หน้า: 1 2 [3] 4 5
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ติดหมอค่ะ เรียนดีรึเปล่า?  (อ่าน 20960 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้


ยินดีด้วยค่า  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

Las Noches Rubicundior
มีแต่คนเก่งๆ แต่ก่อนอยากเรียน ทันตแพทย์
แต่ว่า หนูมันโง่ที่แพ้ ป. 4

ปล. ดีใจด้วยนะครับ ขอให้เป็นหมอดังใจหวังนะครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
จริงๆถ้าเบียร์เก่งชีวะแล้วเรียนทันตะ
โบว์ก็ไม่ต้องเสียค่ารักษารากฟันนะ


ปล.น้องแอนสู้ๆนะคะ ขอให้เข้มแข็งและมีความสุขกับการตัดสินใจในครั้งนี้ ลันล้า
บันทึกการเข้า

เป็นหมอ ไม่ใช่จะเป็นกันง่ายๆนะครับ
เรียนเลยๆ หนับหนุนๆ
บันทึกการเข้า

ในหมู่คนตาบอด คนตาบอดข้างเดียวได้เป็นราชา
กว่าจะจบออกมา ไชยาก็ไม่อยู่แล้วครับ เจ๋ง
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
 งง
บันทึกการเข้า

ในหมู่คนตาบอด คนตาบอดข้างเดียวได้เป็นราชา
พี่แอนคงหมายถึง นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข น่ะครับ  อืมมมมห์
บันทึกการเข้า
ที่จริงไชยา ก็ไม่ได้แย่ไปซะหมดหรอกครับ  อืมมมมห์ ...
คือว่าไม่ได้ดีเลิศเลอ
แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าสุดารัตน์  อืมมมมห์
บันทึกการเข้า

ฝันซ่อนสับสนวุ่นวาย หย่อนคล้อย
ผมว่าดีนะครับ   ออกแนวแอ็คชั่นดราม่า   เศร้าดีด้วย
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
อ่านที่แอนเอามาโพสแล้วโคตรน่าเศร้าเลย
.....เด็กที่เรียนเก่ง ได้คะแนนสูงสุดในประเทศ กลับไม่รู้ว่าตัวเองรักที่จะเป็นอะไร จะโตขึ้นไปทำงานอะไร

สังคมไทยปลูกฝังให้เด็กโดยมากคิดแบบนี้มาตลอด ....เรียนให้เก่ง เรียนให้ดี เรียนให้เป็นที่หนึ่งเอาไว้ก่อน แต่ไม่ค่อยจะปลูกฝังให้เด็กคิดหรือลองจะทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าชอบ คิดว่าใช่ เอาสิ่งที่ได้มาจากการเล่าเรียน หรือประยุกต์ประสบการณ์ไปใช้ในชีวิตแบบจริงจัง ....ถ้าตัวเด็กยังคิดไม่ได้ว่าความสามารถ ความถนัด และความรักที่แท้จริงของตัวเองมันคืออะไร เรียนให้คะแนนสูงเท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์

...... ตัดสินใจเรียนในคณะที่รับคนคะแนนสูงๆ เพราะคิดแค่ว่าคะแนนสูงต้องเรียนวิศวะหรือแพทย์ถึงจะสมศักดิ์ศรี ..... ซึ่งเกิดเรียนไปเรื่อยๆแล้วมันไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองเป็น สิ่งที่ตัวเองรัก มันน่าเสียดาย .... มีคนอยู่มากมายที่ไม่ได้ไปประกอบอาชีพเกี่ยวเนื่องในสิ่งที่ตัวเองจบออกมา เพราะไม่ได้มีความรักในสิ่งที่ตัวเองเลือกตั้งแต่แรก ..... แต่บางคนที่สมมุติว่าเขาอยากเป็นหมอ มีความรักอาชีพนี้ มีความตั้งใจ แต่ไม่มีโอกาสได้เรียน โคตรจะน่าเสียดายเลย .... ไม่อยากจะโทษความคิดของเด็กหรอกนะ แต่อยากจะโทษทัศนคติของสังคมที่สอนให้เด็กส่วนมากมีความคิดกันแบบผิดๆมากกว่า .... ใครมีลูกมีหลาน มีน้อง มีญาติ มีคนรู้จัก พยายามไปพูดไปคุยให้เหล่าอนาคตของประเทศคิดถึงสิ่งที่ตัวเองชอบ สิ่งที่ตัวเองรัก แต่เนิ่นๆก็จะดีมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13 เม.ย. 2008, 03:16 น. โดย 8e88 » บันทึกการเข้า
บางทีเด็กมันเก่งน่ะครับ ทำไอ้นั่นก็ดี ไอ้นี่ก็เริ่ด มันพูดแบบนั้นแต่ผมว่ามันไม่โง่หรอก 555
บันทึกการเข้า

