หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 8 9 10 ... 14
 
ผู้เขียน หัวข้อ: มีอะไรที่แสดงว่า คนไทยรักเมืองไทย  (อ่าน 66213 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้






นึกถึงคนที่ยอมละประโยชน์ของตัวเองเพื่อความยั่งยืนของประเทศชาติ


บันทึกการเข้า

งบน้อย
ศัตรูมาไทยร่วมกันสู้   ศัตรูไม่อยู่ไทยรบกันเอง   หมีโหด~


อยู่ดีๆ ก็คิดขึ้นมาแบบนี้ไม่ค่อยเกี่ยวกับหัวข้อเท่าไหร่  กร๊าก


เป็นคำถามที่ตอบยากสุดๆ
นั่นซิ่ทำยังไงล่ะ ที่ไม่ใช่แค่ฟังเพลงลูกทุ่้ง นุ่งโจงกระเบน

นั่นซิ่ อืมม นั่นซินะ อืมมม คิดไม่ออก  หมีโหด~

บันทึกการเข้า


ต้องลองยกตัวอย่างของประเทศอื่นที่รักประเทศตัวเองมาประกอบด้วยครับ  หมีโหด~/

เหมือนว่าเราอยู๋ในกล่องที่มองยังไงก็ไม่ได้คำตอบต้องหาคนนอกกล่องมาตอบ
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
นึกถึงคนที่ทำงานเพื่อสังคมโดยไม่นึกถึงเงินเดือน
บางคนยอมทิ้งเงินเดือนหลักแสนจากต่างประเทศ เพื่อมาเป็นข้าราชการเงินเดือนนิดเดียวในเมืองไทย
หรือบางคนก็ไปทำงานพัฒนาชนบท หรือช่วยทำโครงการหลวง

 เจ๋ง

บางคนเลือกที่จะสืบสานศิลปะ  แม้ รู้ว่าอนาคตต่อไปทางเดินอาจจะลิบหลี่ 


ไม่ว่าจะใจรักหรือต้องการสืบทอดก็ไม่รู้แหละ แต่ยอมรับเลยคนพวกนี้ใจจริงๆ

(เคยคุยกับน้องคนนึง เป็นนางเอกลิเก อยู่แถวอยุธยา  ตอนนั้นน้องเขาอายุประมาณ 16 มั้ง  ตอนนี้ก็ 17 หรือ18 แล้วมั้ง น่ารักเชียว เรียนก็เก่ง ถามว่าทำไมถึงเป็นลิเก เขาบอกว่า พ่อเขาเป้นหัวหน้าคณะ แล้วเขาก็ชอบ แต่ ไม่ค่อยมีงาน ลุกน้องพ่อเขามี ต้องรับผิดชอบ ก็เลย ต้องประยุกต์ ไม่ดั่งเดิมเหมือนเมื่อก่อน ประยุกต์ชนิดที่ว่า ร้องเพลง สมัยใหม่ ไม่เน้นการดำเนินเรื่องที่เข้มข้นเลย แต่ งานก็ไม่ได้เยอะอะไร ขัดสน ขนาดที่ต้องเปิดการแสดง ขอเงินชาวบ้านกันเลยทีเดียว  น้องเขายังบอกอีกว่า ถ้า เรียนจบแล้ว จะมาช่วยพ่อดูแลคณะ เพราะ ไอ้คำว่าใจรักและการสนับสนุน นี่แหละมั้งที่ มันน่าชื่นใจจริงๆ  แบบว่าเข้าใจความรู้สึกเลย ผมยังเคยจะหนีตามไปกับวงหมอลำที่ผ่านมาแถวบ้านเลยตอนเด็กๆ กร๊าก )

ที่เล่าให้ฟังนี่ ไม่รู้จะเรียกว่ารักชาติได้มั้ยนะครับ  พอดีผมฝังใจกับเรื่องพวกนี้ มีอดีตที่น่าเจ็บใจเกี่ยวกับเรื่องแนวๆนี้  ฮ่าๆ หมีโหด~
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
นึกถึงอาจารย์ประเวศ (อาจารย์ที่ศิลปากร)

เคยถามแกว่าอาจารย์ไม่หาลูกศิษย์ไว้สืบทอดสถาปัตยกรรมไทยเหรอครับ แกบอกว่า เค้าเอาไปใช้หากินไม่ได้...

