หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 ... 615
 
ผู้เขียน หัวข้อ: งาน เงิน ความหวัง อนาคต  (อ่าน 2069133 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
พอดีเข้าไปเก็บดาวในระบายอารมณ์มา ก็พบเจอข้อความทำนองนี้

ตกงานแล้วครับ ฮือๆ~

หมายความว่าไงครับ  เฮ้ย!?

ออฟฟิศหรือตู้เย็นวะเนี่ย หนาววุ้ย / หนุ่มศรราม  หมีโหด~

หมายความว่าลาออกจากที่เก่ามาทำที่ใหม่แล้วไม่ผ่านโปรครับ ฮือๆ~

แย่เลยนะครับ ผมก็กลัวอยู่...

แต่ตอนนี้ให้ผมได้งานใหม่ก่อนเหอะ ลาออกมาเดือนนึงยังไม่มีวี่แววงานใหม่เลย ฮือๆ~

ตกงานอย่าตกใจครับ(ประกันสังคมท่านว่าไว้)
ค่อยๆคิด แต่ช่วงนี้รัดเข็มขัดด่วนเลยดีกว่าครับ

ผมก็เป็นคนนึงที่มีประสบการณ์ตกงานเหมือนกัน
เมื่อหลายปีก่อนผมทำงานอยู่ออฟฟิศต่างจังหวัด
ทำๆอยู่พวกปิดบริษัทบอกว่า ไปทำอย่างอื่นรุ่งกว่า
ฮากระจายกันไปเลยทีเดียว ฮิ้ววว








โหวว อย่างนี้พี่เช่หางานฟรีแลนซ์ทำไปก่อนน่าจะดีกว่ารองานใหม่อย่างเดียวเลยครับ







อยากออกจากงานแต่กลัวหางานได้ที่ใหม่ไม่ดีเท่าที่เก่า


ทุกวันนี้นั่งที่โต๊ะแบบซังกะตาย ทำงานเก็บเงินเที่ยว หมีโหด~




ครับ ไม่ผ่านเพราะฝีมือนี้พอจะเข้าใจ แต่นี้ไม่ผ่านเพราะ......... ฮือๆ~
แย่แน่ๆเลยงานนี้ผม ผ่อนรถ ค่าแชร์ ค่าเช่าห้อง แต่คงต้องสู้กันต่อไป

ของตู งานหนังฉิบ-าย เงินก็น้อยมากๆ

มีมั้ยเนี้ยงานน้อยเงินเยอะอะ

ตูอยากจะออกจะแย่อยู่แล้ว ฮือๆ~

พรุงนี้ไปสัมภาษณ์งาน ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมหน่อยนะ

ขอให้ได้งานสบาย ๆ เงินเดือนเยอะ ๆ ครับ  ไหว้
:

อ้าวงานที่ทำอยุ่จะเลิกแล้วเหรอครับเนี่ย

พี่ออกจขากที่เก่าแล้วคร้าบ จักรี ฮือๆ~




ผมเองตอนนี้จะเรียกว่าตกงานอยู่ก็ว่าได้นะ
เพราะผมไม่ได้เป็นมนุษย์เงินเดือนมาแล้วกว่า 4 ปี
เคยผ่านชีวิตทำงานในบริษัทมาแค่ 2 แห่ง

แห่งแรกประมาณ 1 ปีครึ่ง แล้วก็ลาออกเพราะว่าโดนเกณฑ์ทหาร
แห่งแรกนี้สร้างความประทับใจกับผมมากๆ ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่ได้อยากลาออกจากที่นี่เลย

แห่งที่ 2 ประมาณ 4 เดือน แล้วก็ลาออกเพราะบริษัทมีปัญหาเรื่องสภาพการเงิน (ไม่จ่ายเงินเดือน)
แห่งนี้ผมคุยกับพนักงานแล้วรวมตัวกันลาออกยกบริษัทเลยครับ
โดนเบี้ยวเงินเดือนกันถ้วนหน้า เำพราะผู้บริหารไม่มีความรู้ ในสาขางานที่ทำ
คนที่เป็นงานเขาถอนหุ้นออกไปจากบริษัทแล้ว

แล้วผมก็ออกมาทำร้านเน็ต รายได้เรียกว่าเทียบไม่ได้กับสมัยทำงานรับเงินเดือนเลย
ผมมีรายได้จากการทำร้านเน็ตที่ประมาณ 3 พัน - 7 พันบาทต่อเดือน เฉลี่ยก็ประมาณ 5 พันบาท
(ร้านเน็ตมี 3 หุ้น ผมได้รายได้ 1 ใน 3 )
ไม่เคยได้สูงกว่า 7 พันเลย 
แต่ผมก็ทนอยู่กับร้านมาได้ถึง 3 ปีกว่า
อยู่แบบพอเพียง ใช้เท่าที่มี มีเท่าที่ใช่
มีทำโฮสอีกอย่างที่ผมใช้มาช่วยเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง ไหนๆ ก็อยู่กับอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว

การทำงานของผมอย่างนี้ รายได้้แม้ไม่มาก
แต่สิ่งที่ผมชอบมากอย่างหนึ่งคือ "อิสระ"

ผมไม่ต้องฝ่าการจราจรในตอนเช้าและเย็น
ผมอยากตื่นตอนไหน นอนตอนไหนก็ได้

ซึ่งมันก็ได้อย่างเสียอย่าง

แต่ล่าสุดหลังจากโดนกรณีตรวจจับลิขสิทธิ์เพลงที่ผมโดนไป
ผมก็ได้แต่คิดว่า อยากจะเลิกทำแล้วล่ะ รู้สึกว่าความเสี่ยงต่างๆ เริ่มเข้ามาหาแล้ว
โดนไกล่้เกลี่ยยอมความไปที่ 2หมี่น 5 พันบาท เงินก้อนผมไม่มีจ่าย
ต้องไปหาหยิบยืมเพื่อนมาจ่ายก่อน

ตอนนี้ก็เลยมองๆ หาทางออกอยู่ ว่าถ้าเลิกทำร้านเน็ตแล้วจะไปทำอะไรต่อ



เลยอยากรู้ว่า สำหรับคนที่ทำงานอยู่
ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้าง นายจ้าง
พอในกับงานที่ตัวเองทำอยู่ในปัจจุบันมั้ยครับ


