หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 9 10 11 12 ... 29
 
ผู้เขียน หัวข้อ: โรงเรียนในอุดมคติ  (อ่าน 234237 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
แล้วจะรู้ได้ไงล่ะว่าที่เค้ากำเงินเหนือชีวิตน่ะ เค้าไม่ได้ต้องการเอง

ไอ้ที่ไม่ต้องคิดมากนี่คือ คิดแทนคนอื่นครับ

ส่วนตัวเองก็ความคิดใครความคิดมัน ทำอะไรมีความสุขก็ทำไป

สำหรับผมมันไม่ใช่การมีเงินเยอะๆเหมือนกันครับ



/อีกที ที่บอกว่าไม่ต้องคิดมากนี่คือไม่ต้องคิดมากแทนคนอื่นครัย ที่เถียงๆกันอยู่นี่ก็คือเรื่องของครอบครัวเค้าไง เค้ายังไม่รู้จักคิดเองเลย
บันทึกการเข้า

?


ผมอ่านแล้วเข้าใจว่า ประเด็นอยู่ที่ ระบบการศึกษา
หรือผมเข้าใจผิด เรากำลังพูดถึงครอบครัวใครกันอยู่เหรอครับ  งง
บันทึกการเข้า

บล็อกในมุมมืด
because we always.....expecting
คนเราต้องการอะไรในชีวิต มันมาจากการตัวเองนี่แหล่ะ
แต่ตัวเองที่ว่ามันเกิดจากการหล่อหลอม ของสังคม ครอบครัว
และโรงเรียน หรือสังคมที่ล้มเหลวอยู่นี่แหล่ะ ที่มันก่อให้เกิด
วัตถุนิยม เงินนิยมกันอยู่ทุกวันนี้

สังคมเราคงไม่ได้แค่คิดว่า มีเงินแล้วมีความสุขเฉยๆ หรอกครับ
เรากำเงินเหนือชีวิตกันอยู่ครับ

ก็การศึกษาไม่ได้เกิดจากการเลือกของพ่อแม่ให้กับลูกๆรึไงเล่า  ชิ
บันทึกการเข้า



เพราะพ่อแม่ได้รับการศึกษามาอีกทีไงครับ
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
แหม่...

ผลผลิตจากการศึกษาล้มเหลวมันเป็นแบบนี้นี่เอง อืมมมมห์
บันทึกการเข้า

บล็อกในมุมมืด
because we always.....expecting


เราเป็นผลิตผลที่สมบูรณ์นะครับ











จากระบบการศึกาาที่ล้มเหลว  อืมมมมห์
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
ถ้าผมเป็นผลผลิตจากการศึกษาที่ล้มเหลว ผมไม่มาไกลขนาดนี้หรอกครับ
ผมโดนใส่ร้าย.... กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

บล็อกในมุมมืด
because we always.....expecting
ถ้าผมเป็นผลผลิตจากการศึกษาที่ล้มเหลว ผมไม่มาไกลขนาดนี้หรอกครับ
ผมโดนใส่ร้าย.... กรี๊ดดดดด

ขี้โกง หนีไปเรียนที่ญี่ปุ่น  ชิ


แน่จริงกลับมาไทยเด้  เกย์ออก
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย

 

 
 อืมมมมห์ เป๋ ไปเรื่อยนะ ฮ่าๆ
ตลกดี
 
 
อ่านไปอ่านมาแล้วรู้สึกว่า กลายเป็น "ตลกร้าย" ยังไงก็ไม่รู้
 
 
 ปลื้ม พูดถึงโรงเรียนในอุดมคติ ดีกว่า
โรงเรียนเจ๋งดีนะคะ ถ้าประเทศเรามีโรงเรียนแบบนี้เยอะๆ
ประเทศเราคงดี ดีขึ้นแน่ๆ
 
 

ปล. น้องเต่า ความคิดไม่เหมือนเด็กมัธยมเลยนะคะ
อ่านยังไงก็ไม่เหมือนเด็กมัธยม
เด็กเดี๋ยวนี้ความคิดเป็นผู้ใหญ่ไวดีนะ