แกเคยเล่าให้ฟังว่าเคยไปสร้างวัดที่อังกฤษไม่ได้ตังสักบาท ค่าเครื่องบินก็ออกเอง ออกให้ช่างด้วย ได้ใบประกาศจากกรมศิลปฯมาอันนึง
เฉลิมชัยไปวาดรูปนึงได้เป็นล้าน บลาๆๆ...

เอาจริงๆ ผมนึกไม่ออกเหมือนกันนะ ที่พอจะนึกได้ผมว่ามันก็ไม่ใช่ มันเป็นแค่ข้อดีของความเป็น "คนไทย" เฉยๆ
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>

A Long Patience: Wish Us Luck (and Happy Anniversary)
ถ้าจะให้นั่งตีความกันจริงๆ ..ต้องลองถามว่า อะไรล่ะครับที่เรียกว่าเมืองไทย
ถ้าได้คำตอบแล้วถึงจะมาว่ากันต่อว่าเราจะไปรักไอ้ที่ว่านั่นยังไงถูก
คำตอบของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันนะ เลยสนุก
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ยากยิ่งไปใหญ่เลยครับ T-T
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>

A Long Patience: Wish Us Luck (and Happy Anniversary)
มีกอลฟ์ ไมค์ ที่หน้าตาเยี่ยงจาพนม และร้องหมอลำ~!  อี๋~


-----------------


ความจริงแล้ว รักในหลวงไม่เห็นจะแสดงความรักเมืองไทยตรงไหนเลย,

ฝรั่งมันยังมารักตามเรา แต่ฝรั่งก็หารักเมืองไทยไม่.


เรื่องการส่งเสริมวัฒนธรรม ก็ไม่เห็นจะแสดงว่ารักเมืองไทยตรงไหนเลย,

เพราะมีสักอันไหมที่เป็นวัฒนธรรมไทยแท้ ๆ.

ที่ชอบออกมารณรงค์ให้แต่งชุดไทยกันบ้างล่ะ, แล้วใครบอกว่าชุดแบบนั้นเป็นชุดไทย

สมัยรัชกาลที่ ๕ พวกเจ้าก็แต่งองค์ทรงเครื่องกันอย่างฝรั่งประยุกต์เข้ากะไทย,

และชุดสตรีที่สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงกำหนด ก็เป็นชุดไทย "ประยุกต์",

วัฒนธรรมไทยแต่เดิมก็รับมาจากอินเดีย เขมร จีน ฝรั่ง ฯลฯ ผสมปนเปไปหมด

จะว่ากันจริง ๆ แล้ว ความเป็นไทยไม่มีจริงหรอกค่ะ.


ไอ้ "ความเป็นไทย" นี้กำหนดเอาเองทั้งนั้น, ว่าอย่างนู้นคือไทย อย่างนี้คือไทยบ้างล่ะ.

ยิ่งสมัยจอมพล ป. ยิ่งส่งเสริมวัฒนธรรมไทยกันใหญ่, ทั้งนี้ก็เพื่อให้คนถือปฏิบัติตาม ๆ กัน

เป็น "เอกลักษณ์" (ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างยิ่ง เพราะไม่ส่งเสริมประชาธิปไตย และไม่ส่งเสริมให้คนมีหัวคิด)

และพอคนทำตามกัน มันก็ว่านอนสอนง่าย, คนที่ว่านอนสอนง่ายนี่ปกครองง่ายค่ะ.


อย่างไอ้การที่กำหนดให้เด็กโรงเรียนรัฐตัดผมเกรียนจนน่าเอามือสัมผัสเบา ๆ เป็นต้นเนี่ยก็เรียกว่า "เอกลักษณ์" อย่างหนึ่ง.

และถ้าเกิดวันหนึ่งเด็กมันไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญว่า การกำหนดดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญที่ว่า

คนจะทำทรงผมอะไรก็เป็นเรื่องของคนนั้น เด็กก็มีสิทธิ (แต่ไม่มีใครไปฟ้องก็เท่านั้น).


แล้วที่ชอบออกมารณรงค์ให้หญิงไทยใส่ชุดอย่างไทยกันเนี่ย, เค้าไม่เอาด้วยหรอกนะคะ.