หากจะต้องจะเปลี่ยนงาน
จะมีเงื่อนไขให้กับตัวเองยังไง
ในการที่จะตัดสินใจลาออกจากที่เก่าเพื่อเข้าหางานใหม่


จู๋นี้เอาเป็นว่าให้คนทำงานมาบ่น ระบายหรือมาแนะนำคนทำงานด้วยกันก็แล้วกันนะ
ยุคนี้สมัยนี้ จะหางานใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
นักศึกษาจบใหม่ก็เพิ่มเข้าสู่ตลาดแรงงานมาใหม่ทุกวัน

เอาใจช่วยคนที่กำลังหางานทุกคนครับ


มาแลกเปลี่ยนกันครับ
อย่าซีเรียส เฮ้ยจริงๆ นะ  หมีโหด~>
บันทึกการเข้า

Today you , Tomorrow me.
เจ๋ง ดีใจมากที่พี่ถามคำถามแบบนี้หลังจากทีได้คุยกันวันก่อน


เพิ่งคุยกะโบว์ว่าน่าห่วงอนาคตของพี่เหมือนกัน
ว่าถ้าแก่ตัวไปเนี่ย การไม่มีเงินเก็บจำนวนหนึ่งมันก็ทำให้ลำบากได้นะ

ไม่เกี่ยวกับเรื่องการคิดจะเติบใหญ่หรือฟุ้งเฟ้อนะ
การเก็บตังค์ไว้สำรองเป็นก้นถุงของตัวเองนี่ผมว่ามันสำคัญมากเลย
บางคนได้ง่ายใช้ง่าย ได้มาก ใช้มาก เงินหมด ก็อันตราย
บางคนได้น้อย ใช้น้อย แต่พอถึงเวลาที่ต้องใช้เงิน (แบบเดียวกะที่พี่โดน) ก็อันตราย


ของผมเลือกทำงานที่มีความเสี่ยงไม่มาก
อาจจะมากกว่าพนักงานบริษััท เพราะผมทำอาชีพรับจ้าง ถ้าไม่มีงานก็ไม่มีเงิน
แต่เรามีเวลาไปทำอย่างอื่นที่สามารถเรียกเงินได้ หรือต่อยอดในอนาคตเป็นรายได้ได้
แล้วก็พยายามเก็บเงินให้ได้ก้อนหนึ่งเผื่อกรณีดังกล่าว
จะว่าไปก็คือเผื่ออนาคตเหมือนกับคนทำงานคนอื่นๆ แหละ

ผมทำอาชีพรับจ้างออกแบบเว็บไซต์
รายได้ต่อเดือนของผมตอนนี้ไม่มากเลย ถ้าเทียบกับเพื่อนที่จบมาด้วยกัน
(ส่วนหนึ่งคงเพราะเริ่มช้ากว่าชาวบ้านเขาสองสามปี เพราะโดนทหาร)
แต่รายจ่ายดันน้อยมากๆ เมื่อเทียบกะเพื่อนคนอื่น

ดังนั้นทุกวันนี้พอใจในวิชาชีพของตัวเองมากๆ ครับ
ทุกวันนี้ถึงแม้จะห่วงเล่นเหมือนเดิม เหมือนสมัยเรียน
แต่เวลาว่างๆ ก็หาเวลาฝึกตัวเองอยู่เป็นครั้งคราว


และหากจะต้องเปลี่ยนงาน หรือวันนึงมีเหตุให้ u6isap.studio (ชื่ออ่านยากฉิบหาย) ต้องเจ๊งหรือปิดตัวลง
หรือวันหนึ่งผมตาบอด หรือแขนขาดขึ้นมา ไม่สามารถทำงานออกแบบเว็บได้เหมือนทุกวันนี้
อาชีพอื่นๆ ก็คงทยอยตามมาแล้วแต่เคสครับ แต่เชื่อว่าตัวเองต้องทำอะไรได้สักอย่างแหละน่า
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
แหม่ .. เหมือนจะรู้ใจตูจริงๆ  ฮือๆ~

จะว่าไปไอ้งานที่ทำอยู่ มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย

ตอนนี้มันเริ่มเหมือนจะไม่เป็นธรรมกับกระเหรี่ยงอย่างตูมากขึ้น

ด้วยการไม่มีการขึ้นเงินเดือนรายปีอีกต่อไป

ซึ่งการขึ้นเงินเดือนรายปีก็ไม่ได้เยอะแยะมากมายอะไรเลย แค่ปีละ 1000 บาทถ้วนสกุลไทย

แต่บอกว่าจะปรับค่าชั่วโมงบินขึ้นให้อีก 8% แทน ซึ่งเอาจริงๆแล้วฐานเงินเดือนตูตอนนี้

แค่ 119XX บาท (ที่ X ไว้ไม่ใช่อะไรหรอก ตูจำไม่ได้)

เวลาจะไปทำธุรกรรมอะไรก็ค่อนข้างลำบาก เพราะส่วนมากเค้าดูที่ฐานเงินเดือน

ไม่ใช่เงินเดือนสุทธิที่ขึ้นๆลงๆทุกเดือนอย่างตู

แถมสัญญาปีต่อปี จริงๆมันก็ดีสำหรับคนที่คิดจะไม่ทำนาน

แต่สำหรับคนที่คิดจะทำนานอย่างตู ต่อสัญญาทีไรให้ใจตุ๊มๆต่อมๆทุกที

ว่าจะได้ต่อสัญญารึปล่าวหนอ ผิดกับของเกาหลี ที่เมื่อผ่านช่วง Intern 1 ปี ก็เป็นสัญญาตลอดชีวิต

ทำได้ยันแก่ยันเฒ่า ได้ทำเฟิร์สคลาส ได้เป็น เพอร์เซอร์

แต่สำหรับกระเหรี่ยงอย่างเรา นี่ก็ดีขึ้นแล้วเมื่อก่อนนี้ทำแทบตายก็อยู่แค่ชั้นประหยัด

