เขียนมั่งๆ ไม่ได้อัพเดทชีวิตนานแล้ว
งานคือไม่ได้คาดคิดว่าจะมาสู่จุดนี้จริงๆ คือการเป็น producton house เล็กๆ จนเป็น production ขนาดกลางๆ
เพราะตลอดเวลาที่เรียน หรือ ตั้งเป้าไว้กับความชอบคือ "ชอบนั่งหน้าคอม"
อยากทำงานเบื้องหลังผ่านจอคอมมากกว่า ใช้สกิลการการกดปุ่ม
มากกว่างานเบื้องหลังที่ต้องปฎิสัมพันธ์กับผู้คน เพราะคุยกับคนไม่ค่อยเก่ง
จะว่าไงดีล่ะ เหมือนผมชอบสื่อสารแบบตรงๆ เหมือนหุ่นยนต์ เลยกลัวการพูดไม่ดีแล้วไปกระทบใจคนอื่น
แต่ ชีวิตก็กำหนดไม่ได้เสมอ
วันที่เริ่มทำ production ก็กลัวๆนะ เพราะเป็นคนขี้กลัวอยู่แล้ว เวลาทำอะไรไม่คุ้นเลยยิ่งกลัวไปใหญ่
เพราะกลัวเลยต้องยิ่งศึกษา ข้อดีของยุคนี้คือตำราอยู่ในอินเตอร์เน็ต แถมเป็นวีดีโอด้วย อยากรู้อะไรมีคนบอกหมดทุกอย่างแล้ว
แค่ขยันอ่าน-ดู เยอะๆแค่นั้นเอง ซึ่งเป็นของชอบของผมเลย คือ "การนั่งหน้าคอม" 555
ดังนั้นทุกอย่างเลยผ่านมันมาได้ด้วยดี มั่วบ้างดีบ้างสลับกันไป
แต่สิ่งที่ได้มาคือ เราได้เจอคนเก่งๆ ในด้านต่างๆในสายงานที่เกี่ยวกับด้านภาพยนตร์
ด้วยความที่ผมไม่ได้เรียนมาด้านนี้ แต่ดันไปนั่งตรงตำแหน่งที่เรียกว่า "ผู้กำกับ" เลยทำให้เราชอบถามคนที่มาทำงานด้วย
ว่า "ไอ้นี่ทำยังไง" "ไอ้แบบนี้ดีมั้ยครับ" เลยกลายเป็นการคุยถูกคอ ทีมงานและคนที่ทำงานด้วยก็คงเปิดใจกับเรามั้ง
ผมเลยได้รู้จัก ได้พูดคุยกับคนมากมาย แต่กำไรสุดคือการได้เจอสาวตึงๆ เพียบ!!
(อีห่าเปิดมาดีแล้วจะพังตรงบรรทัดเนี้ยะ)งานที่ไม่รู้จักและไม่อยากทำ ก็เลยกลายเป็นความสนุก
ทุกวันนี้การดูหนัง เป็นการศึกษาอย่างนึง ทุกศาสตร์ในนี้สนุกไปหมด
ตั้งแต่การเขียนบท ซึ่งเราได้รู้จักคนเขียนบทเก่งๆ พอทำไปก็ซึมซับวิธีการ การมองบท การตีความมากขึ้น
การเล่าเรื่องด้วยภาพ ก็สนุก ได้รู้จักวิธีเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกของคนดู
การเล่าเรื่องด้วยเสียง ก็สนุก รู้ว่าทำยังไงถึงจะทำให้ภาพมีพลังด้วยการใช้เสียง การเข้าออกของเพลง ฯลฯ สนุกไปหมด
ทุกวันนี้ยังนั่งดู Tutorial ตางๆใน youtube อยู่เลย ความรู้มีให้ดูแบบไม่จบสิ้น
แต่ก็เป็น Production ขนาดที่มีพนักงานประจำ 1 คน (คือตูเอง)
และทำงานที่บ้าน ทีมงานทั้งหมดเป็น outsource ซึ่งเรากำหนดเองแหละว่าจะเป็น model แบบนี้
คนทำงานเค้าก็แฮปปี้ ไม่ต้องขึ้นตรง ไม่ต้องผูกพันแบบประจำ รับเป็นจ๊อบๆไป
เราก็ไม่ต้องแบกภาระกับคำว่า "ลูกน้องบริษัท"
แต่กว่าจะหาคนที่เข้ามือ แต่ละตำแหน่งนี่ก็ลากเลือดอยู่
แต่ที่ผมได้แน่ๆคือ ได้ร่วมงานกับคนเก่งๆ ได้ประสบการณ์การทำงานที่เข้มข้นมากๆ
ทุกวันนี้วงการ MV ซบเซาเป็นอย่างมาก ไม่ค่อยมีศิลปินใหม่ๆออก
ยิ่งวงการหนังนี่ไม่ต้องพูดถึง เงียบ!!