เพราะรู้เปล่า, ลองย้อนกลับไปดูกันจริง ๆ ดิ, หญิงไทยจริง ๆ เมื่อก่อนเขาแต่งชุดอย่างไร

(นุ่งผ้าถุงไม่ก็โจงกระเบน แล้วก็เปลือยนมจนปลิ้นย้วยทะลักกันทั้งนั้น  อ้วก ใครจะแต่งแบบนั้นได้ลงคอ).


อย่างเพลงพระราชนิพนธ์ "เราสู้" เป็นต้นล่ะ, ที่มีแต่จะปลุกใจ แต่ไม่มีสาระและหาความจริงไม่ได้เลย.

เช่นที่ว่า "บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า"

ซึ่งเป็นการสร้างภาพว่า คนไทยเนี่ยมีบรรพบุรุษร่วมกัน อย่างชาวบ้านบางระจัน พระสุริโยทัยบ้างล่ะ,

แต่ความจริงแล้วไม่ใช่; เมื่อก่อนเชียงใหม่ก็ก๊กหนึ่ง อีสานก็อีกก๊ก กรุงเทพฯ ก็อีกก๊ก

ล้วนแต่แก่งแย่งชิงดีกัน ฆ่ากันฟันกัน เพื่อปกบ้านป้องเมืองใครเมืองมันกันทั้งนั้น, เพิ่งมารวมกันสมัยรัชกาลที่ ๕ นี่เอง.


สรุปก็คือ ความจริงแล้ว ไทยไม่มีอะไรเป็นของไทยจริง ๆ หรอก, มีแต่ "มายาคติ" ที่หลงกันอยู่ทุกวัน.

แต่ก็ไม่ได้บอกว่า "มายาคติ" เช่นว่านั้นไม่มีค่าหรอกนะคะ.

โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า บางอย่างที่มันขัดต่อประชาธิปไตยหรือขัดต่อสภาวการณ์ปัจจุบันก็น่าจะเลิก ๆ กันได้แล้ว.

อย่างแห่นางแมวเนี่ย แม้มันจะเป็นจิตวิทยา แต่ใครจะบอกได้ว่าแห่ไปแล้วฝนจะตกลงมาจริง,

แทนที่ถ้าเอาเงินที่ใช้ไปในการแห่นางแมวไปพัฒนาหรือทำอย่างอื่น ก็อาจจะได้ฝน (เทียม) หรือประโยชน์อย่างอื่นมากกว่านี้ก็ได้.


ดังนั้น โดยความเห็นของเค้าแล้ว อะไรที่แสดงว่าคนไทยรักเมืองไทยก็คือ

การที่คนไทยฉลาด กับทั้งรู้จักและตระหนักในประชาธิปไตยและหน้าที่ของตนตามระบอบประชาธิปไตยก็เท่านั้น.

(เพราะถ้าคนเรารู้จักและตระหนักในสิ่งดังกล่าวแล้ว ก็จะรู้ว่าควรทำอะไร, พอรู้ว่าควรทำอะไร ไทยก็ดีเอง).


จบค่ะ~!  ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า

มีกอลฟ์ ไมค์ ที่หน้าตาเยี่ยงจาพนม และร้องหมอลำ~!  อี๋~


-----------------


ความจริงแล้ว รักในหลวงไม่เห็นจะแสดงความรักเมืองไทยตรงไหนเลย,

ฝรั่งมันยังมารักตามเรา แต่ฝรั่งก็หารักเมืองไทยไม่.


เรื่องการส่งเสริมวัฒนธรรม ก็ไม่เห็นจะแสดงว่ารักเมืองไทยตรงไหนเลย,

เพราะมีสักอันไหมที่เป็นวัฒนธรรมไทยแท้ ๆ.

ที่ชอบออกมารณรงค์ให้แต่งชุดไทยกันบ้างล่ะ, แล้วใครบอกว่าชุดแบบนั้นเป็นชุดไทย

สมัยรัชกาลที่ ๕ พวกเจ้าก็แต่งองค์ทรงเครื่องกันอย่างฝรั่งประยุกต์เข้ากะไทย,

และชุดสตรีที่สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงกำหนด ก็เป็นชุดไทย "ประยุกต์",

วัฒนธรรมไทยแต่เดิมก็รับมาจากอินเดีย เขมร จีน ฝรั่ง ฯลฯ ผสมปนเปไปหมด

จะว่ากันจริง ๆ แล้ว ความเป็นไทยไม่มีจริงหรอกค่ะ.


