlsx]Sheet1!$B$4:$B$11,"01",[all.xlsx]Sheet1!$A$4:$A$11,"A")

**อธิบาย  เงือนไข 1 คือ เซลล์ที่ B4-B11  ให้หาตัวเลข 01
               เงิอนไข 2 คือ เซลล์ที่ A4-A11 ให้หาเงือนไข A
    มันก็จะนับเฉพาะอันที่ผ่านเงือนไขทั้ง 2 ส่วนครับ
 

ถ้าเกิด ไฟล์รายการรวม ชื่อ all.xlsx

เราก็พิมพ์สูตรในไฟล์แยกรายบุคคล ที่อ้างอิงตำแหน่งและเงือนไขที่เราให้นับครับ

ปล. สงสัยว่า การอ้างอิงเซลล์ ทำไมต้องมี $ ครับ ต่างจากไม่มียังไงครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 มี.ค. 2015, 11:50 น. โดย iwetone » บันทึกการเข้า

เปิดคลิินิกทำฟัน ที่จังหวัดเชียงใหม่นะครับ
---->  http://www.dentalita.com/  <----
เวลาก๊อบสูตรไปวางช่องอื่น มันจะเลื่อน cell ตามอะค่ะ
ถ้าใส่ $ มันจะไม่เลื่อนตำแหน่งนั้นๆ แล้ว เหมือนล็อคไว้เฉพาะตำแหน่งเลย
บันทึกการเข้า

เวลาก๊อบสูตรไปวางช่องอื่น มันจะเลื่อน cell ตามอะค่ะ
ถ้าใส่ $ มันจะไม่เลื่อนตำแหน่งนั้นๆ แล้ว เหมือนล็อคไว้เฉพาะตำแหน่งเลย

ขอบคุณครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า

เปิดคลิินิกทำฟัน ที่จังหวัดเชียงใหม่นะครับ
---->  http://www.dentalita.com/  <----
 ง่ะ เอ่อ... ใช่ครับ Vlookup มันไม่นับ มันแค่ดึงค่าแล้วต้องสั่งเอามาคำนวณอีกอยู่ดี
บันทึกการเข้า

สู่ความโดดเดี่ยว อันไกลโพ้น
เค้าไม่เคยใช้ COUNTIFS สูตรใหม่ไป  เศร้า

วิธีพี่แอ้เจ๋งดีนะ เดี๋ยวผมไปลองเล่นมั่ง  กึ๋ยๆ
บันทึกการเข้า

Reading Learning & Sharing
อะไร จานหนุ่มเป็นจานพี่นะ  กร๊าก
บันทึกการเข้า

ลองเล่นมาแล้ว ฮิ้ววว

สำหรับผมนะ ผมจะแยก sheet database ไว้สำหรับใส่ข้อมูลตั้งต้น จะมีชื่อและกิจกรรม สามารถเพิ่มต่อตูดได้เรื่อยๆ



อีก sheet นึงก็จะเป็น record สำหรับบันทึกข้อมูล โดยจะทำเป็น list ดึงมาจาก database
ตอนใช้ก็จะแค่เลือก list เอาว่าใครทำอะไร ผมชอบทำวิธีนี้เพราะมันจะกันเรื่องการพิมพ์ข้อมูลผิด แล้วสูตรมันจะรวน

ข้างๆ record ก็แอบเอาสูตรพี่แอ้มาใช้



เปิด sheet ใหม่ก็เป็นแสดงผลรวม ผมใช้หลักเมตริกมาแจกชื่อและกิจกรรม แล้วเอา COUNTIF มานับ




แต่หมอบอลจะเอาแบบแยกคนแยกไฟล์ ก็ทำได้ครับ แต่ระวังตอนเปิดไฟล์แล้วมันถามให้อัพเดตค่า
ถ้ามันไม่เจอไฟล์หรือกดไม่อัพเดตก็จะเป็นค่าเก่าตลอด ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า

Reading Learning & Sharing
กระชับดีมากอะ
สมแล้วที่เป็นอาจารย์ของเรา  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

ขอบคุณครับ   ไหว้


หลักๆ ในการใช้งาน คือดึงฐานข้อมูลเวชระเบียนคนไข้ และงานที่หมอตรวจมานับครับ  (ตอนนี้นับมือ เลยว่าจะดึงฐานข้อมูลเอาเลย ขี้เกียจนับเองแล้ว)

โดย Database คือดึงรายงานการรักษาคนไข้ใน 1 เดือน (เช่น อุดฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน)

แล้วมานับจำนวนแยก ว่าหมอ A  ทำอุดฟันไปกี่ครั้ง ขูดหินปูนกี่ครับ ถอนฟันกี่ครั้ง  ครับ


ตัว database ก็ต้อง export มาใหม่ทุกเดือน แต่ลักษณะฐานข้อมูลจะเป็นเหมือนกันตลอด คือ ตำแหน่งตาราง column ต่างๆ

