สุดท้ายก็ต้องไปเรียนพิเศษ เพื่อเอามาใช้สอบเก็บคะแนนในโรงเรียนค่ะ
เคยถามเพื่อนว่าเรียนเอาความรู้กับเรียนเอาคะแนน เพื่อนๆเรียนเพื่ออะไร
น่าจะเดาคำตอบได้เนอะ
9 ใน 10 บอกว่าคะแนนนานาว่าการเรียนพิเศษมันเหมือนอีกทางเลือกนึงมั้งคะ
อย่างเช่นครูที่โรงเรียนสอนน่าเบื่อ เด็กจำนวนมากเลยไม่อยากเรียน แล้วพาลคิดไปว่าอาจารย์สอนไม่รู้เรื่อง
คือถ้ามีอาจารย์ที่สอนเข้าใจกว่าและสอนสนุกกว่า มันก็ดีกว่าใช่มั้ยคะ
แต่ผลที่ตามมาคือ เราเลยไม่ตั้งใจเรียนในห้อง เพราะไปเรียนพิเศษก็ได้คะแนนดีๆเหมือนกัน
(ความจริงปัญหามันแก้ได้ด้วยการตั้งใจ อดทน ขยันขวนขวายในสิ่งที่ไม่รู้นะ แต่พอดีเสียตังเรียนพิเศษง่ายและฉาบฉวยกว่า)
ปล. นานาไม่เรียนพิเศษ และคะแนนห่วยในวิชาที่อาจารย์สอนไม่สนุก
(ไม่รู้ว่าดีรึเปล่านะข้อนี้ คือนานาไม่ตั้งใจเรียนเองแหละ)
ปอ. จิตพิสัยวิชาภาษาอังกฤษ ได้ 0 ยกห้อง
(มีคนเรียนจริงๆ น้อยมาก)
ก็อย่างที่บอกแหละ สิ่งที่เขาวางเป็นหลักสูตรมันเป็นอุดมคติที่เขาอยากให้ทำได้แบบนั้น กระทั่งมีการอบรมครู มีศูนย์อบรมครูตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อพัฒนาครูทั่วประเทศให้ได้ตามมาตรฐาน (แต่ก็คงไม่ได้อบรมทั่วถึงทุกๆ คน เข้าใจว่าส่งตัวแทน รร.ละ2-3 คน
การอบรมครูก็ช่วยได้แค่เพิ่มความรู้ให้คุณครู (เหมือนนักเรียนแหละ รับได้แค่ไหนก็อีกเรื่อง) อาจจะสอนเทคนิคการสอนได้บ้าง แต่ทักษะการสอนจริงก็ขึ้นกับคุณครูแต่ละท่านอย่างที่นานาว่า อาจจะเก่งจริง ตัวเองเข้าใจ แต่ไม่สามารถสื่อสารออกมาให้นักเรียนเข้าใจได้
พี่ไม่ได้ต่อต้านการเรียนพิเศษ และก็เข้าใจแหละว่าขนาดโรงเรียนที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในประเทศก็มีอาจารย์ที่สอนน่าเบื่อๆ เหมือนกัน
พี่มองว่าเป้าหมายคือให้คนเรียนได้เรียนรู้ และคิดวิเคราะห์ในเรื่องต่างๆ นั้นได้ สามารถเอาความรู้นั้นๆ ไปใช้ได้ในชีวิตจริง จะใช้วิธีไหนก็ตามสะดวก (และกำลังทรัพย์) ไม่ว่าจะเรียนในห้อง เรียนพิเศษเสริมกรณีที่การเรียนในห้องไม่เพียงพอ หรือจะดีที่สุด ถ้ามีความกระตือรือร้นที่จะต่อยอดความรู้ ด้วยการอ่านและหาประสบการณ์ด้วยตัวเอง