แสดงว่า "ผลผลิตที่สมบูรณ์ของระบบการศึกษาที่ล้มเหลว" ก็ใช้ไม่ได้กับทุกคนน่ะสิ
เพราะมีคนคิดต่างแบบนี้

 
 
ปล.2 ฟ้าเองเป็น  "ผลผลิตที่สมบูรณ์ของระบบการศึกษาที่ล้มเหลว"  เต็มๆ เลยนะ
ฝืนใจเรียนตั้งแต่ มัธยมแล้ว ถามตัวเองตลอดเลยว่า "นี่เราไปโรงเรียนทำไม เราอยากรู้เรื่องที่เราต้องไปเรียนทุกวันนี่จริงๆเหรอ?"

 
มีใครเคยคิดแบบนี้ไหมคะ?
บันทึกการเข้า

ความหลงใหลในภาพลวงตา ที่ได้มาใช่ความสุข
กว่าจะคิดเรื่องอะไรแบบนี้ได้ ตูก็ผ่านปีหนึ่งไปแล้วครึ่งปี
ประเทศไทยเลยเสียงบประมาณไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้
เพื่อพยายามหลอมให้นักศึกษาคนหนึ่งจบมาเป็นสถาปนิก
แต่มันไม่อยากเป็นโดยเด็ดขาด ตั้งแต่รู้ว่ามันไม่เอาทางนี้แน่แล้ว
แล้วนักศึกษาคนนั้นก็จบมาเป็นทหาร เจ๋ง

บอกเล่าไปล้านรอบแล้ว ว่าตัวตูเองคงไม่คิดจะต่อโทหรือต่อเอกโดยเด็ดขาด
ศรัทธาในระบบการศึกษาแบบบ้านเรามันหมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ไอ้ครั้นจะไปเรียนเมืองนอกเมืองนามันก็ไม่ใช่วิถีของเรา (แปลเป็นไทยว่าไม่มีตังค์)
เลยตั้งใจไว้ว่าเรียนรู้จากประสบการณ์ดีกว่า มันตรงตัวกว่าเยอะเลย

แล้ววันที่ 1 มีนาคม 2551 ตูก็เพิ่งมารู้นี่แหละครับ
ว่าไอ้สิ่งที่เราเป็นอยู่นี่ เด็กอนุบาลสมัยนี้เขาก็เป็นอยู่เหมือนกัน กร๊าก

ฮ่วย กระจู๋นี้เป็นหนึ่งในไม่กี่จู๋ ที่กดเข้ามาแล้วต้องกด "เดี๋ยวค่อยมาอ่าน"
ไม่งั้นก็คงยาว งานไม่เสร็จแน่ๆ -- นี่เพิ่งเสร็จเลยมานั่งดู แล้วก็เสียเวลาจริงๆ ด้วยครับ

เรื่องหลักวิธีคิดของโรงเรียนนี้ มันน่าตื่นตาตื่นใจมาก
ดูคลิปนั้นไปก็พลันนึกถึงระบบอุตสาหกรรมการศึกษาของเรา
ที่มีโรงงานใหญ่ๆ หลายๆ โรง แข่งกันผลิตคนออกมา ปั๊มๆๆๆ ปึงปังๆ
แล้วก็เอากำไรจากการขายคนเหล่านั้นมาหล่อเลี้ยง
เพื่อเพิ่มผลประกอบการและขยายสาขาโรงงานตัวเอง

พอเจอไอ้อะไรแบบนี้
มันเหมือนเราเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนแบบหัตถกรรม..มาแนวแฮนด์เมดเลยเว้ย
ใครอ่านจู๋นี้มาจนถึงตรงนี้แล้วก็คงปรับเกลี่ยความคิดจนคล้ายกันแล้วนะครับ
จะได้ไม่ต้องสาธยายให้มันซ้ำอีก