เห็นเพื่อนที่ทำหนังต้องนั่งตัดซีรี่ส์รัวๆ แถมนับวันงานยิ่งหดหายไปเรื่อยๆ เหนื่อยแทน
แต่ความเฮงคือ ผมไม่ชอบทำอะไรนานๆ คือขี้เบื่อมาก ตอนทำ MV รัวๆ นี่โคตรเบื่อ
หัวสมองล้าไปหมด พอเบื่อ MV ก็มีงานด้านออกแบบทึ่เคยๆทำเข้ามาเป็นระยะ เราก็สบายอยู่และ ได้พักสมองด้วย
ได้วาดการ์ตูนบ้าง Character บ้าง เพลินๆ ได้ทำหลายๆอย่างแต่ก็เป็นสายทำหน้าคอมเหมือนเดิม 555
เลยทำให้มีงานเข้ามาแบบหลากหลายมาก ทั้งด้าน Production / ออกแบบ / animation / หรือแม้แต่ด้านมาร์เก็ตติ้งเราก็ทำแฮะ
ตอนนี้เอาเป็นว่า เรื่องงานสนุก !!
เงินเรื่องของเรื่องคือน่าจะเข้าสู่วัยกลางคนโดยสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้ชีวิตเริ่มมีเสถียรภาพทางการเงิน การงานที่เหมือนจะมั่นคง
มีปัจจัย 4 ครบ แต่ไม่ได้หรูหรามาก เป็นไปตามฐานะ ไม่มีหนี้สินใดๆ เลยทำให้ชีวิตค่อนข้างไปทางสบายพอสมควร
โดยปกติไม่ได้ใช้เงินเยอะมากมายอะไร กินข้าวตามฐานะ ไม่ได้อยากได้รถแพงๆ ไม่ค่อยเปลี่ยนมือถือ เงินมีก็ไปลงกับ
อุปกรณ์ปั่นเงินซะมากกว่า เพิ่มศักยภาพในการทำงานด้านต่างๆที่เราชอบ
คำพูดที่ว่า "ทำงานด้วยความชอบแล้วเงินจะตามมา" นี่จริงแท้แน่นอน
อ้อ เคยฟังใครสักคนพูดเกี่ยวกับการเรื่องเป้าหมายในชีวิต คือแบบว่าต้องตั้งมั่นว่าจะไปสู่จุดไหน
ถ้ามีความตั้งใจแรงกล้ามันจะเป็นไปได้ (สงสัยจะเข็มทิศชีวิต
)
ตรงนี้เคยคิดกับตัวเองเหมือนกันว่า "อยากเป็นอะไรกันแน่ ?"
- ผู้กำกับเหรอ ? ไม่เลย ไม่ได้อยากเป็น
- อยากทำหนัง ? อยากทำแค่เรื่อง 2 เรื่องพอ แต่ไม่ได้อยากเป็นสุดยอดคนทำหนัง
- นักเขียนการ์ตูน ? ไม่อ่ะ ไม่สามารถทำเป็นอาชีพได้แน่ๆ เพราะเปลืองเวลามาก ค่าตอบแทนไม่คุ้ม (แม้จะชอบ)
เคยพูดกะเมียเรื่องนี้เหมือนกัน เมียสรุปให้ง่ายมาก คือ..