ตอนนี้ได้ขึ้นไปทำบิซิเนสบ้างแล้ว แต่เงินก็เพิ่มขึ้นไม่เท่าไหร่ จากชั่วโมงละ 175 บาท เป็น 210 บาท

แต่เหนื่อยมากขึ้นเยอะ

แถมตอนนี้ย้ายมาอยู่อีกโรงแรมใหม่ ซึ่งแย่กว่าที่เก่าเยอะมาก (โรงแรมที่เกาหลี)

ถึง Location มันจะดีก็เถอะ แต่ห้องก็เล็กกว่าเดิม ไม่ดีเท่าเดิม แถมอินเตอร์เน็ตความเลวสูงงงงงง

ช้าง่อย แถมหลุดบ่อยด้วย ทั้งๆที่ค่าห้องก็ไม่ต่างจากที่เดิมเลย

อยู่ๆอยากให้ย้ายก็ให้ย้ายไม่ปรึกษากันก่อนซักคำ เพราะโรงแรมใหม่ห้องก็น้อยกว่า

พอเข้าไปบอกปัญหา กลับมาพูดว่าทำไมไม่มาคุยกันก่อนที่จะเซ็นสัญญากับโรงแรม

เชี่ยน มาบอกกันตอนเซ็นไปแล้วจะให้พวกตูพูดอะไรกันได้วะ  3cษ

ยิ่งอยู่ยิ่งเกลียดเกาหลี อยากให้พวกตูทำงานให้ดีดี แต่ไม่เคยเลี้ยงพวกตูดีดี

ไม่ใช่แค่เฉพาะแอร์ฯนะ พวกกัปตันด้วย ก็เลี้ยงเค้าไม่ดี (กัปตันต่างชาติ)

ยิ่งเดือนนี้ (เมษา) ตูมีไฟลท์กรุงเทพ 4 รอบ จะเอาอะไรกินกันล่ะ?

เพราะว่าปกติเวลาไปอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่กรุงเทพเนี่ยจะได้เงินเบี้ยเลี้ยงรายชั่วโมง

แต่ถ้าเกิดว่ามากรุงเทพก็จะไม่ได้เงินเบี้ยเลี้ยงตรงนี้เพราะเค้าถือว่าเป็นบ้านเรา

แถมไม่ให้อยู่โรงแรมด้วย บางคนที่บ้านอยู่ไกลๆสนามบินก็ต้องไปๆมาๆหลายรอบ

ถ้าให้กลับกรุงเทพแล้วอยู่ 4 วันนี่ยังโอเค แต่นี่ให้มาอยู่แค่ 24 ชั่วโมงแล้วกลับ

โรงแรมก็ไม่ให้อยู่ เงินเบี้ยเลี้ยงก็ไม่ได้ สเกตทีมแม้งไม่รู้เอานิ้วโป้งคิด รึเอาเปรียบพวกตูกันแน่??? 3cษ

รูทปารีสที่เปิดใหม่ก็ไม่ให้พวกตูบิน เพราะบอกว่าปัญหาเรื่องวีซ่า

ตูเห็นเพื่อนที่อยู่โคเรียนแอร์มันก็บินกันได้ไม่มีปัญหา ไม่ต้องใช้วีซ่าด้วย

อยากออก แต่ก็จนใจ เพราะว่าเงินที่ได้ต่อเดือนมันก็ถือว่าเยอะอยู่

แถมทุกวันนี้ก็ยังไม่มีเงินเก็บเป็นก้อนด้วย ไหนต้องเลี้ยงแม่เลี้ยงน้อง บ้านก็กำลังจะซื้อ

ปีหน้าตูคงสมัครการบินไทย ถ้าเส้นให้ถ้ามีเวลาไปสมัคร จะได้อยู่บ้านด้วย

ไม่ต้องกังวลเรื่องต่อสัญญาอีกด้วย ได้โปรโมต เงินก็ขึ้นตลอด

จริงๆตูชอบการทำงานอยู่ที่นี่ มันได้เที่ยวเยอะกว่า แต่เพื่อนร่วมงานกับบรรยากาศการทำงานมันไม่เอื้อต่อการอยากอยู่ต่อเล๊ย

เฮ่อ ... หมดไส้หมดพุงจ่ะ
บันทึกการเข้า

ห๊ะ! อะไรนะ!!!
สวัสดีครับ


ผมจักรีนะครับ

ผม ทำงาน ที่เป็นพนักงานประจำจริงๆ บริษัทเดียวครับ แต่มาจากหลายตำแหน่ง
ผมค่อนข้างได้รับโอกาสที่ดีจากพี่ที่เป็นเจ้าของบริษัท  คืออยุ๋กันอย่างพี่ๆ น้องๆ ละม้ายคล้ายบริษัทพี่แอน

จนเหมือนกลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทที่ล้มลุกคลุกคลานมาด้วยกัน  
เมื่อก่อน....
เวลาสภาวะการเงินขาดสภาพคล่อง  สิ้นเดือนที่จะต้องเอาเงินเดือนมาจ่ายพนักงานให้ได้
ผมก็ต้องเสียสละเงินเดือนอันน้อยนิดของผมเพื่อช่วยพยุงบริษัทให้เดินหน้าต่อไปได้
แต่เดียวนี้ไม่ค่อยเจอปัญหานั้นแล้ว  เรียกได้ว่าเราโตมาได้ระดับหนึ่งแล้ว....

