ใดๆ ในโลกล้วนไม่แน่ไม่นอน
จากราคาน้ำมันดิ่งลงแบบไม่หยุดยั้ง บรรดาลูกค้าของเราก็หดหาย
เมื่อวานนี้บริษัทเริ่มปลดคนรอบแรกของวิกฤตินี้ และคาดว่าจะมีอีกเรื่อยๆ จนกว่าอะไรๆ จะดีขึ้น
บริษัทฝรั่งก็อย่างนี้อะนะ ทราบว่าหลายคนเสียใจ แต่เราว่ามันโลกธุรกิจ อย่าไปคิดให้มันเป็นเพอร์ซันนอลเลย
เค้าจ่ายเราค่อนข้างแพง แต่ถ้าไม่มีงานเค้าก็ต้องหยุดจ่าย เป็นเรื่องธรรมดา
ที่ดีงามคือเค้าก็จ่ายเงินค่าชดเชยถูกต้องหมดแหละ ไม่ต้องให้ไปฟ้องกันให้เหนื่อย
บริษัทไทยยุคฟองสบู่แตก แม่งปิดบริษัทหนีเยอะแยะไป แบบนั้นแย่กว่าเยอะ
แต่ที่ไม่ชอบคือ เขาบอกปุ๊บให้ไปปั๊บเลย (เพราะกลัวโดนโกรธแล้วล้างแค้นลบไฟล์อะไรอย่างนี้)
ตรงนี้คิดว่า HR แม่งมองโลกในแง่ร้ายไปนะ ยังไงโลกนี้ก็มีเฟซบุ๊ค มันก็ไปก่อหวอดกันในนั้นอยู่ดี
สำหรับตัวเราเองคิดว่าซีเคียว อย่างน้อยก็ ณ ตอนนี้ แต่ปีหน้าไม่รู้ว่ะ
คิดอยู่นะว่า ถ้าเป็นเราที่เขาบอกว่าไม่ได้ไปต่อ ก็จะไม่โกรธ แต่จะขอบคุณ
เพราะที่ที่อันตรายที่สุดคือ Comfort Zone และเราติดอยู่ในนี้มา ๗ ปีกว่าแล้ว
ชีวิตมันแสนสั้น มุมนึงเราก็อยากกางปีกและกระโดดลงหน้าผาไป แล้วรอดูว่าปีกจะเวิร์คมั้ย
(เปรียบเปรยนะ ไม่ต้องหารูปฮิปโปปีก)
แต่เมื่อมันยังมีงานดีๆ ทีมสนุก ผลตอบแทนดี เที่ยวได้ ดูแลครอบครัว พบปะเพื่อนฝูงได้
ใครล่ะจะอยากลองใช้ปีกที่ไม่รู้ว่าเป็นปีกอินทรีหรือปีกนกกระจิบจริงมั้ย
(แต่คิดว่าถ้าได้ออกไปสมบุกสมบันนอก Comfort Zone อีกครั้ง
สำหรับคนอย่างเราอาจจะรู้สึกหวือหวามีพลังมากกว่าห่อเหี่ยวนะ)
เนี่ยสิ่งที่อยากจะเล่า
๑. ไม่มีอะไรแน่นอน
๒. เอ็นจอยกับทุกอย่าง จะสุขเสมอ