มาเจิมรับ 2017 ค่ะ
งานตอนนี้ทำงานเงินอยู่ 3 ประเภท อธิบายชาวบ้านยากมากว่ากำลังทำอาชีพอะไรอยู่
- โปรดักชันทั้งหลาย จากต้นปีที่ทำเองเป็นส่วนใหญ่ ช่วงหลังๆเริ่มหาคนมาเป็นทีมได้แล้ว เย้ๆ \
/
- เขียนเชิงวิจัย ชอบงานแนวนี้มากกกก
รู้สึกว่าทำได้ตลอดเวลา ไม่ต้องบิ้วอารมณ์เลย แต่ยังรู้อะไรในวงการนี้ไม่มาก ต้องฝึกอีกเยอะ
- เป็นวิทยากรเวลามีค่ายหนัง ค่ายทำสื่อ ที่พูดถึงเนื้อหาทางสังคม อันนี้ก็จ้อบเล็กจ้อบน้อยแต่รู้สึกมีคุณค่าดี ได้ฝึกทักษะการอบรม/สอน
งานอดิเรกก็คือทำเกม Coconut Empire จากที่กราฟขึ้นๆลงๆมาปีครึ่ง
ตอนนี้น่าจะเป็นเทิร์นขาขึ้นแล้ว ไม่ได้เห็นความฝันเป็นความมโนแล้วอะ มันจริงขึ้น ตื่นเต้น
เงิน- หลังจากขายหุ้นเน่าตังก็หายไป 8 หมื่น เลิกแล้วเล่นหุ้น ยังไม่พร้อมกับการลงทุนแบบนี้ (คือมันต้องขยันศึกษา ติดตามข่าวสารต่อเนื่อง ซึ่งไลฟ์สไตล์ยังไม่เอื้ออำนวย) แต่ก็ทำให้กล้าทำอะไรมากขึ้น เพราะรู้สึกว่า จ่ายตังจ้างคนมาทำความฝันให้เป็นจริงยังถูกกว่าเสียหุ้น
- เป็นปีที่ ได้เยอะ จ่ายเยอะ เที่ยวประมาณ 11 ทริป
เงินหยอดกระปุกรวมที่ที่บ้านยืมไปเหลืออยู่แถวๆ 400k (ไม่เยอะนะคะถ้าเป็นฟรีแล้น ไม่มีอสังหาด้วย หมดแล้วก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากเรี่ยวแรง)
เริ่มคุมสติได้มากขึ้น ปรับแนวคิดทางการเงินให้ตรงกับโลกมนุษย์ได้มากขึ้น
จากที่จะเห็นนานาเครียดๆ เรื่องที่บ้านยืมตังนั่นนี่ พอทำใจได้ก็เห็นว่าที่เป็นทุกข์เพราะเรื่องใจมากกว่า
คือเรากังวลเพราะชีวิตเราไม่แน่นอน ตัวเองไม่แน่นอนคนเดียวอะเอาอยู่ แต่ไม่แน่นอนหลายคนมันก็หวั่นไหว
ปีหน้าเลยเริ่มคิดว่าจะต้องทำกิจการเพื่อหารายได้ประจำโดยที่ยังทำอะไรที่อยากทำได้อยู่ อ่านในหมวดถัดไปโลด
ความหวังหลักๆก็จะทำงานที่อยากทำต่อ (เขียนเชิงวิจัย, สอน, ทดลองทำนั่นนี่) แต่จะปรับงานโปรดักชันเป็นโปรดักชันเฮาส์
ปรับเพราะ เริ่มจับทางได้ว่าคนที่มาจ้างเราทำงานและจ้างซ้ำหลายๆครั้งเป็นคนประเภทไหน
เป็นลูกค้าแนวที่หา Suplier ที่เข้าใจเค้าจริงๆได้ยาก คือถ้าเขาไปจ้างคนอื่น อาจจะเป็นลูกค้าผู้น่ารัก
พวกนี้มาอยู่กับเราเขาแฮปปี้และน่ารักมากกกกกก ซึ่งคงมีแบบนี้อีกเยอะ
คงไม่ได้เป็น บ ใหญ่โตอะไร มีทีมประจำเพิ่ม 2-3 คน