ผมถูกบรรจุ มาเกือบสองปี  แต่อยุ่ที่บริษัทนี้มาก่อน2ปีกว่าๆ  ทำทุกอย่าง  
เรียกได้ว่าไม่เคยจ้างแม่บ้านทำความสะอาดออฟฟิศเลยก็ว่าได้
เมื่อก่อนยังไม่มีญาติผู้ใหญ่เขามาอยุ่ก็หนักหน่อยไม่มีใครช่วย

สรุปอยู่ที่นี่มา 4 ปีกว่าๆ  ตอนจะขึ้นมหาลัย ปี 3 อยู่ในที่นี้ หมายถึง
ลาออกจากชีวิตเด็กหอ หอบลังแม่โขงที่ใส่เสื้อผ้าหนึ่งลัง เข้ามาอาศัยนอนในออฟฟิศ เลยนะครับ
เรียกว่า กินอยู่อย่างดีกลายเป็นคนในครอบครัวเขาไปซะแล้ว ลุกพี่เขาก็กลายเป็นหลานผม พ่อแม่
พี่เขาก็กลายเป็นพ่อแม่ผมไปซะแล้วด้วย  ใครถามผม ผมก็มักจะบอกว่า ผมถูกเก็บมาเลี้ยง  หมีโหด~
พี่เขาเลี้ยงดูปูเสื่อตลอดมา  ก่อนเข้ามาผมสัญญาว่าผมจะอยู่ช่วยงานบริษัทนี้ 5 ปี
ในระหว่างนี้  จะไม่ออกไปไหน  ยกเว้น สามอย่าง    1.ตาย  2. บริษัท/เจ้าของ ไม่ต้องการผมแล้ว  3. ครบ 5 ปี

ผมไม่เคยเรียกร้องเงินเดือน  เพราะรุ้สึกว่า บุญคุณ ที่พี่เขามีต่อผมมันมากพอแล้ว แต่ปัจจุบันผมก็ได้
อย่างที่เพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกันเขาได้กัน อาจจะมากกว่าหน่อย

เหตุผลที่ผมชอบที่นี่ คืออนาคต  มันสามารถมองเห็นได้ด้วยการที่เราทำเอง
ไม่ต้องรอถึงเวลาถึงได้เลื่อนขั้น ไม่ต้องรอตามลำดับยศอะไรเลย
 ผมไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือน  แต่แน่นอนมันต้องเหนื่อยอยุ่แล้ว

และที่สำคัญที่นี่ อยากทำอะไรก็ได้ทำ  อยากไปไหนตอนไหนก็ได้ (ขอให้งานเสร็จ และไม่ติดลูกค้า)

อยากทำงานเกี่ยวกับอะไรในช่วงไหนก็บอก เช่น  ช่วงนี้ไม่อยากได้โปรเจก พวกเว็บเลยวะ  อยากได้สิ่งพิมพ์
อะก็ได้ พี่เขาก็รับงานเฉพาะสิงพิมพ์มาให้ ........น่าน เป็นพนักงานโคตรอภิสิทธิ์  หมีโหด~

ส่วนเรื่องเงินเก็บ ผมค่อนข้างเก็บเงินไม่ค่อยได้ มีมากใช้มากจริงๆแหละ  ใช้เหมือนคนไม่เคยมีเงินอ่ะ
ไม่ดีเลย  แต่ ก็เก็บนะ เคยเก็บเงินก้อนช่วงปีใหม่ เอาไปให้แม่เปิดร้าน  ปัจจุบัน แม่ยังไม่ได้เปิดเลย  ง่ะ
เก็บเงิน ก้อนที่สอง ออกรถได้ แระ  ดีใจสุดๆ  และก้อนที่สามเรียกว่าเงินสำรองดีกว่า แต่
ณ ปัจจุบัน ต้องเอาออกมาใช้แล้ว เพราะน้อง เข้ามหาลัย  สรุปคือตอนนี้
กลับมาเป็น 0 ค่อนไปทางติดลบนิดๆ แระ แต่ต้องพยายามฟื้นให้ได้โดยเร้ว เก็บเงินสำรองไว้ให้ได้  

เคยท้อจนคิดจะออกจากที่นี่หลายครั้งเหมือนกัน แต่ คำสัญญามันค้ำคออยุ๋ ฮ่าๆ
จริงๆกลัวด้วยแหละกลัวออกไปที่ใหม่แล้วไม่ได้ทำอะไรเหมือนที่นี่  และกลัวคิดถึงครอบครัวที่นี่ด้วย ฮะ ฮะ ..... 

มีหลายคนเตือนว่า ต้องเก็บเงินเพื่ออนาคต จริงๆ ก็รู้แหละ แต่ทำลำบาก ฮ่าๆ  สู้กันต่อไป  เจ๋ง

บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
อย่าไปมอง อย่าไปคิดเรื่องเงินเดือนเลย ถ้าคิดจะทำอาชีพอิสระนะ สิ่งที่อาชีพอิสระมี มันซื้อด้วยเงินไม่ได้
...ถ้ารักษาวินัยในการทำงานดีๆ ขยันฝึก หาความรู้ หาคอนเนกชั่นหน่อย มันเป็นการใช้ชีวิตที่โคตรคุ้มค่าเลยครับ

หากคิดอยากแว่บไปพักไปเที่ยวสักเดือนก็วางแผนได้ง่ายๆ เพราะอยู่ที่ตัวเรา
ไม่อยากรับงานลูกค้าที่กวนตีนมากๆก็ปฏิเสธได้ โดยไม่หนักหัวใคร (ถ้าทำงานประจำ แล้วไปเซ็งกับลูกค้าไม่ได้เด็ดขาด)

เพียงแต่ไอ้อาชีพอิสระนี่มันมีข้อเสียมากๆก็คือความไม่แน่นอน บางเดือนได้มาก บางเดือนได้น้อย บางเดือนไม่ได้เลย
แต่ก็มีข้อดีคือไม่ต้องเปลืองค่ารถค่ารามากเท่างานประจำ รายจ่ายน้อยจริงๆอย่างที่แอนบอกไว้
โดยเฉลี่ยผมใช้เงินเดือนละ 7-8 พัน ไม่เกินนี้ อันนี้รวมค่าขนม ค่ายา ค่าโน่นนี่ที่ให้พ่อให้แม่แล้วนะ ดีที่ตัวเองไม่ใช่คนที่สิ้นเปลืองมาก

