แหม่ กันยาสูญสิ้นกันหมด

ขอย้อนกลับไปนิดนึง ว่าจะเขียนนานแล้วแต่ยุ่งๆอยู่ เลยลืมไปเลย
สมัยเริ่มต้น ร๊อคพีเรียด ของผม มีเมทัลลิกา เป็นหนึ่งหัวหอกในยุคนั้น ร่วมกับวงอีกหลายๆวง
ผมเริ่มฟังจาก มาสเตอร์ ออฟ พัพเพ็ท จนมาแบล๊คอัลบัม ซึ่งแค่นี้ ทำให้ผมตกเป็นสาวกทันที
เริ่มแรก ผมได้เทปมาฟังจาก เพื่อนที่มีพี่ชายเป็นนักดนตรี จนต้องไปไล่ซื้อเทปด้วยตัวเอง มาสะสมไว้
แบตเตอรี่ สะกดจิตผมให้รักวงนี้เต็มตัวไปเรียบร้อยตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว และผมก็ไม่เคยผิดหวังเลย
จนมาช่วงหนึ่ง สมัยอัลบัม โหลด และ รีโหลด ที่โดนโจมตีว่าห่วย ผมก็ยังคงอุดหนุน แล้วชอบไม่เปลี่ยนแปลง
อัลบั้ม S&M ผมซื้อซีดีแผ่นคู่จากเมืองนอก เพราะสมัยนั้น ยังทำ พาร์ทไทม์อยู่ เทโร เลยซื้อได้ถูกหน่อย ปัจจุบันก็เก็บไว้อย่างดี
อัลบั้มใหม่ ทำให้ผมนึกย้อนกลับไปสมัยได้ฟัง มาสเตอร์ออฟ พัพเพ็ท ในครั้งแรก
เมทัลลิกาแบบดั้งเดิม กลับมาแล้ว....
การชอบเพลงร๊อคของผม ก็คงเหมือนกับเหตุผลของเก้อหรือของคนอื่นๆ
ตอนนั้น ผมอยาก ขบถ ขบถต่อทุกอย่างรอบๆตัว อยากก้าวร้าว
อยากดุดัน อยากเท่ อยากแข็งแกร่ง และร๊อคก็เสมือนว่า จะตอบโจทย์นั้นให้ผมได้...
สมัยนั้น ผมแสวงหา หนทางแห่งร๊อคในทุกๆแบบ ชนิดที่ขึ้นสุดลงสุด
ผมชอบบลูร๊อค เซาธ์เทิร์น กีต้าร์ฮีโร่ นีโอคลาสิก กรันจ์ สแกนดิเนเวียน โกธิค ดาร์ค แทรช ดีพ เดธ ซาตานนิค
ไปจนถึง บริทร๊อค ป๊อปร๊อค ฮาร์ดคอร์ อิเลคโทรนิก หรือแม้แต่ ร๊อค n โรล ผมก็เอาหมด
ป้่าแฝดเจยู ณ พันทิพสมัยนั้นจะคุ้นเคยกันเป็นพิเศษ เพราะผมชอบไปฟังป้าแกสาธยายถึงความเจ๋งของวงใหม่ๆอยู๋เสมอ
และสุดท้าย ก็ซื้อติดมือมาไม่ได้ขาด ร๊อคอยู่ในสายเลือดไปแล้ว..
เหมือนที่เก้อว่า ตอนนั้นฟัง ก็อาจไม่ได้รู้ว่า สุนทรีย์ของมันอยู๋ที่ไหน
อันไหนดิบ อันไหนดุดัน อันไหนริฟเจ๋ง นั้นก็สุดๆแล้ว และนั่นก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ
สำหรับวัยรุ่นพลังเหลือเฟือ ที่แค่ต้องการเผาผลาญมันออกไป ให้สะใจสุดหูรูด
และแล้วเวลาก็ผ่านไป...