แต่ที่เป็นคำถามค้างคายังไม่ได้รับคำตอบก็คือ
แล้วเด็กที่จบจากที่นี่มาเนี่ย มันจะไปต่อในระบบมหาลัยได้เหรอ
มันจะไปอยู่ในสังคมที่มีแต่บริษัท ที่รับสมัครงานโดยเลือกเอาจากวุฒิได้เหรอ
ถ้าเกิดได้ทำงานขึ้นมาจริงๆ มันจะคุยกะเพื่อนร่วมงานรู้เรื่องสักกี่เรื่องกันเหรอ
หรือเวลาเขาพูดกันเรื่องเด็กคณะนั้นนุ่งกระโปรงสั้น
ใส่เสื้อร่องดุมกว้างโชว์นมขาวจั๊วะ มันจะเก็ตเหรอ

แล้วก็พาลให้นึกถึงวงการคอมพิวเตอร์ครับ แม้เป็นอุปมาที่ออกจะไกลตัวไปหน่อย
แต่เหลือเชื่อที่แนวคิดมันสอดคล้องกันกับระบบการศึกษาเลยนะครับ
ผิดกันที่คอมพิวเตอร์มันเถียงไม่ได้ มันเกรียนไม่ได้
และมันไม่ใช่มนุษย์ผู้เปี่ยมไปด้วยข้อแม้ พอแตะหน่อยร้องแอ๊ แตะอีกก็ร้องแอ๊

คือก่อนหน้านี้เรามีแต่วินโดวส์กันครับ
ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ระดับสามัญชนในโลก ร้อยละร้อยใช้วินโดวส์ (ร้อยละแปดสิบนั้นเถื่อน)
เราไม่ได้สนใจอะไร เพราะมันดีอยู่แล้ว ถึงมันจะมีปัญหาส้นตีนสารพัดอย่างที่รู้ๆ กัน
คือเราเกิดมากับมัน เรียนรู้มัน โรงเรียนก็สอนเพาเวอร์พอยต์ กับโฟโต้ช็อปเป็นข้อบังคับ
เราก็ไม่เห็นว่ามันจะแปลกอะไำร แต่ปากก็พร่ำบ่นถึงความห่วยของระบบ มิเว้นวาย

จนวันหนึ่งมีลินุกซ์คลอดออกมา แล้วโลกก็เปลี่ยนไป
เราได้รู้ว่าตอนนี้มันมีอีกหลากหลายแมริกซ์ ที่เป็นคู่ขนานกับระบบที่เราสัมผัสอยู่
แล้วมันก็ดันปฏิวัติความมีอยู่ของระบบที่มี ที่ฝังรากลึกสุดหยั่งและเหิมเกริมมาโดยตลอด
ในหลายวงการ ในหลายประเทศ เริ่มแก้ปัญหาสารพัดสารพันด้วยการหันไปฝั่งโอเพนซอร์ส
บางประเทศตั้งลินุกซ์เป็นโอเอสแห่งชาติ และระดมนักพัฒนาหัวก้าวหน้ามาเล่นกะมันจริงจัง
ทำให้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ ที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดปัญหาหนึ่งของโลกซอฟต์แวร์เริ่มหดลง

แต่ในบางประเทศ ที่บักอุ้ยบอกว่าเราเพิ่งอยู่ที่บันไดขั้นแรกตา่มทฤษฎีบันไดห้าขั้นของมาสโลว์
ในวงการการศึกษาและวงการไอทีระดับผู้กำหนดนโยบาย ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเรื่องแบบนี้
เรายังอยู่กับวินโดวส์ XP แบบเถื่อน (แก้ WGA เรียบร้อย) โดยไม่ได้สนใจว่ามันจะผิด
เพราะคำว่าผิดยังไม่อยู่ในพจนานุกรมที่วางไว้ตรงขอบๆ บันไดขั้นแรกที่ว่านั่นสักหน่อย

แน่นอนว่าตูเองก็เป็นหนึ่งในผลผลิตที่สมบูรณ์ ของระบบการศึกษาที่ล้มเหลวด้วยเหมือนกัน

แต่กลุ่มฮีโร่กลุ่มเล็กๆ กลุ่มนั้นช่างน่าทึ่ง
เขาค้นพบประตูออกจากแมทริกซ์ และบอกใครๆ ว่าเฮ้ย
ไอ้โลกที่เราอยู่กันเนี่ย แม่งเละจนเกือบจะต้องฟอร์แมตกันใหม่แล้วนะเว้ย
มาสิ มากินยาเม็ดสามสี (แล้วยื่นโลโก้ของโรงเรียนมาให้ดู) แล้วมุ่งสู่โคชิเอ็งด้วยกัน!