แรกๆที่ออกจากงานประจำมาใหม่ๆช่วงสัก 3-4 ปีก่อน ไม่ใช่ว่าตั้งใจอยากจะมาทำ Freelance หรอก
แต่เป็นเพราะช่วงนั้นเซ็งเจ้านายเก่ามากๆ เริ่มแบกรับภาระจากผู้บริหารที่เอาแต่ใจไม่ไหว
เลยต้องทิ้งเงินเดือน 2 หมื่นกว่าในตอนนั้นออกมาตั้งหลักใหม่ ..... ซึ่งไอ้ระหว่างที่ออกมามันก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ มีโอกาสใหม่ๆเข้ามา
ก็เลยไม่ได้กลับไปทำงานประจำสักที ....ปัจจุบันเงินต่อเดือนก็ใช่ว่าจะได้เท่ากับหรือมากกว่าเงินเดือนประจำที่เคยได้ไปซะทุกเดือน
แต่สิ่งที่คุ้มค่าก็คือไม่ต้องเครียดกับผู้คนรอบข้าง ....มีเวลาดูแลและคุยกับแม่มากขึ้น และมีเวลาเรียนรู้ชีวิตมากขึ้นด้วย
ไปเที่ยวยาวๆในช่วงที่ไม่ใช่เทศกาล (มีความสุขสงบโคตรๆ), ดูบอลดึกๆแล้วตื่นสายได้, นั่งกินเบียร์ไปทำงานไป, เข้าส้วมเพื่อคิดงานนานๆ,
เซ็งจัดๆก็ออกไปยืนอ่านหนังสือตามร้าน B2S, Se-Ed ได้เป็นชั่วโมงๆ, ไปเดินดูงานศิลปะตาม Gallery ได้ไม่ยั้ง

....และที่สำคัญก็คือมีเวลาแบ่งตัวเองจากงานเลี้ยงชีพ ไปทำงานส่วนตัวที่อยากทำมานาน ซึ่งตอนนี้คิดว่ามันคุ้มแสนคุ้ม เพราะทำได้ ณ จุดๆนึงแล้ว เคยฝันเอาไว้แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ ....ซึ่งถ้าอยู่ในวังวนการทำงานประจำ คงไม่มีเวลาและโอกาสในการทำอะไรที่หวังไว้ได้แบบเต็มที่
ผมคิดว่าชีวิตมันก็แค่นี้ การใช้ชีวิตให้คุ้มค่า แค่ได้ทำอะไรที่ฝันไว้แล้วได้ทำ มันเป็นสิ่งที่คนทุกคนอยากทำก่อนที่จากตายจากโลกนี้ไป ซึ่งน้อยคนที่จะมีโอกาส แต่คนทำอาชีพอิสระมักจะยอมแลกมันกับความมั่นคงในงานประจำ

แต่ถ้ามองเรื่องข้อเสียแล้วมันก็มีไม่น้อย ....นั่งคิดอยู่บ่อยๆว่าต่อไปถ้าแก่ตัวแล้วยังไม่มั่นคงเหมือนในอย่างปัจจุบัน จะทำยังไง ....เกิดอยู่ๆล้มป่วยหนัก เป็นโรคร้ายจะเอาเงินที่ไหนมารักษาตัวเอง ...เพื่อนๆบางคนมันทำงานได้เงินเดือน 4-5 หมื่น ก็อิจฉามันอยู่เหมือนกัน บางครั้งก็มองว่าถ้าเราทำงานประจำอยู่ก็คงจะได้เงินเดือนเท่ากับมันไปแล้ว ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องกังวล .... แต่ก็อย่างที่เขาว่ากันไว้ว่า ยิ่งสูง ยิ่งหนาว .... มีรุ่นพี่ รุ่นน้าๆ บางคนที่รู้จัก ทำงานประจำ เงินเดือนสูง อยู่ดีๆโดนปลดกลางอากาศตอนอายุ 40 ....หางานใหม่ก็ยากแล้วในวัยนี้ แถมไม่เคยคิดวางแผนที่จะทำธุรกิจส่วนตัว, รถก็ยังส่งไม่หมด, บ้านก็พึ่งผ่อน .... แล้วไหนจะลูกเมีย ...มันก็เคว้งไม่ใช่น้อยกับการเริ่มต้นอะไรใหม่หมด โดยที่ไม่ได้เตรียมพร้อมเลย

ทุกอย่างมี 2 ด้านครับ คิดได้อย่าไปเครียดกับมันมาก ชีวิตมันมีหนทางไปของมันเองนั่นแหล่ะ
บันทึกการเข้า
เห็นข้อดีอีกอย่างจากพี่ฉึ่งที่ช่วยตอกย้ำเรื่องความอิสระละครับ
คืออยากเที่ยวเมื่อไหร่เอาสิ ทำเป็นปัดลูกค้าออกไป จะขอว่างสักเดือนนึงทั้งเดือนก็ยังได้
สนุกดี แต่ไม่มีตังค์เท่านั้นเอ๊ง


อ๊ะ นี่ฟร้อน.คอมกลายเป็นเว็บคนแก่ผปลัดกันบ่นไปแล้วรึ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
โชคดี ที่ผมอายุน้อยสุด รอดตัวไป
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
น้อยด้วย รอดด้วยตัว
บันทึกการเข้า

ห๊ะ! อะไรนะ!!!
ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆของทุกๆท่านครับ ไหว้

อนาคตมันไม่แน่นอนจริงๆ
บันทึกการเข้า

ก้าวแรกที่พลาดพลั้ง คือก้าวหลังที่มั่นใจ ก้าวแรกที่เสียไป คือก้าวใหม่ที่ได้มา...
หูย แบบพี่ 8e88 เลยที่ผมเป็นอยู่
มันมี 2 ด้านจริงๆ แหละ

ตอนนี้ยังมีความสุขสนุกอยู่ในด้านหนึ่ง
แต่อีกด้านหนึ่งมันไม่รู้จะโผล่มาให้กระอักเอาตอนไหน

เงินเก็บมันก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย
แต่บางช่วงเวลามันก็ขึ้นๆ ลงตามกิเลสอยากได้นั่นได้นี่


บวกๆ + ทุกความเห็นเลย พิมพ์กันยาวๆ อ่านเพลินดีครับ  ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า

Today you , Tomorrow me.