ไอ้ "ความเป็นไทย" นี้กำหนดเอาเองทั้งนั้น, ว่าอย่างนู้นคือไทย อย่างนี้คือไทยบ้างล่ะ.

ยิ่งสมัยจอมพล ป. ยิ่งส่งเสริมวัฒนธรรมไทยกันใหญ่, ทั้งนี้ก็เพื่อให้คนถือปฏิบัติตาม ๆ กัน

เป็น "เอกลักษณ์" (ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างยิ่ง เพราะไม่ส่งเสริมประชาธิปไตย และไม่ส่งเสริมให้คนมีหัวคิด)

และพอคนทำตามกัน มันก็ว่านอนสอนง่าย, คนที่ว่านอนสอนง่ายนี่ปกครองง่ายค่ะ.


อย่างไอ้การที่กำหนดให้เด็กโรงเรียนรัฐตัดผมเกรียนจนน่าเอามือสัมผัสเบา ๆ เป็นต้นเนี่ยก็เรียกว่า "เอกลักษณ์" อย่างหนึ่ง.

และถ้าเกิดวันหนึ่งเด็กมันไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญว่า การกำหนดดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญที่ว่า

คนจะทำทรงผมอะไรก็เป็นเรื่องของคนนั้น เด็กก็มีสิทธิ (แต่ไม่มีใครไปฟ้องก็เท่านั้น).


แล้วที่ชอบออกมารณรงค์ให้หญิงไทยใส่ชุดอย่างไทยกันเนี่ย, เค้าไม่เอาด้วยหรอกนะคะ.

เพราะรู้เปล่า, ลองย้อนกลับไปดูกันจริง ๆ ดิ, หญิงไทยจริง ๆ เมื่อก่อนเขาแต่งชุดอย่างไร

(นุ่งผ้าถุงไม่ก็โจงกระเบน แล้วก็เปลือยนมจนปลิ้นย้วยทะลักกันทั้งนั้น  อ้วก ใครจะแต่งแบบนั้นได้ลงคอ).


อย่างเพลงพระราชนิพนธ์ "เราสู้" เป็นต้นล่ะ, ที่มีแต่จะปลุกใจ แต่ไม่มีสาระและหาความจริงไม่ได้เลย.

เช่นที่ว่า "บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า"

ซึ่งเป็นการสร้างภาพว่า คนไทยเนี่ยมีบรรพบุรุษร่วมกัน อย่างชาวบ้านบางระจัน พระสุริโยทัยบ้างล่ะ,

แต่ความจริงแล้วไม่ใช่; เมื่อก่อนเชียงใหม่ก็ก๊กหนึ่ง อีสานก็อีกก๊ก กรุงเทพฯ ก็อีกก๊ก

ล้วนแต่แก่งแย่งชิงดีกัน ฆ่ากันฟันกัน เพื่อปกบ้านป้องเมืองใครเมืองมันกันทั้งนั้น, เพิ่งมารวมกันสมัยรัชกาลที่ ๕ นี่เอง.


สรุปก็คือ ความจริงแล้ว ไทยไม่มีอะไรเป็นของไทยจริง ๆ หรอก, มีแต่ "มายาคติ" ที่หลงกันอยู่ทุกวัน.

แต่ก็ไม่ได้บอกว่า "มายาคติ" เช่นว่านั้นไม่มีค่าหรอกนะคะ.

โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า บางอย่างที่มันขัดต่อประชาธิปไตยหรือขัดต่อสภาวการณ์ปัจจุบันก็น่าจะเลิก ๆ กันได้แล้ว.

อย่างแห่นางแมวเนี่ย แม้มันจะเป็นจิตวิทยา แต่ใครจะบอกได้ว่าแห่ไปแล้วฝนจะตกลงมาจริง,

แทนที่ถ้าเอาเงินที่ใช้ไปในการแห่นางแมวไปพัฒนาหรือทำอย่างอื่น ก็อาจจะได้ฝน (เทียม) หรือประโยชน์อย่างอื่นมากกว่านี้ก็ได้.


ดังนั้น โดยความเห็นของเค้าแล้ว อะไรที่แสดงว่าคนไทยรักเมืองไทยก็คือ

การที่คนไทยฉลาด กับทั้งรู้จักและตระหนักในประชาธิปไตยและหน้าที่ของตนตามระบอบประชาธิปไตยก็เท่านั้น.

