ปลดล็อกอีกหนึ่งขั้นละครับ วันนี้ได้คุยกับเจ้านายเรื่องลาออกแล้ว หลังจากได้รับเอกสารสัญญาจากบริษัทใหม่
ตอนเย็น ส่งข้อความไป บอกว่ามีเรื่องสำคัญอยากคุยด้วย อยากพูดต่อหน้า สะดวกมั้ย ไปเจอที่คอนโดก็ได้
พอเขาอ่านก็โทรกลับมาเลย ผมก็ถามว่าสะดวกเจอกันมั้ย เขาบอกมีอะไร ว่ามาเลย
ผมก็แบบ โอเค บอกก่อนนะ ว่านี่มันไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัท ไม่เกี่ยวกับเงิน ไม่เกี่ยวกับอะไรทั้งนั้น เป็นการตัดสินใจของผมเอง... แล้วก็ถามเขาว่า เคยคิดบ้างมั้ยว่าวันนึงผมจะลาออก
เขาก็แบบ โอเค พูดตรงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดใจ วันนึงมันคงต้องเป็นแบบนี้ ไม่มีอะไรจะอยู่ตลอดไป ไม่มีใครจะอยู่ที่เดิมตลอด
เขาก็บอกว่า จริงๆ ตั้งแต่ยูแต่งงาน ยูก็เปลี่ยนไปนะ ผมก็ถามว่าในทางที่ไม่ดีเหรอ? เขาก็บอกว่า ไม่หรอก พูดไม่ได้ว่าดี หรือไม่ดี แต่ไม่ใช่แบบที่เขารู้จักเมื่อ 7 ปีก่อน ไม่ต้องคิดมากเรื่องธรรมดา คนเรามันเปลี่ยนมุมมองชีวิตกันได้ ถ้ายูคิดว่ามันดี ก็ทำเถอะ
ผมก็ถามว่า นี่ทำให้ยูผิดหวังรึเปล่า รู้มั้ยว่าเรื่องนี้ ทั้งพ่อแม่ ทั้งเมีย เป็นห่วงความรู้สึกยูนะ
เขาบอกเฮ้ยโอเค เรารู้จักกันมานานนะ เขาไม่อยากจะเป็นคนแบบที่เฮ้ย ยูทำแบบนี้ไม่ได้นะ ก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แค่เรื่องงานมันต่างไปจากเดิมเท่านั้น
เขาก็บ่นเสียดายเรื่องโปรเจ็คที่กำลังพยายามให้เกิด ที่เขาพยายามดีลกับ บ.เหล็กรายใหญ่ เรื่องบ้านโมดูลาร์ ซึ่งผมรู้เรื่องพวกนี้เรียกว่าพอๆ กับเขาเลย
ผมก็บอกว่าเห้ย ไม่สิ จะให้ช่วยอะไรบอกเลย ยินดีมากๆ เขาก็ว่าดีๆๆ ขอบใจ
บอกเขาด้วยว่า จริงๆ ไม่อยากคุยเรื่องนี้ทางโทรศัพท์หรอก มันไม่ดี มันเหมือนไปบอกเลิกกับแฟนทางโทรศัพท์ ด้วยเหตุผลว่าไปเจอคนใหม่ เขาก็หัวเราะ
จนถึงตอนนี้เขายังสอนอีกอะ ว่า ยูไปอยู่องค์กรใหญ่ๆ ระวังเรื่องความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ให้ดีนะ เขาอาจจะไม่ได้อยู่กันแบบพี่น้องแบบเรานะ เกิดมีใครไม่ชอบยู เขาอาจใช้เรื่องพวกนี้เล่นงานยูได้นะ
เขายังบอกอีกว่า ถ้าไปอยู่ที่นั่นแล้วไม่แฮปปี้ หรือคิดว่าไม่ใช่อย่างที่คิด โทรหาเขาได้ตลอดนะ ยินดีต้อนรับเสมอ
เชี่ยยยยย จะร้องไห้ พูดเลย
วางหูไปเขาก็ส่งข้อความมา..

จบ...