ป.ล.
พี่เลย์เอามาโพสต์ที่นี่ก็เหมือนเป็นมอร์เฟียสเลยนะครับ

ป.อ.
ตกลง ค่าเทอมแพงไหมครับ
แล้วเราจะเห็นข้อมูลเกี่ยวกับบทสนทนาในห้องเรียนได้จากที่ไหนดี
บอกตรงๆ ว่าดูคลิปแล้ว กูเกิ้ลบก็แล้ว ก็ยังจินตนาการไม่ออกเลย
เพราะตูยังอยู่ในโลกแมทริกซ์อยู่
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ


ถ้าเหมือนกับโรงเรียนของหนูดีละก็ โรงดรียนแฮนด์เมดโคตรแพงเลยครับ  ฮือๆ~

ส่วนเต่าตอนนี้ยังคิดแบบนี้ ดีครับ อย่าโดนเบ้าหลอม ออกมาเป็นเครื่องถ่ายเอกสารนะครับ

ปรินท์ชี๊ต ออกมาตามที่อาจารย์บอกไปเดะๆ

ตอบตามที่อาจารย์บอกไปเดะๆ


แต่ตอบไม่ตรงอาจารย์ไม่ให้คะแนนนะเออ  ฮี่...
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
เอออยากบ่นอีกเรื่องน่ะครับ(ขอเป๋)
เรื่องโรงเรียนขายเฟรนไชน์นี่แหละเบื่อทีุ่สุด

อย่าง ศึกษานารี2 สตรีวิทย์2(สังเกตุได้ว่าจะพูดถึงแต่โรเรียนผู้หญิง กร๊าก)

แต่เดี๋ยวก่อนอันนั้นมันยังไม่เท่าไหร่ เพราะ มันก็คือโรงเรียนไปเปิดสาขาเพิ่ม



แต่ีที่ไม่ชอบใจเลย คือ ประมาณว่า เตรียมอุดมภาคเหนือ(พิษณุโลกครับ) เตรียมอุดม เสร็จแล้วก็มี เตรียมน้อม เตรียมพัฒ แล้วก็ยังมีเตรียมน้อมไปเปิดสาขาย่อยของตัวเองอีก

ล่าสุดจังหวัดผมไปเอาเฟรนไชน์ของ เตรียมน้อมมาได้ไงไม่่รู้ครับ

ท้าวความ
จังหวัดผม มีโรงเรียนใหญ่ๆก็คือ โรงเรียนอุตรดิตถ์(โรงเรียนชาย) โรงเรียนอุตรดิตถ์ดรุณี(โรงเรียนหญิง)

ล่าสุด คือ โรงเรียนอุตรดิตถ์วิทยากลายเป็น เตรียมอุดมน้อมเกล้า อุตรดิตถ์วิทยา ไปแล้ว


คือผมก็ไม่เข้าใจวว่าทำไปเพื่ออะไรเหมือนกันครับ(ที่จริงก็เข้าใจว่าทำเพื่อเรียกเด็กที่อยากติดพระเกี้ยว)
แต่ทำแบบนี้ เดี๋ยวอีกหน่อยเมืองไทยมันจะไม่มีแต่ชื่อโรงเรียนใหญ่ๆ นำหน้าเหรอครับ?? อยากให้ชาตินิยมกันมากกว่านี้จัง
บันทึกการเข้า