(เพราะถ้าคนเรารู้จักและตระหนักในสิ่งดังกล่าวแล้ว ก็จะรู้ว่าควรทำอะไร, พอรู้ว่าควรทำอะไร ไทยก็ดีเอง).


จบค่ะ~!  ยิ้มน่ารัก


 มึนตึ้บ ตาลาย ลายตา.......
บันทึกการเข้า
แล้วรักประชาธิปไตยนี่เป็นมายาคติด้วยไหมครับ
ไอ้คำว่าประชาธิปไตยเนี่ย มันไทยไหม งง
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ผมว่า ยูริมองแยกส่วนอีกแล้วครับ
(แต่ยูริไม่เคยตอบ)

ส่วนเรื่องเอกลักษณ์ไทยอะไรนั้น เห็นด้วยอยู่แล้ว
ใครอ่านนักคิดกลุ่มมติชนศิลปะวัฒนธรรมก็น่าจะคิดแบบนี้เหมือนกันหมดนะ

บันทึกการเข้า

I ROCK , THEREFORE I AM
ทำไมถึงดึงเข้าเรื่องเดิมๆ ได้ทุกเรื่องครับ? เหมือนอยากจะพูดอยู่เรื่องเดียว ง่ะ
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>

A Long Patience: Wish Us Luck (and Happy Anniversary)
แล้วรักประชาธิปไตยนี่เป็นมายาคติด้วยไหมครับ
ไอ้คำว่าประชาธิปไตยเนี่ย มันไทยไหม งง

มันก็ไม่ไทยนะ, แต่มันน่าจะเหมาะสมกับสังคมไทยมากที่สุด.

และแม้มันจะไม่ไทย แต่ก็มีใครบางคนพยายามทำให้เป็นไทย ตลอดจนทำให้ต่างชาติมองว่า

ไทยมีและส่งเสริมประชาธิปไตยมาแต่โบราณ เช่น บอกว่า

พระมหากษัตริย์ไทยแต่โบราณมาจากการเลือกสรรโดย "อเนกชนนิกรสโมสรสมมุติ"

(ชนทั้งหลายมาสโมสรกันแล้วแต่งตั้งขึ้น) ซึ่ง อเนกชนดังกล่าวก็แค่คนกลุ่ม ๆ หนึ่ง แล้วคนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้

เป็นตัวแทนประชาชนทั้งชาติด้วย (เป็นแค่ "ชีพราหมณ์พ่อครูโหราจารย์ราชบัณฑิตยทิศาปาโมกข์แลข้าราชการทั้งปวง"),

และก็บอกว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งก็ไม่ได้เป็นทุก ๆ ด้าน

เพราะจริง ๆ ศาสนาพุทธเองไม่ยอมรับสถานะของแม่ชี.


ความจริงแล้วคนไทย (ในยามนี้) อะนะ เอาการปกครองอะไรก็ได้ที่มีพระมหากษัตริย๋ทรงเป็นประมุข,

แต่ประชาธิปไตยก็เหมาะที่สุด เพราะมันสามารถมานั่งเถียงกันอย่างนี้ได้ไง.


ป.ล. เค้านับถือและศรัธทาในศาสนาพุทธนะ.

ป.ล.๒ เค้ามองแยกส่วนอย่างไรอะ~!

ป.ล.๓ เค้าชอบอ่านนะ ศิลปวัฒนธรรมน่ะ, มันน่ารู้ดี อ่านแล้วประดับความรู้คู่ความสวยงามที่มีมาแต่กำเนิดแล้ว  ฮี่...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 ม.ค. 2008, 01:15 น. โดย YURi+ » บันทึกการเข้า

เอ ขอโทษนะครับ อ่านแล้วรู้สึกทะแม่งๆ เหมือนกัน ง่ะ
ถ้างั้นก็ต้องบอกว่าไทยเรานิยมชุดไทยเพราะแต่งกันมาตั้งแต่โบราณ
หรือตัวอย่างที่พอจะหาหยิบยกมาแบบนี้ด้วยสิครับ ง่ะ

เวลาอ่านศิลปวัฒนธรรมนี่
พอจะเข้าใจไหมครับว่าอะไรคือ "ศิลปะ" และ "วัฒนธรรม" ที่เขาพยายามจะสื่อ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
 ฮิ้ววว
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>

A Long Patience: Wish Us Luck (and Happy Anniversary)
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 8 9 10 ... 14
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!