ในหมู่คนตาบอด คนตาบอดข้างเดียวได้เป็นราชา
ยินดีกับน้องแอนด้วยนะคะ ^^''




ฟังที่คุณ 8e88 พูดมา สังคมมีส่วนจริง ๆ นะ โดยเฉพาะบุคคลรอบข้าง บุคคลภายในครอบครัว




บางทีการเลือกเส้นทางดำเนินชีวิต เช่น การเลือกเรียนอะไรสักอย่าง
พ่อแม่และปัจจัยที่ 5 (เงิน) มีผลมากเหมือนกันนะคะ
อย่างพวกเขาก็ให้เหตุผลต่าง ๆ ถ้าไม่ทำตามที่เขาคิด เราก็รู้สึกผิดโดยอัตโนมัติ
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้องก็เถอะ




อย่างที่กวางโดนมาก็คือ จะจับกวางเรียนบัญชี
ซึ่งอันที่จริงกวางอยากเรียนพยาบาลมากกว่า
แม่ก็ให้เหตุผลว่า กลัวลูกตัวเองเอนทรานซ์ไม่ติด และก็ไม่มีเงินส่งเรียนเยอะมากนัก
แต่สุดท้ายพอจับเบนเข็ม ไปเรียนทางนั้นปั๊บ
สิ่งที่ได้กลับมาคือเรารู้ล่ะว่าเราไม่ชอบ ไม่อยากทนเรียนแบบนั้นต่อ
พ่อกับแม่ไม่ได้มาเรียนกับเราเขาไม่เข้าใจหรอก แต่ที่เขาอยากให้เป็นแบบนั้น
อาจเป็นเพราะสังคมที่เขาพบเจอ เขาเคยเห็นคนจบแบบนี้มีการมีงานดี ๆ ทำ ก็อยากให้ลูกตนเองเป็นอย่างนั้นบ้าง
โดยไม่คิดหรอกว่าลูกตนเองเรียนไปแล้วมันจะรอดไหม หรือมันจะสนใจ ชอบ รักที่จะเป็นแบบนี้รึเปล่า




ช่วงเรียนนะ อยากให้ลองทำอะไรหลาย ๆ อย่าง เปิดมุมมองตัวเอง
อย่าคิดว่าชีวิตนี้มีแต่.. แพทย์ วิศวะ บัญชี คอม นักกฎหมาย
หรืออะไรที่คนเขาเป็นแล้วชาวบ้านเขานิยมชมชอบ
ถ้าเกิดค้นพบว่าตนเองชอบอะไร ก็ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นไปเลย
แบบนี้ใช้ชีวิตไปกี่ปี กี่สิบปี ก็มีความสุขค่ะ




พอคิดจะย้อนกลับไปเรียนสายสามัญใหม่ มันก็สายไปซะแล้วอ่ะค่ะ
เราก็เลยต้องหาสิ่งที่ชอบบนเส้นทางที่พ่อแม่ขีดไว้ให้เดิน แล้วตัดสินใจหักมุมชีวิตตัวเอง
(จะได้รู้สึกว่า เราได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองแล้ว)
ซึ่งมันก็ลำบากเหมือนกัน กว่าจะทำให้เขายอมรับ และลบล้างความคิดเก่า ๆ ที่เคยยึดมั่นถือมั่นได้





วันก่อนกวางนั่งคุยกับพ่อ พ่อก็ถามว่า ทำงานเป็นยังไงบ้าง ทำอะไรบ้าง
กวางบอกว่า ก็ดีนะ ทำหลายอย่างเลย สนุกดี
พ่อบอกต่อว่า ถ้าเกิดไปเรียนบัญชี (อะไรวะเอะอะก็บัญชี เรียนเองสิจะได้รู้ว่านรกมีจริง)
ก็เอางานกลับมาตรวจที่บ้านได้ แต่ทำของเอ็งมันลำบากนะ แถมเงินน้อยกว่าด้วย
(รู้ได้ไงว่าน้อยกว่า จริง ๆ รับ freelance เยอะ ๆ ก็ได้เป็นแสน)






