ออกทีวีครั้งแรก
ตอนเรียนอยู่มัธยมครับ ต้องไปออกรายการตอบปัญหาที่มีผู้สนับสนุนเป็นบริษัทการบินชื่อดังของไทยน่ะครับ
ที่ต้องส่งไปโรงเรียนละ2คนแล้วจะได้เลือกแต่ละหมวด ที่มีพิธีการเป็นคุณหม่อมฯหน่ะครับ
ตอนอาจารย์เรียกตัวไปให้ไปหากับเพื่อนอีกคนแล้วบอกว่า"เออเนี่ยครูว่าจะส่งเธอสองคนไป ตอบคำถามรายการนี้นะ"
ตอนนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลว่าทำไมถึงต้องเป็นผมนะครับ(เพราะเพื่อนอีกคนเก่งมากๆรอบรู้เด็กเรียน ส่วนผมนี่เด็กกิจกรรม)
ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วย แต่คงเป็นเพราะตอนนั้นต้องการคนที่ไปถ่วงดุลความเก่งเอาพวกที่มองโลกแปลกไปละมั้ง
(เรื่องหน้าตาไม่ต้องพูดถึงครับ..ดูดี
)หรืออาจเป็นเพราะเคยได้ไปตอบคำถามแนวนี้บ่อย ยังเคยได้ไปตอบคำถามของ อย.เพราะว่าที่บ้านเป็นร้านขายยาเลย
พออาจารย์บอกให้ไปออก เพื่อนก็ดูไม่ค่อยจะหวั่นๆอะไร(ฉลาดนี่)ส่วนผมก็ค่อนข้างพรั่นพรึง(กลัวโชว์โง่)
แต่หลังจากนั้นอาจารย์ก็หยิบคู่มือในการออกรายการมาให้ครับ
มันคือสิ่งที่ทำให้ผมพรั่นพรึงยิ่งกว่าการโชว์โง่ เพราะมันคือรายการของคำถามพร้อมคำตอบของหมวดต่างๆครับ รวมแล้วหนาเป็นร้อยหน้า
.
.
.
.
ผมอึ้งไปชั่ววูบ พร้อมกับคิดในใจว่า จริงๆแล้วใครก็ได้นี่หว่า
.
.
เอาครับสุดท้ายด้วยความอยากออกทีวีก็รับมาแล้วก็นั่งท่องไปร่วม2สัปดาห์ มีการลองทดสอบถามตอบกันด้วยนะครับไม่ใช่ว่าอยากจะแพ้เสียที่ไหน
ยังไงก็ยังมีศักดิ์ศรีความเป็นโรงเรียนวัดอยู่เต็มอก
เมื่อวันที่ต้องไปห้องอัดมาถึง ผม เพื่อนแล้วก็อาจารย์อีกสองท่านก็นั่งรถตู้ของโรงเรียนบึ่งไปยังสถานีโทรทัศน์ชื่อดังย่านสนามเป้า เพื่ออัดรายการ
.
ครั้งแรกที่ได้เข้าในโรงถ่าย ห้องอัด ไม่รู้ว่าเค้าเรียกว่าอะไร แต่ความรู้สึกตื่นเต้น ที่ทำให้ร่างกายทั้งหมดสั่นมาตลอดในระหว่างการรอคอยนั้น
สั่นขึ้นอย่างหนักหน่วง เนื่องด้วยระบบปรับอากาศในห้องอัดที่หนาวเหน็บครับ
รู้สึกว่าจะต้องเย็นเพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือจะร้อนมากไม่ได้หน่ะครับ(ที่เห็นกางร่มให้ตากล้องเวลาถ่ายทำหนังนั่นจริงๆแล้วกางร่มให้กล้องนะครับ)
.
หันไปเหลียวดูรอบๆก็พบกับฉากรายการอื่นๆอยู่ในโรงถ่ายเดียวกันครับ รู้สึกว่าตอนนั้นจะมีของรายการบ้านเลขที่ห้าอยุ่ด้วยหรือไงนี่แหละครับ
แต่อย่างหนึ่งที่รู้สึกได้คือโทรมและเก่ามากๆ แต่ที่ดูในทีวีมันไม่ขนาดนี้นี่นา
นี่หน่ะหรือมนต์ตราของวงการ สามารถทำของเก่าให้ดูใหม่
พรมที่เปื้อนๆปอนๆให้ดูดีได้
.
ตอนไปถึงเค้ายังจัดฉากกันไม่เสร็จเลยครับ เลยต้องไปรอที่ห้องข้างๆ(แน่นอนว่าอากาศกลับมาเป็นปกติอีกหน)
เห็นคู่แข่งแล้ว เลยยิ่งหวิวๆ(กลัวโชว์โง่)
รอสักพักก็เริ่มทำการอัดรายการ อ่าว หม่อมไม่มาครับเป็นพิธีการอีกท่านหนึ่งแทน
(แอบผิดหวังเล็กน้อยกะไปอวดได้ว่าเจอหม่อม เอาวะได้ข่าวว่าคนนี้ก็มีเชื้อเจ้าเหมือนกัน)
ก็ตอบคำถามไปครับคะแนนนำบ้าง ตามบ้าง คำถามก็มีออกในคุ่มือบ้างไม่มีบ้าง
ตอนนั้นมีคำถามนึงที่ออกมาตรงกับคู่มือเป๊ะๆเลย จนทุกวันนี้ยังจำได้เลย
คือ
ผึ้งจะบินลักษณะใดเพื่อส่งสัญญาณว่ากลับรัง
ตอนได้ยินคำถามยิ้มเลยครับเพราะจำได้ว่ามีอยู่ในคู่มือ(สมเป็นวงการมายา อุตส่าห์เตรียมมาไว้ กลัวเด็กไทยโชว์โง่)
สุดท้ายครับรู้สึกว่าคะแนนโรงเรียนผมจะตามอยู่แต้มหนึ่ง ถ้าตอบคำถามนี้ได้จะตีเสมอเพื่อแข่งต่อ
หรืออย่างไรนี้แหละครับจำรายละเอียดไม่ได้แต่จุดที่สำคัญคือ
ถ้าคำถามนี้โรงเรียนผมตอบผิดก็กลับบ้าน และโรงเรียนคู่แข่งก็เข้ารอบได้มาออกทีวีในห้องอัดแช่เย็นนี่อีกรอบ
เอาละสิครับกดดันเลย
คำถามนั้นก็ยังวนอยู่ในหัวผมทุกวันนี้เลยครับ....ถามว่า
พระสยามเทวาธิราช ประดิษฐานอยู่ที่ใด
ลังเลกันใหญ่เลยครับ(ตอนนั้นไม่รู้จริงๆครับ เพื่อนก็ไม่รู้ เลิกลั่กๆ ตัดตัวเลือกไปแล้วเหลืออยู่สองข้อที่น่าเป็นไปได้ ก็ยังคลางแคลงไม่แน่ใจ)
ผมก็ไม่รุ้เพื่อนก็ไม่รู้ สุดท้ายเพื่อนก็พลักภาระให้ผมตอบ แน่นอนผมก็ตอบออกไปด้วยความมั่นใจในดวงสุดขีด
.
.
สุดท้ายวันนั้นผม เพื่อนและอาจารย์อีกสองท่านก็นั่งรถโรงเรียนกลับโรงเรียนกันด้วยความเซ็ง....โรงเรียนผมตกรอบ.(ได้โชว์โง่สมใจครับพี่น้อง)