มาหารูปอีกี้ก็เลยแวะมาต่อเรื่องของตัวเองให้จบดีกว่าจะได้ไม่ค้างคา
ก็
พวกเราไปทำงานต่อกันได้ประมาณ 3-4 วัน
ช่วง 3-4 วันก่อนนี้ ช่วงเลิกงานฝนมันตก แล้วเราลื่นตกบันไดหน้าออฟฟิศ แต่ไม่ได้ไปโรงพยาบาล
เจ็บสีข้างกับหัวเพราะมีการกระแทกกับพื้นและบันได
แถมลุกไม่ได้อยู่สักพัก ต้องมีคนฉุดขึ้นมาถึงจะลุกขึ้นยืนได้ และเดินได้
เราก็เบิกเงินค่ารถไปหาหมอเพราะมีอาการมึนหัวมาสักพักแล้วแต่กินยาแก้ปวดแล้วอาการไม่ดีขึ้น
เลยอยากไปให้หมอตรวจเพิ่ม
ในขณะที่อยู่ในระหว่างการรักษา และคิดว่าจะทำ CT-SCAN หรือไม่อย่างไร
นายๆ เบื้องบน หลังจากที่เจรจากับลูกค้าพี่เอส ก็เจรจาได้ความว่า จะถอนเงินคืนให้ลูกค้าพี่เอส + ยุบทีมไทย
แลกกับไม่เอาเรื่องพวกเรา เพราะปัญหาดราม่าเยอะเหลือเกิน ดูจะเกินการควบคุม
พี่เอสเอาแต่อยู่ในห้องเพราะกลัวมีคนสะกดรอยตาม
พอมีคำสั่งมาว่าแบบนี้ ก็ต้องโอนงานให้กับ "ทีมใหม่ ที่กทม"
ที่จะมารับช่วงต่อจากเรา นั่นหมายความว่ามันไม่ได้มีการยุบทีมกันจริงๆ
เก็บของที่โต๊ะ ของตัวเอง ร่ำลาให้เรียบร้อย
เพราะพวกเราพ้นสภาพจากการเป็นพนักงาน
ไม่ให้มาทำงานที่ออฟฟิศอีก และก็ให้อยู่ที่ห้องที่คอนโด
ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็คือ เรื่องการรักษาพยาบาลก็ไม่สามารถเบิกอะไรได้อีกแล้ว ประคองอาการต่อไป
โชคดีที่ว่า ทางบริษัทจะออกเงินค่าตั๋วเครื่องบินและค่ากักตัวให้ทั้งหมด
เพราะเป็นคนที่พาเรามาก็ต้องเป็นคนพาไปส่งคืนที่เดิม หรือไปที่อื่นในฟิลิปปินส์ถ้าต้องการ
ตอนนั้นแอบคิดเหมือนกันว่าจะหางานใหม่
เลยแอบเข้าเว็บหางานทำที่โน่น หางานตำแหน่งที่ใช้ภาษาไทยได้
แต่ก็แอบหายากนะที่เป็นสายขาวแบบขาวจริงๆไม่ใช่ออฟฟิศ casino เพราะเงื่อนไขคือ
1. ต้องมีที่พักเป็นหลักแหล่ง แต่เราในตอนนั้นคือยังไม่มี
2. วีซ่าที่ใช้เป็นวีซ่าท่องเที่ยวหรือวีซ่านักเรียน ซึ่งเราก็ไม่ใช่ทั้งคู่
จบปิ้ง กลับไทยเถอะ
แต่ก็เจอว่า มีปัญหายันเรื่องจองตั๋วเครื่องบิน เพราะให้ทาง agency จองตั๋วให้ ซื้อแล้วไม่รับคืนด้วย
ขาข้ามเกาะจาก CEBU ไปมะนิลา ได้น้ำหนักคนละ 40+20 กิโล
แต่ตั๋ว มะนิลาไปกทม ได้ 40 กิโล ทั้งที่เราดูกันหมดแล้วว่าถ้าจองด้วยวิธีของเราจะได้ 40+20 กิโลเหมือนกัน
แล้วไม่เข้าใจเรื่องการกักตัวที่ไทยที่ต้องจองโรงแรมที่มีมาตรฐานโรงพยาบาล
พวก SHA+ อะไรพวกนี้ ตอนนั้นกักตัว 10 วัน ดีที่เราไม่ได้ให้ทาง agency จองให้
ไม่งั้นคงวายป่วงกว่านี้
ก่อนกลับก็หาที่ไปตรวจ RT-PCR ให้เรียบร้อย 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
ซึ่งก็ด่วน เงินที่ใช้ตรวจโควิดเรายังคิดแล้วคิดอีกว่าจะใช้แบบไหน
แบบรอผลด่วนหรือจะเอาผลแบบจวนเจียน
ช่วงนั้นเงินที่หามาได้ หมดเกลี้ยงเลย เกลี้ยงจริงๆ
ทุกคนกลับหมด ยกเว้นพี่เอส
นางว่านางกลัวมีคนมาดักจับนางที่สนามบิน
เพราะนางบอกว่ามีรายชื่อทุกคนเป็น blacklist อยู่ที่ ตม. นะ กลับไทยไป โดนแน่
เอาเข้าจริงพวกเราก็กลัว แต่พวกเราไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
ถึงวันกลับพวกเราลุ้นกันทุกคน ว่าถ้าโดนจับจะตอบว่ายังไง จะเล่าว่ายังไงบ้าง
วินาทีที่ถึง ตม. แต่ละจุด ตรวจพาสปอร์ตนานๆ นะ คือลุ้นมากว่าเขาจะถามอะไร
ที่ที่นานที่สุด พบว่าเป็นด่านที่ฟิลิปปินส์ (มะนิลาไปกทม)
เหตุผลที่นาน เพราะเค้าเช็คใบเสร็จการต่ออายุวีซ่า เราต่ออายุกันบ่อยมากหลังจากที่วีซ่าหมด
พอถึงด่านไทย
ไอ้สิ่งที่เราลุ้นเราเตรียมมาในใจนะเต็มหัวไปหมดเลย
ยื่นพาสปอร์ต
"สแกนนิ้ว"
"ถอดหน้ากาก, แว่นตา"
"ใส่คืน"
จนท สแตมป์ ปึ้ง
"ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ"
โอยความรู้สึกต่างๆ นานา
มันพรั่งพรูมันมาจากไหนเต็มไปหมด!!