ผมว่า ประสบการณ์ ทำให้คนเราฟังเพลงละเอียดขึ้น
ร๊อคเลยกลายเป็นสิ่งรุงรังสำหรับหลายๆคน จนถึงขั้นเลิกคบกันไป
เพื่อนผมหลายคน ที่เคยร๊อคด้วยกัน เดี๋ยวนี้ก็ฟังเพลงสบายๆ บอกชีวิตก็หนักเกินไปแล้ว หนวกหู
ผมเองถึงแม้จะฟังเพลงหมดทุกแนว ตั้งแต่ลูกทุ่งยันคลาสสิค
แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมก็ยังคงโหยหาเพลงร๊อคอยู่เสมอๆ
ทุกวันนี้ ก็ยังฟังคอร์น แพนเทอรา แมทัลลิกาอยู่ สลิปน๊อท อยู่ไม่ได้ขาด
และก็คงฟังมันต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันที่ผมฟังอะไรไม่ได้ยินแล้วนั่นแหละ
ยืมคำเก้อหน่อยว่า I Rock Therefore I am,
ต่อด้วยอีกคำหนึ่ง ซึ่งผมชอบมากตอนอ่านเจอในเรื่องสั้น "ร๊อคโทเปีย"
Are you happy with your Rock&Roll now? ซึ่งผมคงตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า Yes I am
อ่านแล้วซึ้ง อินสุดๆไปเลยครับ

จริงๆการเริ่มต้นฟังพวกนี้ของผม อาจจะต่างไปสักหน่อย
แม่ผมมีน้องชายคนหนึ่ง ชื่อว่า อารี แท่นคำ หรือพายุหินกูรู
ซึ่งเป็น บรรณาธิการของนิตยสารไควเอ็ตสตร็อม นิตยสารดนตรีสากล
เล่มแรกของประเทศไทย และแน่นอนมันเป็นนิตยสารเฮฟวี่ร็อคเต็มขั้น
มันแนวสุดๆเหมือนกับที่ GT และดีเจซี้ดเคยเป็นในยุคกรันจ์-บริตพ็อพ-อิเล็คโทรนิก้า
ส่วนทุกวันนี้เปรียบไม่ถูก เพราะคำว่าแนวดนตรีเจ๋งๆทุกวันนี้มันไม่มีเจ้าภาพแล้ว
อาจจะเป็นกลุ่ม DUDE/SWEET มั้ง ที่พอจะเป็นไอคอนได้
ก็นั่นแหละครับ เรื่องมันก็ง่ายๆแค่นั้น ผมโชคดีที่ได้มีโอกาสอ่านอะไรพวกนั้นตั้งแต่เด็ก
น้าผมแกเป็นผลผลิตของยุคสงครามเวียดนาม ใน จ.อุบลตอนนั้น
มีกองทัพอเมริกันมาตั้ง แกก็ไปวนเวียนอยู่กับทหารจีไอ และนั่นทำให้แกรู้จักจิมิ เฮ็นดริกส์
และเหล่าร็อคยุค 60-70 ทั้งหลายแหล่ จนกระทั่งมีเรื่องกับอาจารย์ในโรงเรียน
เลยหนีมาเสี่ยงโชคในกรุง เป็นกรรมกร ขายของ เล่นดนตรีร้านเหล้า ดูดปุ๊น ลองยา
พูดง่ายๆว่าเป็นบุปผาชน บรรยากาศประมาณพันธ์หมาบ้านั่นเลย
จนตังค์หมด เลยมาอยู่กับแม่ผม ซึ่งตอนนั้นอยู่ที่ทับแก้ว เรียนอักษร (ปี 2516 ราวๆนี้)
พอมาอาศัยอยู่กับแม่ผม ด้วยความที่ว่างงาน กลางวันไม่มีอะไรทำ
เลยไปเห็นกองหนังสือของแม่ เลยหยิบขึ้นมาอ่านเล่น แล้วตัวหนังสือพวกนั้นก็ทำให้
แกก็ตาสว่างและคิดว่า กูจะเป็นนักเขียน! กองหนังสือพวกนั้นคือ
หนังสือของ 'รงค์ วงสวรรค์ เนื่องจากแม่ผมเป็นแฟนคลับยุคแรกๆของอาว์รงค์
ไม่นานต่อมา แกก็ถูกเรียกว่าศิษย์คนสุดท้ายของอาว์รงค์
ช่วงงานศพที่ผ่านมา ในข้อเขียนของหลายๆคนในหนังสือต่างๆก็มีกล่าวถึงบ้าง
(ที่จำได้ ขุนทอง อัสนี เขียนถึงในเนชั่นสุดสัปดาห์) และแกก็ไปดูแล
ตั้งแต่ได้ข่าวว่าอาว์รงค์ป่วย หนีงานไปกันเลย ส่วนผมได้ไปแค่งานศพ
เมื่อก่อนญาติพี่น้อง ตายาย ไม่เคยรู้ว่าน้าแกทำอะไร
รู้แต่ว่าทำอะไรเกี่ยวกับบันเทิงๆเพลงๆนี่ล่ะ มีผมคนเดียวที่รู้
และผมเริ่มต้นจากการอ่านสิ่งที่น้าผมเขียน ซึ่งในตอนนั้นที่ผมอายุ 13
น้าแกเขียนที่ บันเทิงคดี สีสัน บรรณาธิการเซ็คชั่นเสาร์สวัสดี
และแน่นอน Generation Terrorists ด้วยสำนวนที่ออกคำว่าเหี้ย ส้นตีน
ได้อย่างสนุกปาก โดยที่ในตอนนั้นยังไม่มีใครเขียนคำพวกนี้ลงไปบนหนังสือ
จะว่าไป ผมไม่ได้ชอบสำนวนแกนักหรอก ผมว่ามันแรงโดยไม่จำเป็น
มันเหมือนดนตรีในยุคของแกนั่นแหละ ที่เน้นความสะใจ
จริงๆโดยปัจจัยสภาพสังคม(แบบพันธ์หมาบ้า)มันเอื้อให้ดนตรี
และงานเขียนยุคนั้นมันออกมาแบบนั้นแหละนะ
บังเอิญปัจจัยในยุคที่เราๆฟัง มันไม่เอื้อให้อะไรแบบนั้นงอกงามเอาซะเลย
เลยกลายเป็นเด็กแนวดัดจริตอย่างทุกวันนี้ไง