ผมร็อครุ่นใหม่เหมือนกันย์นะ

เพื่อยืนยันความวัยรุ่น แปลรับโอกาสพิเศษวันนี้
วงเอลบาว - Elbow
กรุณาอย่าเรียกชื่อไทย มันอุบาทว์

ฉลองที่พวกเขา ได้รับรางวัลบริตอวอร์ดเมื่อวาน
หลังจากผมเป็นพ่อยกเชียร์มานานนม ในที่สุดพวกเขาก็ถึงฝั่ง
และนี่คือเพลงดังสุดของพวกเขา และอาจนับได้ว่า
เป็นเพลงที่ผู้คนในเทศกาลแกลสตั้นบิวรี่ปีที่ผ่านมา
เฝ้ารอมากที่สุด เพื่อที่จะตะโกนท่อนนั้นซ้ำไปซ้ำมาพร้อม
กับเสียงสากๆของคุณกาย ผมว่ามันเป็นเพลงรักที่บริสุทธิ์
สวยงามผุดผ่องที่สุดเพลงหนึ่ง นับตั้งแต่หูได้ยินเสียงมา
(เว่อมาก แต่รู้สึกงั้นจริง) คิดว่าตัวเองเคยน้ำตาไหลด้วยความสุข
เมื่อได้ฟังเพลงนี้ด้วย มันฟังแล้วเต็มไปด้วยความสุขจริงๆ
http://www.youtube.com/watch?v=ILxlVqf2fYUDrinking in the morning sun
Blinking in the morning sun
Shaking off the heavy one
Heavy like a loaded gun
กลืนกินเอาแสงอาทิตย์ระเรื่อ
กระพริบตาให้กับแสงแดดที่เริ่มสาดส่อง
สลัดความง่วงงุนทิ้งไป
ขับไล่ความซึมเซาในดวงตาWhat made me behave that way?
Using words I never say
I can only think it must be love
Oh, anyway, it's looking like a beautiful day
สิ่งไหนที่ทำให้เรารู้สึกเช่นนี้กัน?
ถ้อยคำที่ไม่เคยวาดหวัง ก็ถูกเอ่ยออกมา
หรือนั่นจะเป็นที่เค้าเรียกกันว่า รัก
โอ้ จะเป็นอะไรก็ตามเถอะ, วันนี้มันช่างเป็นวันที่งดงามSomeone tell me how I feel
It's silly wrong but vivid right
Oh, kiss me like the final meal
Yeah, kiss me like we die tonight
ใครสักคน บอกฉันได้ไหมว่าคาวมรู้สึกนี้คือสิ่งใด
ช่วยบอกมาเถอะ ไม่ว่าจะมันจะใช่หรือไม่ใช่
โอ้ จูบฉันดั่งว่านี่คืออาหารมื้อสุดท้าย
จูบฉันดั่งว่าเรากำลังจะตายค่ำคืนนี้...
Cause holy cow, I love your eyes
And only now I see the light
Yeah, lying with me half-awake
Oh, anyway, it's looking like a beautiful day
เจ้าวัวอันศักดิ์สิทธิ์ ฉันลุ่มหลงแววตาดำขลับของเธอ
พริบตาเดียว แสงระยิบ ส่องสว่างอยู่ในแววตานั้น
หลับอยู่ข้างกายฉันอีกสักหน่อย
โอ้ อะไรก็ตามเถอะ, วันนี้มันช่างเป็นวันที่งดงามWhen my face is chamois-creased
If you think I'll wink, I did
Laugh politely at repeats
Yeah, kiss me when my lips are thin
ใบหน้าของฉันดูไม่จืดเลยสินะ ในยามเช้า
เธอเห็นฉันแอบกระพิบตาเหรอ ก็จริงนั่นแหละ
เธอหัวเราะฉันไม่มีหยุด
จูบฉันสิ ริมฝีปากฉันบางเฉียบอย่างนี้Cause holy cow, I love your eyes
And only now I see you like
Yeah, lying with me half-awake
Stumbling over what to say
Well, anyway, it's looking like a beautiful day
เจ้าวัวอันศักดิ์สิทธิ์ ฉันลุ่มหลงแววตาดำขลับของเธอ
พริบตาเดียว แสงระยิบ ส่องสว่างอยู่ในแววตานั้น
หลับอยู่ข้างกายฉันอีกสักหน่อย
โอ้ อะไรก็ตามเถอะ, วันนี้มันช่างเป็นวันที่งดงามSo throw those curtains wide!
One day like this a year'd see me right!
โยนผ้าม่านพวกนั้นทิ้งไป ให้แสงสว่างจ้าเถอะ!