ตั้งแต่
ดีใจ ดีใจจริงๆ นะ
อ้าว พี่เอสหลอกนี่นา
เฮ้ยรอดแล้ว เย้ๆๆๆๆ
ต่อไปชั้นจะไม่กลับไปทำอะไรแบบนั้นอีก
แต่ออกอาการไม่ได้
พอเจอเพื่อนอีกที เราคุยกันในรถตู้ก่อนถึงที่กักตัว
คิดเหมือนกันว่า พี่เอสหลอกเราทำไมหว่า
และนาย N กะน้องอิ๊ง ก็มีความคิดที่ว่า ไม่อยากคุยกะพี่เอสต่อแล้วเพราะ
เขาทำให้เดือดร้อน ทำให้ตกงาน ทำให้ทีมถูกยุบ
การกระทำทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่าย
ระหว่างตกงาน พักร่างไปเดือนนึงค่ะ
ลงมือหางานทำจริงๆ จังๆ แต่ก็ไม่ผ่านสัมภาษณ์เลย
สวดมนต์ทุกวัน เพราะรู้สึกว่าแต้มบุญตัวเองต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก
เวลาเกาะสามีกินแรกๆ ก็รู้สึกดี
แต่พอนานๆ ไปมันรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้
การทำงานสายเทาที่เสียเวลาไปประมาณปีนึงอันนี้
ไม่สามารถเอามาใส่ใน Resume ได้เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศสารขันฑ์
ตอนนั้นไม่รู้ ก็เอามาใส่
แล้วตอนสัมภาษณ์งาน ทาง MD บ.ในเครือ Toyota Tsusho ถามเรื่องออฟฟิศนี้ค่ะ
คุยกันยาวเลย เป็นเรื่องของคุณธรรมจริยธรรมของวิชาชีพค่ะ
ก็อธิบายไป ไอ้เรารึก็อยากลืม แต่ก็ต้องเล่าเพราะเขาถามมา ก็เล่าตามจริงไป
ทีนี้เขาเสนอตำแหน่งงานมาให้ซึ่งไม่ตรงกับสายงานเราเลย เป็น System Analyst
แต่เราต้องทำแล้วเพราะตกงานมา 3 เดือน ไม่มีเงินจ่ายค่าคอนโดแล้วค่ะ
ก็คือ ทำไปได้ประมาณ ปีครึ่ง ก็บ้ายบายเพราะว่า
ออฟฟิศอยู่หลักสี่ ไกลมากๆ มีปัญหาเรื่องการนอน
+ เจองานที่ไม่ถนัดและไม่ส่งไปเรียน
+ เบื้องบนไม่หาคนช่วยค่ะ
ตอนอยู่ที่นั่นก็ได้สกิลเรื่องการเข้าหาคน conservative เพิ่มมาอีกหน่อย
พอสมัครงานรอบหลังๆ
เลยตัด บ. ที่ไม่เกี่ยวกะตำแหน่งที่จะสมัครออกไปจาก resume เลย
ไม่สนใจละว่าเวลามันจะหายไปนานแค่ไหน
ประจวบเหมาะกับทาง LPP (ชื่อเก่า LPN)
มาขอสัมภาษณ์ให้ไปร่วมงานด้วย ตอนนั้นจำได้ว่า
สัมภาษณ์แบบคุยเล่นๆ ด้วยซ้ำ
เพราะตำแหน่งที่เสนอมาให้เรา
เป็นตำแหน่งที่สูงในความคิดของเรานะ (senior programmer)
คือไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถทำได้
บอกตามตรงเลยว่าไม่เคยคุมคนมาก่อน
ไม่มั่นใจ อะไรที่เราไม่รู้ก็บอกตรง ๆ เลยว่าไม่รู้
แถมบอกเขาซะด้วยซ้ำว่าถ้าเกิดคิดว่าทำได้ก็ลองดูค่ะ
แอบทำใจซะด้วยซ้ำ ว่าเขาจะเท
เพราะสัมภาษณ์ไป 2 อาทิตย์โน่นกว่าจะติดต่อกลับมา
ปล. LPP property management
เป็น บ. ทำระบบ facility ให้กับคอนโดโครงการ LPN ,
คอนโดโครงการอื่นๆ, โรงพยาบาลชั้นนำ เช่น โรงพยาบาลวิมุต
กำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ เตรียมซื้อหุ้นได้นะคะ