ผมนึกถึงมหาลัยของรพินทรนารถ ฐากูร
รพินทรนารถ ฐากูร คือมหากวีอินเดียเป็นคนเอเชียคนแรก
ที่ได้รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ได้รับยศเซอร์จากราชินีอังกฤษ
(แต่ภายหลังถอดยศประท้วง)เหมือนตัวแทนในเชิงศิลปะวัฒนธรรม
ของอินเดียคู่กับคานธี ที่เป็นตัวแทนทางการเมืองและจิตวิญญาน

เรื่องของเรื่องคือ ผมชอบกลอนของแกมาก ตอนมัธยมนี่คือถือท่องเลย
(ฟังดูกระแดะไงไม่รู้) ชอบมานานนม แล้วชอบวิธีคิด
วิธีวิจารณ์สังคม ทุกอย่างเลย เอาจริงๆในวิธีคิดทั้งหลายในโลก
แดริด้า ฟรอยด์ ห่าเหวอะไรพวกนี้ที่อ่านมาตลอดชีวิต
คานธีกับฐากูรนี่แหละ ที่ยึดพื้นที่สมองผมไปเยอะสุด

เรื่องระบบสังคมการศึกษาเนี่ย พอแกคิดได้ว่าทุกอย่างมันเริ่มมาจากการศึกษาสินะ
แกก็รวบรวมเงินส่วนตัวก่อตั้งโรงเรียนขึ้นแล้วชวนเด็กๆ
ให้มานั่งเรียนหนังสือร่วมกันบริเวณใต้ต้นสาละ
เรียกว่า"โรงเรียนใต้ร่มไม้" ศานตินิเกตัน(สถานที่แห่งสันติ)
เป็นโรงเรียนที่ให้อิสรภาพทางการศึกษาและนำพาเด็กๆ
หวนคืนสู่ธรรมชาติ ทำนองนั้น

วิธีคิดหลักของแกคือ โรงเรียนไม่ใช่โรงงาน
ไม่ใช่ที่ผลิตคนป้อนระบบการทำงาน แต่เป็นการยกระดับ
ความเป็นมนุษย์ให้สูงขึ้น ให้เข้าใจตนเอง เข้าใจโลก
ไปๆมาๆจากโรงเรียน ก็ได้รับการยกระดับเป็น มหาวิทยาลัย
ชื่อ วิศวภารตี หมายถึงสถานอันเป็นที่พักพิงแห่งโลก

ผมประทับใจเรื่องนี้มาก เข้าใจว่าคนที่คิดจะสร้าง
โรงเรียนในอุดมคติทุกท่าน ก็คงมีสถาบันนี้เป็นแรงบันดาลใจเหมือนกัน
เห็นเขาว่าเป็นต้นแบบโรงเรียนทางเลือกของโลกด้วยน่ะนะ
หาลิ้งเล่าละเอียดๆเจอละ ของมหาลัยเที่ยงคืน(ไอ้เที่ยงคืนนี่ก็ทางเลือกนะเนี่ย)
http://midnightuniv.org/midnight2545/document95254.html
ลองอ่านเล่นๆครับ ผมว่านี่คือต้นแบบของโลกเลย
หวังไว้เหมือนกันว่าสักวันคงมีโอกาสไป



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 มี.ค. 2008, 09:21 น. โดย เก้อ » บันทึกการเข้า

I ROCK , THEREFORE I AM
อ่านจู๋นี้สนุกมากๆ
แต่ไม่รู้จะตอบอะไรดี เพราะตัวเองก็เป็นผลผลิตที่สมบูรณ์จากการศึกษาที่ล้มเหลว  กร๊าก/


ตอนนี้ก็เรียนมัธยมฆ่าเวลาอยู่  เจ๋ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 มี.ค. 2008, 09:47 น. โดย สหายนานา » บันทึกการเข้า

ยิ้มน่ารัก น้องดำ
รู้สึกว่าโรงเรียนนี้เยี่ยมมาก ผอ.ก็ดีมาก กรี๊ดดดดด

แต่กลัวว่าเด็กจากโรงเรียนนี้จะไม่ได้การยอมรับจากสังคมน่าเกลียดๆอย่างประเทศไทยนี้  ง่ะ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 9 10 11 12 ... 29
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!