วันดีๆอย่างนี้ ยาวนานกว่าจะได้เจอ และฉันนี่ไงที่อยู่ข้างๆ!เป็นเพลงที่ใช้คำได้งดงามเหมือนบทกวี
พวกเขาบรรยายถึงยามเช้าเวลาที่เราตื่นขึ้นมาข้างใครสักคน
ที่แสงแดดที่สดใสสาดส่องเข้ามา และอยู่ดีๆ เราก็พึ่งรู้สึกว่าทำไมเราถึงได้รักคนๆนี้อย่างนี้
ทำไมถึงได้มีความสุขแบบนี้ที่ได้อยู่ข้างๆกัน รู้สึกรักเอ่อล้นจนอยาก
โอบกอดโลกเอาไว้ทั้งใบ ทุกอย่างแจ่มชัด และอยากจะกระชากผ้าม่านทิ้ง
คำที่ผมชอบเป็นพิเศษก็อย่างเช่น
It's silly wrong but vivid right เป็นไปไม่ได้ที่จะแปล
เลยแปลไปตามเรื่องราว ไม่ได้แปลตามคำ คำนี้เอาจริงๆก็คงหมายถึง
อารมณ์รักที่เรามี มันไม่ใช่สมการคณิตศาสตร์ถูกผิดแน่นอน
ในใจเราเอ่อล้น แต่เราไม่รู้หรอกว่า แท้จริงมันคืออะไร
คิดว่ามันเป็นรักอันตลอดกาลเหรอ ก็ไม่แน่ คิดแต่แบบนี้ก็ดูโง่เง่านิดหน่อย-silly wrong
แต่ในชั่วขณะนั้นมันก็เป็นจริงอย่างแจ่มจ้าในใจเรานี่นา-vivid right
If you think I'll wink, I did
Laugh politely at repeats
Yeah, kiss me when my lips are thin
อันนี้ชอบทั้งท่อน เหมือนมันบรรยายชั่วขณะ ในขณะที่คนสองคน
อยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นจริง เราหัวเราะให้กับเรื่องไร้สาระเล็กๆน้อยๆ
เราเก็บรายละเอียดในชีวิตของกันและกัน แค่เธอขยิบตานิดเดียว
ฉันก็สังเกตเห็นแล้ว และที่มันกวีที่สุดก็ที่ว่า kiss me when my lips are thin
จุมพิตฉัน เมื่อริมฝีปากที่บางเฉียบ
ทั้งท่อนนี้ มันเพราะจนผมต้องอ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ
แกเขียนเพลงได้เหมือนเชิญร่างเชคสเปียร์มาทรงเลย
ทั้งหมดนี้บวกกับเมโลดี้ที่ชวนขนลุกแล้ว เป็นเพลงที่มีผลต่อร่างกายผมมากเลย
และมันก็มีผลต่อคนฟังทั่วไปอย่างสูง
ให้รู้สึกปิติ ยินดี ยิ่งมีคนอยู่ร่วมกันเยอะๆนะ
เพลงนี้ถูกใช้เปิดในสเตเดี้ยมฟุตบอลบ่อยครั้ง
บางครั้งเปิดในเวลาฉลองชัยชนะ(One day like this a year - ปีนึงมีครั้ง)
แน่นอน มันมักจะดังในแมนเชสเตอร์บ้านเกิดพวกเขา
(แต่เขาก็หาได้เป็นแฟนบอลไม่ บอกว่าพวกเขาเป็นคนอังกฤษที่แย่
เพราะไม่ค่อยดูบอลเอาซะเลย)
ผมชอบพวกเขา และบทเพลงของพวกเขา
เพราะท่าทีแบบกวีที่อยู่ในน้ำเสียงร้อง เสียงดนตรีและเนื้อเพลง
อัลบั้มล่าสุด พวกเขาทิ้งที่ว่างให้ความเงียบกับเสียงได้อย่างเหมาะเจาะ
จนบางครั้ง บางเพลงเราไม่ทันรู้ตัวว่าเพลงมันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่
นี่ยังไม่นับความสามารถในการคิดเมโลดี้ที่เกาะหนึบกับหูคนฟังอีกนะ
พวกเขาเคยอยู่ในฐานะวงที่ยิ่งใหญ่ในแมนเชสเตอร์
(และเคยเป็นวงโคลด์เพลย์เวอร์ชั่นสากเหมือนเอากระดาษทรายมาขัดคริส มาร์ติน)
พวกเขาได้รับรางวัลบริตอวอร์ดสเมื่อคืนนี้
ในฐานะวงดนตรียอดเยี่ยมแห่งเกาะอังกฤษ
และขึ้นแท่นเป็นวงดนตรีระดับโลกโดยพลัน
ทั้งหมด ทำให้พ่อยกยาวนานอย่างผม ยินดีและรู้สึกว่า
วันนี้ช่างเป็นวันที่งดงามจริงๆ