โอว ปั่นกันกระจุย มีคนตัดหน้าคุณตั้ง 6 คนแน่ะ


ตามประสาหัวหน้าครอบครัว อยากระบาย อืมมมมห์

  ตัวผมหลังจบมาก็บอกได้ว่าผยอง เหมือนไปได้งานมาก็กร้าวเอามันเรียกค่าจ้างสูงมากๆ (ห้าหลักอย่างต่ำ) จนงานเข้ามาก็ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวจนครึ่งปี ก็เลยเลิกไร้สาระ คิดว่าไปหาออฟฟิตทำดีกว่า
  ผมกับเพื่อนอีกคนก็เลยไปเตร็ดเตร่หาออฟฟิตสมัครอยู่ แต่เงินเดือนที่เค้ายื่นเสนอมาให้ไม่ถูกใจมากๆ มันมาตั้งแต่ เก้าพันกว่าไปถึงหมื่นหนึ่งต้นๆ ก็เลยเกิดอาการรับไม่ได้ กับการที่ได้ค่าตอบแทนอันน้อยนิด โดยลืมคำว่าอย่าหมิ่นเงินน้อยไปซะสนิท ก็ไม่ยอมทำงานอีกอยู่ดี เหตุเพราะช่วงนั้นเราคิดแค่ว่า เราสด เรียนมาตั้งครึ่งล้าน ได้แค่นี้เมื่อไหร่จะรวยกัน แต่แล้วเงินที่มีอยู่มันก็เริ่มหมดๆลง ประจวบเหมาะกับ มีเพื่อนที่สนิทอีกคนบอกว่าจะปรับปรุงงานที่บ้าน จะเปิดส่วนออฟฟิตขึ้นมาทำเรื่องแบบเพิ่มเข้าไป ก็เลยตอบตกลงเข้าไปทำงานในออฟฟิตเพื่อน ด้วยเงินเดือนที่พอรับได้หน่อย นั่นคือหมื่นห้า (เยอะกว่าที่อื่นมากมายตรงไหน) ตอนช่วงนั้นใช้จ่ายกับค่าเดินทาง(ที่ค่อนข้างมากอยู่)เพียงอย่างเดียว ก็เลยเห็นว่าเก็บเงินได้มาก เลยไม่ได้มองเผื่อการเปลี่ยนแนวทางการใช้ชีวิตซักเท่าไหร่ อีกทั้งคิดว่าทำไปซักหน่อยแล้วก็หนีไปเรียนเมืองนอกเอาเท่ดีกว่า เผื่อกลับมาอยู่บริษัทใหญ่ๆได้ เพราะเป็นช่วงหลังเลิกกับแฟน มีชีวิตอยู่เพื่ออนาคตตัวเองคนเดียวก็เลยปล่อยเฉื่อยไปเรื่อยๆ
  ตลอดเวลาทำงาน สิ่งที่เราได้จากการทำงานก็คือระบบงาน วิธีการทำงานในส่วนต่างๆ วัสดุ ฯลฯ แต่ที่เสียไปเรื่อยๆคือความสดของเราเองนั่นแหละ งานที่ควักหัวออกมา มันกลับโดนบั่นทอนจากเจ้านายที่ เหมือนที่เอาตีนลูกค้าขึ้นมานาบท้ายทอย (หนักกว่ากราบตีนอีกนะครับ) ทำไม่ได้ตัง รีเจ็ค ไม่จ่ายค่าแบบจ่ายแต่ค่าแรงคนงาน แถมไม่สนับสนุนแบบที่ออกไปจนงานเละเทะ ก็เกิดอาการเบื่อระทมที่ไม่มีการเปลียนแปลงอะไรที่ดีขึ้น เงินเดือนไม่ขยับ(เพราะไม่มีกำไร) งานก็เหี่ยวๆ ทะเลาะกับแฟน(กิ้วนั่นแหละ) อีกทั้งเพื่อนที่ชิงตัดหน้าลาออกไปก่อนก็เอางานนอกมาชวนทำ ก็เลยตัดสินใจออกจากงานหลังทำมาเป็นปี เลยมาทำงานนอกที่มีอยู่ จากงานนึงก็เพิ่มเข้ามาๆ ช่วงนั้นค่อนข้างดีใจที่มีงานดีๆเข้ามาให้ทำ(เงินดีด้วย) ก็เลยนั่งทำงานอยู่บ้านไปวันๆ เป็นสภาพคนตกงาน เงินหามาเดือนๆนึงสองหมื่นปลายๆถึงสี่หมื่นกว่าในแต่ละเดือน จนตัดสินใจมีลูก มีเมีย ก็ดีที่ประคับประคองมาได้เรื่อยๆงานหนักบ้าง เพื่อนโยนงานมาให้ทำคนเดียวบ้าง เพื่อนฮุบงานไว้คนเดียวบ้าง ก็เริ่มติดๆขัดๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่จัดการอะไรกับเฟิร์มที่ตั้งกันนี่ซักที แล้วช่วงนี้มาอยู่ๆก็โดนลูกค้ายกเลิกงานอีก ก็มีการไร้รายได้บ้าง แพลนที่มีก็มีงานที่มีคนมาให้ทำอยู่อีก และงานประกวดราคาอยู่อีก ก็ยังพอมีทางได้เงินเรื่อยๆ แล้วก็มีจุดลุ้นอยู่เรื่อยๆ มันก็เหมือนเดินไปในทางที่เสี่ยงทางหนึ่ง เพียงแค่ถ้าเราบ้าแล้วก็ขี้แพ้ มันก็คงเละแน่ๆแหละ
  มันก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่บ้ากับสถานการณ์เลยซะทีเดียว มันมีบางครั้งที่ความรู้สึกมันหนักจนคิดไม่ออกว่า แบกได้ยังไงกันก็มี แต่ลำพังกลับไปอยู่ออฟฟิตกับเงินเดือนสองหมื่น(หรือแค่เกือบ) แล้วก็ต้องเลี้ยงครอบครัวอีก มันก็เป็นไปไม่ได้ เราอาจจะพยายามใช้เท่าที่มีไป แต่ซักวันมันก็จะไม่พออยู่ดี