เธอแค่อยากมีเงินเยอะๆ เพียงพอที่จะทำอะไรที่ไม่ได้เงินไง
เออว่ะ !! จริง !!
เลยทำมันหลายๆอย่างโดยไม่บ่น คือไม่ชอบ ไม่เกลียด แต่ทำได้ (ซึ่งเมียบอกว่าดีแล้ว)
สรุปการเงินไม่ขัดสน
ความหวัง อนาคต + ชีวิตพูดเรื่องความหวังก่อน เพราะต่อเนื่องจากเรื่องงาน คือความหวังหรือสิ่งที่อยากทำที่สุดตอนนี้คือ
"อยากเล่าเรื่อง" ไม่ว่าจะเล่าแบบไหนก็แล้วแต่ การ์ตูน หนัง ซีรี่ย์ อะไรก็ได้ เพราะมีพล็อตที่(คิดว่า)ดี
จำนวนมาก และให้เพื่อนที่เขียนบทดูแล้วก็น่าจะโอเค เหลือแค่หาเวลาทำแค่นั้น
คืออยากเล่าเรื่องให้คนดู - คนอ่านรู้สึกกับมัน อยากให้คนร้องไห้ ซาบซึ้ง ตลก หรือกลัวกับเรื่องได้อย่างที่เราต้องการ
จะเป็นสื่ออะไรก็ได้ เหมือนอยากสรุปความรู้ที่เคยศึกษามาทั้งหมดมาทำเป็นโปรเจ็คจบ อะไรอย่างนั้น
ส่วนชีวิตตอนนี้
มีลูก คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะผมกับเมียเลี้ยงกันแค่สองคน ไม่มีพ่อแม่ญาติมาช่วย แต่มาเยี่ยมบ้าง
กว่าจะผ่านขวบแรกนี่แทบแย่ ช่วงที่เมียท้อง กับลูกยังเล็กอยู่นี่งานใหญ่ๆไม่มีเลย มีแต่ที่ทำหน้าคอมเล็กๆน้อยๆพอมีเงินเดือน
ก็ถือว่าดีที่ได้เลี้ยงลูกตลอดเวลา แต่พอลูกเริ่มแข็งแรงแล้ว อยู่ๆงานใหญ่แบบโคตรบิ๊กก็มาเลย โชคดีมาก
อยากเลี้ยงแบบนี้ไปเรื่อยๆ คงมีอีกหลายๆเรื่องที่จะตามมาก เรื่องโรงเรียน เรื่องเพื่อนลูก ฯลฯ น่าจะสนุกไม่น้อย
อนาคต
ไม่ได้คาดหวังอะไรไกลมาก คงหาอะไรทำให้มากขึ้น คงไม่ได้ติดอยู่กับการทำ production อย่างเดียวแน่นอน
อาจจะร้านอะไรซักอย่าง ของกิน ที่สอนคอม ที่สอนทำหนัง อยากถ่ายทอดวิชา
เดี๋ยวนี้มีคอร์สเรียนนู่นนี่นั่นเยอะไปหมด อยากเรียนเก็บๆไว้
เป็นกำไรชีวิต ยังเคยไปลงเรียนวาดอนาโตมี่เลย มีเพื่อนเป็นเด็กปี1
สนุกดี เราได้ประสบการณ์ใหม่ๆเป็นข้อมูลในการเขียนบทอีก กำไรเละ
ลงคอร์สทำอาหาร ก็เจอเพื่อนต่างชาติเป็นคนไต้หวันแต่จบฮาวาร์ด
คุยภาษาอังกฤษไฟแล่บกับเรา ไอ้เราก็ไม่ค่อยคล่องแต่ก็ได้ใช้ภาษา แถมได้แชร์ประสบการณ์ชีวิตกันด้วย
เลยสนุกกับการได้เจอเพื่อนใหม่ๆ
จนตอนนี้รู้สึกว่า .. ปล่อยให้ชีวิตพาไปดีกว่า สนุกดี