ช่วงแรกไม่ต้องลงทุนเป็นเงินด้วย ขยันหางานกะทำระบบงานให้ดีๆก็พอ
ถ้าได้งานประจำเดือนละ 4 เจ้า นานาก็จะไม่เครียดเรื่องตังทางบ้านแล้วล่ะ ขอมาเหอะ เอาไปเล๊ยย \
/
แล้วก็ปีหน้า น่าจะได้ฤกษ์ขายเกมซะที ขายในไทยได้สัก 30 กล่องก็ดีใจแย่ละ
ถ้าได้ลง Kickstarter ก็จะลุ้นๆ อยากให้ได้สักแสนนึง (ไว้คืนทุนหุ้น
)
ที่หวังจริงๆ กับงานนี้คือขายองค์ความรู้ที่ได้จากการทำเกมมากกว่า
แบบ เขียนหนังสือได้เป็นเล่ม แล้วก็ต่อยอดทางวิชาการได้
ที่ผ่านมาเห็นปัญหาด้วยว่า อาจารย์ที่มหาลัย ชอบเอาวิธีคิดแบบแก้ปัญหามาตั้งต้น
งานสื่อบางประเภทที่ควรจะออกมาสนุก เลยออกมาเป็นสื่อสั่งสอนคนหมดเลย
เขาไม่เคยออกแบบด้วย Track อื่นไง เด็กที่จะทำอะไรจากแรงบันดาลใจต้องงมเองใหม่หมด
ทั้งๆที่ MIT ทำเป็นหลักสูตรได้ตั้งนานแล้ว (นานาก็เรียนมาจากคอร์สออนไลน์ของ MITx)
งานสอนเรื่องนี้น่าจะบูมในอีกปีสองปี เพราะมันเป็นวิธีคิดที่รับกับ 4.0 พอดี
อนาคตเอาจริงอยู่ในจุดที่คิดว่า ถ้าไม่เจ็บป่วยหรือสูญสิ้นอิสรภาพ ก็คงไม่อดตายอะ ทางหนีทีไล่โคดเยอะกลัวไร
วันไหนที่อยากมีชีวิตนิ่งๆ เป็นอาจารย์ก็น่าจะเป็นได้เพราะจะเป็นอย่างจริงจัง สอน + วิชาการ คืองานที่โคตรมีความสุข
อยากเป็นศิลปิน ก็แค่กลับมาอยู่เชียงใหม่ มีบ้านที่ไม่ต้องเช่า มีคนทำกับข้าวให้กิน มีรายจ่ายที่ถูกมาก และมีเพื่อนที่สนิทมากๆตั้งหลายคน
พอมาคิดแบบนี้ก็ต้องคิดว่า ทุกๆอย่างที่เรามี มันก็ไม่ได้เกิดจากเราคนเดียว 100%
ต้องขอบคุณครอบครัวเหมือนกันที่ให้ต้นทุนชีวิตมาเยอะ วันที่ต้นทุนหมดเราก็ยังไปต่อได้
หรือเวลาได้คุยกับเพื่อน เราก็รู้สึกว่าทุกคนมีปัญหาเหมือนกันหมด
บางบ้านพ่อแม่มีหนี้ยี่สิบล้าน (ยังหมุนได้ ไม่ล้มละลาย) ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ได้สบายดี
เออ ชีวิตกูก็ดี๊ดีนี่หว่า ที่ยังเป็นทุกข์เพราะคิดว่าทำได้มากกว่านี้ล่ะมั้ง
แล้วก็เป็นทุกข์เพราะยังไปไม่ถึงที่ที่อยากไปมากกว่า แต่ก็ยินดีเป็นทุกข์นะ ถ้าทุกข์แล้วได้ไปต่ออะ
แบบไม่เพ้อเจ้อ :
ถ้าทำเฮาส์ จังหวะชีวิตคงเปลี่ยน ต้องรับผิดชอบอะไรๆ เยอะขึ้น
น่าจะเป็นเรื่องที่เรากลัวที่สุดละ คือกลัวสูญเสียความสบาย
แต่ก็หวังว่าสิ่งที่ทำจะนำมาซึ่งความสบายรูปแบบใหม่น่ะนะ
แฮปปี้นิวเยียร์ค่า \
/