คุยไปคุยมา คือต้องคอยใส่อาหารสมองให้คนรอบข้างในบ้านบ้าง
สิ่งที่เรารู้มาคืออะไร ต้องคอยบอก เพราะพ่อแม่เราเองเดี๋ยวนี้
ไม่ได้ออกนอกบ้านตลอดเวลาเหมือนเรา ช่องทางการรับข่าวสารก็น้อยกว่าเราอยู่แล้ว
อย่าให้เขาคิดว่าิ สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาเคยคิดเมื่อสมัยก่อนนั้นมันถูกต้องตลอดเวลา
สังคมมันเปลี่ยนไปตามกาล มันคงจะถูกต้องเสมอไปไม่ได้
พอรัฐบาลเปลี่ยนแปลง เราจะไปยึดถือปฏิบัติเหมือนเดิมมันก็ไ่ม่ค่อยจะได้
ข้าวที่เคยกินเหลือ เดี๋ยวนี้ต้องทานให้หมด เพราะของมันแพงขึ้นทุกอย่างแม้แต่ข้าวสาร
อย่างแต่ก่อนรับราชการดีนะ ตอนนี้ใครเป็นเจ้าของกิจการถือว่าดีกว่า 555++
แต่ก็ไม่เสมอไป อนาคตอาจจะคิดแบบอื่นก็ได้ใครจะไปรู้ ^^''
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13 เม.ย. 2008, 07:53 น. โดย สถิตย์ภรณ์ » บันทึกการเข้า
ตอนนี้งงอย่างเดียวครับ
ที่ถามว่าติดหมอ จะเรียนดีรึเปล่าน่ะครับ

ตอนนี้ (อ้างอิงตามวันตั้งกระทู้ 12 เมษายน) เกือบทุกที่เขาจะสอบภัมภาษณ์ไปหมดแล้ว (ไม่นับรอบ 2)
และเมื่อผ่านการสอบสัมภาษณ์ฺ (หรือเรียกว่าได้เข้าไปเรียนแน่ๆ) เขาจะตัดสิทธิ์จากแอดฯ กลางหมดเลย
(ใบสัญญาที่เราลงชื่อ เขาเก็บก่อนเข้าสัมภาษณ์ ยอมให้ตัดสิทธิ์เมื่อสัมภาษณ์ผ่าน)

อันนี้ที่มาบอกคือ ให้ระวังด้วยว่า ถ้าเขียนสัญญาไปแล้ว ติดแล้ว ไม่อยากเรียน จะสละสิทธิ์ระวังจะไม่มีที่เรียนเลยนะครับ
บันทึกการเข้า
++ น้องกวาง หมอแมวด้วย ลันล้า
บันทึกการเข้า

เห็นเรื่องนี้แล้วนึกถึงน้องคนนึงค่ะ
น้องมันเรียนเก่งมาก อยากเป็นหมอมากๆ มาตั้งแต่เด็ก มันก็เลยมุเรียนมาตลอด
แต่แม่มันไม่มีฐานะมากนัก แม่อยากให้ลูกเป็นทหารมากกว่า
ประกอบกับน้องของน้องคนนี้ไม่ค่อยมักเรียน ความกดดันเลยมาตกที่มันหมด

พอ ม.3 น้องมันก็ไปสอบเตรียมทหาร ปรากฏว่ามันติด
แม่ก็ให้ไปเรียนทันที บอกว่าเป็นทหารจะได้มีเงินเดือน มีหลักมั่นคง มันก็ยอมแม่
แต่พอไปเรียนมันก็รู้ว่าสิ่งนี้ มันไม่ชอบ มันอยากเป็นหมอมากกว่า

เตรียมทหาร เด็กขึ้นอยู่กับครูฝึก ขึ้นอยู่กับรุ่นพี่ สั่งให้เรียนต้องเรียน สั่งให้นอนต้องนอน
แต่มันต้องแอบไปอ่านหนังสือดึกๆ ทุกวัน ในส้วม พอรุ่นพี่มาเจอก็สั่งให้มันวิ่ง
บางทีคืนหนึ่งๆ ได้นอนแค่ 2 ชั่วโมง แต่มันก็ไม่สน
เกรดเทอมแรกมันได้สี่ เป็นที่สองของรุ่น รุ่นพี่บางคนเริ่มรู้เรื่องมันมากขึ้นก็คอยดูๆ ไม่สั่งลงโทษมากนัก

ตอนนี้มันต้องยืมตังค์เพื่อนไปเรียนพิเศษ พอเงินเดือนเทอมหน้าออก มันว่ามันจะทยอยใช้
มันมุ่งมั่นมากค่ะ เห็นแล้วรู้สึกว่าเรานี่เลวลงไปถนัดใจ มีโอกาสแต่ไม่ยอมขวนขวาย
ต่อไปมันต้องมีเรื่องไว้เล่าให้ลูกฟังเยอะแยะเลยเนอะ
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 2 [3] 4 5
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!