  ผมคิดว่าความเสี่ยงขึ้นอยู่ กับแต่ละคน แต่ละสถานการณ์ แต่ละไครทีเรีย ใช่ว่าคนทุกคนจะเลือกในแบบทางเดียวกันได้ หากวันนี้ล้ม แล้วไม่ลุก เราก็ไม่ไปไหน วันนี้ลุก ก้าวมั่นกว่าเดิน ไม่คิดหรือว่าอีกก้าวต่อไปเลย มันจะล้มแล้วเท้าพลิกเลย ไม่มีอะไรที่เสียงและไม่มีอะไรที่ไม่เสี่ยง
  สำหรับผมแล้ว คนที่ว่างงาน กินฟรีแลนซ์ หรือ กินแกลบอยู่ มันอาจจะเป็นวันที่ลุกขึ้นมาเดินใหม่ก็ได้ หรือ อาจจะต้องนั่งอยู่รอสบัดข้อเท้าแล้วค่อนลุกไปวิ่งต่อทีหลังก็เป็นได้ ถามตัวเองดีที่สุด ถามคนอื่นก็เท่านั้น มันยังไม่ได้เรื่องเลย จะไปสอนอะไรตัวเราเองได้

ปล. พ่อผมเคยอยู่บ้านเลี้ยงลูกเพิ่งคลอด(น้องชายผม) สามปีเต็มโดยทำอะไรไม่ได้เลย จนวันนึงมันก็มีทางให้พ่อผมหาตังส่งผมเรียนจบอยู่ดี

ปอ. จริงๆผมอยากกลับไปขายสัตว์มากกว่าเป็นมัณฑนากรนะ กร๊าก
บันทึกการเข้า

"รักอดทนนาน กระทำคุณให้ รักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง... "
                                                            - โครินทร์1 13:7
ทุกวันนี้ต้องออกค่าใช้จ่ายเองหมด ฮือๆ~
(แม่ชอบแกล้งทำเป็นลืมเวลาลูกไม่ยอมทวงตังค์ แล้วก็ไม่ทักให้เราลืมอยู่นั่นแหละ ชิ)




คือแอบเป็นเด็กแก่แดดแก่ลมมากไปหน่อย
ด้วยความเล่นคอมเยอะมากจนหาทางหาตังค์ให้ตัวเองได้ระดับนึง

งานหลักผมก็งานเดียวกับงานเสริมของพี่โอ้เอ้อะครับ
(ให้บริการ web hosting แต่แถมพ่วงบริการ ดูแลระบบ server เข้ามาด้วย)
ระยะเวลาให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ตีสองตีสามเจ็ดแปดโมงเช้าเว็บมีปัญหาก็ต้องตื่นมาแก้
ลูกค้าโทรมาตอนเช้าก็ต้องตื่นมานั่งเบลอๆ แก้ไขให้ตลอด
(โคตรเกลียดเลยเวลาโทรมาตอนประมาณแปดโมงนี่ เพิ่งได้นอน ฮือๆ~)
แถมด้วยงานโฆษณาอีกนิดๆ หน่อยๆ (ไม่ใช่ spam mail แน่นอน)
ซึ่งได้มากน้อยก็ขึ้นกับความขยันของตัวเอง ขยันมากก็ได้มาก ขี้เกียจก็ได้น้อยลงไป


ข้อดีของอาชีพพวกนี้ก็อย่างว่าแหละครับ
ความอิสระที่ได้มาสูงปรี๊ดมากๆ มากกว่าอาชีพอื่นเยอะ
แต่ช่วงนี้เริ่มคิดถึงความแน่นอนบ้างเหมือนกัน เพราะให้อยู่ลอยไปวันๆ คงไม่ได้
ไหนจะต้องหาตังค์ใช้เอง แถมเผลอๆ ต้องช่วยทางบ้านด้วย
ตังค์เก็บที่เคยกันเอาไว้เผื่อยามฉุกเฉินเลยเกลี้ยงเลย ฮือๆ~
ไม่งั้นก็ไปจ๊ะเอ๋กันที่กระบี่แล้ว
ยังดีที่ค่าใช้จ่ายผมไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่
ถ้าไม่นับค่าหอก็คือไม่ไปผ่อนอะไรอยู่ทำให้ค่าใช้จ่ายรายเดือนน้อย
เหลือแต่ค่ากิน เลยพอมีตังค์เก็บบ้างตามโอกาส

แรกๆที่ออกจากงานประจำมาใหม่ๆช่วงสัก 3-4 ปีก่อน ไม่ใช่ว่าตั้งใจอยากจะมาทำ Freelance หรอก
แต่เป็นเพราะช่วงนั้นเซ็งเจ้านายเก่ามากๆ เริ่มแบกรับภาระจากผู้บริหารที่เอาแต่ใจไม่ไหว
เลยต้องทิ้งเงินเดือน 2 หมื่นกว่าในตอนนั้นออกมาตั้งหลักใหม่ ..... ซึ่งไอ้ระหว่างที่ออกมามันก็มีงานเข้ามาเรื่อยๆ มีโอกาสใหม่ๆเข้ามา
ก็เลยไม่ได้กลับไปทำงานประจำสักที ....ปัจจุบันเงินต่อเดือนก็ใช่ว่าจะได้เท่ากับหรือมากกว่าเงินเดือนประจำที่เคยได้ไปซะทุกเดือน
แต่สิ่งที่คุ้มค่าก็คือไม่ต้องเครียดกับผู้คนรอบข้าง ....มีเวลาดูแลและคุยกับแม่มากขึ้น และมีเวลาเรียนรู้ชีวิตมากขึ้นด้วย
ไปเที่ยวยาวๆในช่วงที่ไม่ใช่เทศกาล (มีความสุขสงบโคตรๆ), ดูบอลดึกๆแล้วตื่นสายได้, นั่งกินเบียร์ไปทำงานไป, เข้าส้วมเพื่อคิดงานนานๆ,
เซ็งจัดๆก็ออกไปยืนอ่านหนังสือตามร้าน B2S, Se-Ed ได้เป็นชั่วโมงๆ, ไปเดินดูงานศิลปะตาม Gallery ได้ไม่ยั้ง

....และที่สำคัญก็คือมีเวลาแบ่งตัวเองจากงานเลี้ยงชีพ ไปทำงานส่วนตัวที่อยากทำมานาน ซึ่งตอนนี้คิดว่ามันคุ้มแสนคุ้ม เพราะทำได้ ณ จุดๆนึงแล้ว เคยฝันเอาไว้แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ ....ซึ่งถ้าอยู่ในวังวนการทำงานประจำ คงไม่มีเวลาและโอกาสในการทำอะไรที่หวังไว้ได้แบบเต็มที่
ผมคิดว่าชีวิตมันก็แค่นี้ การใช้ชีวิตให้คุ้มค่า แค่ได้ทำอะไรที่ฝันไว้แล้วได้ทำ มันเป็นสิ่งที่คนทุกคนอยากทำก่อนที่จากตายจากโลกนี้ไป ซึ่งน้อยคนที่จะมีโอกาส แต่คนทำอาชีพอิสระมักจะยอมแลกมันกับความมั่นคงในงานประจำ