เลยกะว่า จะทำไฟล์ไว้  พอขึ้นเดือนใหม่ ก็ export ฐานข้อมูลใหม่ออกแล้ว แล้วเปลี่ยนชื่อไฟล์ ให้ตรงกับในสูตร แล้ว update ให้นับใหม่ทุกเดือนครับ  

ปล. สามารถทำไฟล์เดียวกันได้ครับ  เดี๋ยวค่อยดึงเลขไปไฟล์ที่แยกรายบุคคลอีกทีก็ได้

ปล2. ระหว่างใช้ countifs ไปเลย  กับใช้วิธีของจารย์หนุ่ม อันไหนน่าจะใช้งานง่าย ผิดพลาดน้อยกว่ากันครับ

บันทึกการเข้า

เปิดคลิินิกทำฟัน ที่จังหวัดเชียงใหม่นะครับ
---->  http://www.dentalita.com/  <----
ใช้วิธีตามที่หมอบอลถนัดเลยครับ เพราะต่อไปเวลาจะแก้ไขหรือทำอะไรเพิ่มก็ทำได้เลย หมอจะได้ไม่งง
ผมดูแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไรนะ เจ๋ง

การพิมพ์ชื่อหมอกับรายงานการรักษา --> ระวังเรื่องการพิมพ์ผิด --> ใช้ list แก้
การลิงค์ข้อมูลข้ามไฟล์ --> ระวังเรื่องการอัพเดตข้อมูลตอนเปิดไฟล์

ส่วนสูตร COUNTIF กับ COUNTIFS ไม่ต่างกันครับ ถ้าตอนใส่ให้ถูกตั้งแต่แรกและไม่มีใครไปเปลี่ยน
มันก็คำนวนของมันออโต้ไปครับ เกย์ออก
บันทึกการเข้า

Reading Learning & Sharing
ตอนนี้ฐานข้อมูลร้านนลินฟ้าทำงี้เลยครับ ชีวิตดีมาก กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
 เกย์ออก เกย์ออก เกย์ออก
บันทึกการเข้า

Reading Learning & Sharing
ผมนี่อึ้งไปเลย  โห
บันทึกการเข้า

สอบถามเพิ่มเติมครับ

ใช้คำสั่ง countif แล้ว  ปรากฏว่า มันนับ  "11"  กับ "011"  รวมกันครับ   ไม่แยกรหัส 

ไม่ทราบว่ามีวิธีการให้ excel นับแยกกันไหมครับ  งง
บันทึกการเข้า

เปิดคลิินิกทำฟัน ที่จังหวัดเชียงใหม่นะครับ
---->  http://www.dentalita.com/  <----
ปกติในสูตร excel จะมอง 01, 001, 0001 มีค่าเท่ากับ 1 เท่ากัน

วิธีแก้แบบบ้านๆ คือทำให้เลข 0 มีความหมาย
โดยการหาตัวอักษรอะไรก็ได้ไปยัดไว้ข้างหน้า เช่น A01, A001, A0001 หรือ ก01, ก001, ก0001
แค่นี้ค่าก็ต่างกันแล้วครับ เพราะมันจะมองว่าเป็น text แทน วิธีนี้ง่ายดี

-----

วิธีแก้แบบเนิร์ดๆ คือใช้ wildcard characters มีอยู่ 3 ตัว *, ?, ~

* = ตัวอะไรก็ได้ เช่น
*1 = อะไรก็ได้ที่มี 1 ต่อตูด เอาหมด
1* = อะไรก็ได้ที่มี 1 อยู่หน้าสุด เอาดะ
*1* = อะไรก็ได้ ขอให้มี 1 เป็นพอ เอาแหลก

? = ตัวอะไรก็ได้ แต่แค่ตัวอักษรเดียว เช่น
?1 = อะไรก็ได้ที่มี 2 ตัว และตัวหลังต้องเป็น 1
1? = อะไรก็ได้ที่มี 2 ตัว และตัวหน้าต้องเป็น 1
?1? = อะไรก็ได้ที่มี 3 ตัว และมี 1 อยู่ตรงกลาง

?????1??? = อะไรก็ได้ 9 ตัวอักษร มี 1 อยู่ตัวที่ 6



แล้วถ้าเราต้องการหาคำว่า f*ck, เย็*เข้, what?, ทำไม? (ดันมีอี wildcard ในคำพอดี)
เราก็จะใช้ ~ หน้าตัว wildcard เช่น
หา f*ck ใช้ f~*ck, หา เย็*เข้ ใช้ เย็~*เข้, what? ใช้ what~?, ทำไม? ใช้ ทำไม~?

... เอย
 อืมมมมห์
บันทึกการเข้า

Reading Learning & Sharing
หน้า: 1 ... 19 20 21 22 23 24 25 [26] 27 28 29
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!