แต่ถ้ามองเรื่องข้อเสียแล้วมันก็มีไม่น้อย ....นั่งคิดอยู่บ่อยๆว่าต่อไปถ้าแก่ตัวแล้วยังไม่มั่นคงเหมือนในอย่างปัจจุบัน จะทำยังไง ....เกิดอยู่ๆล้มป่วยหนัก เป็นโรคร้ายจะเอาเงินที่ไหนมารักษาตัวเอง ...เพื่อนๆบางคนมันทำงานได้เงินเดือน 4-5 หมื่น ก็อิจฉามันอยู่เหมือนกัน บางครั้งก็มองว่าถ้าเราทำงานประจำอยู่ก็คงจะได้เงินเดือนเท่ากับมันไปแล้ว ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องกังวล .... แต่ก็อย่างที่เขาว่ากันไว้ว่า ยิ่งสูง ยิ่งหนาว .... มีรุ่นพี่ รุ่นน้าๆ บางคนที่รู้จัก ทำงานประจำ เงินเดือนสูง อยู่ดีๆโดนปลดกลางอากาศตอนอายุ 40 ....หางานใหม่ก็ยากแล้วในวัยนี้ แถมไม่เคยคิดวางแผนที่จะทำธุรกิจส่วนตัว, รถก็ยังส่งไม่หมด, บ้านก็พึ่งผ่อน .... แล้วไหนจะลูกเมีย ...มันก็เคว้งไม่ใช่น้อยกับการเริ่มต้นอะไรใหม่หมด โดยที่ไม่ได้เตรียมพร้อมเลย

ทุกอย่างมี 2 ด้านครับ คิดได้อย่าไปเครียดกับมันมาก ชีวิตมันมีหนทางไปของมันเองนั่นแหล่ะ
ชอบจัง ยิ้มน่ารัก


ทุกวันนี้ยังมีความสุขกับงานที่ทำดีอยู่ครับ
ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ แล้วก็ไม่ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ
สบายใจดี แถมได้ตังค์ใช้ด้วย





ปล. ค่าเทอมหมื่นห้า ฮือๆ~ โอวววว แสรดดด จะหาตังค์ทันมั้ยเนี่ย
บันทึกการเข้า

ไอซ์นี่โึคตรเจ๋งเลยนะ มีของอยู่กับตัว
รู้สึกเลยว่าถ้าเกิดวันนึงอยู่ดีๆ มีงบมาสักก้อน
เพื่อขยายขีดความสามารถของธุรกิจตัวเองได้นี่ ก็คงเลิกห่วงเรื่องเงินได้เลย

ส่วนของเอกที่เรียกว่างานฟรีแลนซ์นี่ ตูว่าไม่ใช่การตกงานหรอก
ฟรีแลนซ์มันก็เป็นสาขาหนึ่งของงาน ที่ตูก็กะจะยึดเอาเป็นงานหลักไปจนกว่าจะเจอทางตัน (ตอนนี้ยัง)
ยิ่งเป็นงานสายไอที หรือสายออกแบบด้วยแล้วก็ยิ่งดีใหญ๋เลย ตลาดในไทยมันยังกว้างมากๆ
(คนไทยตอนนี้ใช้เน็ตกันแค่ 11% นะ แสดงว่าเรายังมีลูกค้าในอนาคตรออยู่อีกตั้ง 89%!!)




เออ ขอถามตาลสักหน่อยดิ๊ ว่าตอนนี้เดือนนึงๆ มีเวลาว่างเยอะไหม
ถามไว้เป็นคำตอบให้กับน้องๆ ที่ทำท่าจะมาเป็ฯแอร์กี่กันตั้งหลายคน
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ตอบพี่แอน.

ของเอเชียน่านะ ของสายการบินอื่นตูไม่แน่ใจ

ถ้านับเอาแต่วันทำงานก็แค่เดือนละ 10-14 วัน (เท่ากับ 5-7 ไฟลท์)

นอกนั้นคือวันหยุด แต่แบ่งเป็นวันหยุดที่เมืองไทย 8 วัน ที่อื่นๆประปรายกันไป

ในวันหยุดก็คือวันว่าง จะทำอะไรก็ได้ เพื่อนๆตูก็มีรับเอางานมาแปล

เพื่อนตูคนนึงอยู่สายการบินจอแดน เรียนป.โทไปพร้อมกันด้วย

อย่างตูก็มีเวลาว่างพอที่จะมาดูร้านในเน็ตของตัวเองได้เกือบทุกวัน

ถือว่าเป็นงานที่มีเวลาว่างมากอีกงานหนึ่งเหมือนกัน

แต่ว่างไม่ค่อยได้ตรงอย่างใจตัวเอง

เพราะบางครั้งในวันสำคัญๆ เราก็ไม่ได้หยุดได้อย่างใจ

ไอ้วันที่ได้หยุดก็อาจจะเป็นวันที่ชาวบ้านเค้าไม่ได้หยุดกัน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากมีวันสำคัญอะไรสามารถขอวันหยุดไว้ล่วงหน้าได้

แต่ต้องขอล่วงหน้าสองเดือนน่ะ
บันทึกการเข้า

ห๊ะ! อะไรนะ!!!
แสดงว่ายังคงเป็นอาชีพที่น่าอิจฉาเหมือนเดิม
ไอ้เรื่องว่างตรงใจหรือไม่ตรงใจนั่น คงไม่ใช่ปัญหาหรอกมั้ง
เพราะถ้าเทียบกะงานแนวอื่นๆ เขาก็บังคับวันว่างกันแทบจะไม่ได้เหมือนกัน
แถมได้เที่ยวตลอดด้วย โวย

ทำไมตูไม่เกิดมาสวยเอ็กซ์มั่งวะ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 ... 615
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!