หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ปริญญา ข้างฝา  (อ่าน 38215 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
มีเรื่องจะถามค่ะ

จริงๆแล้วกิ๊กก็จะเรียนจบปีนี้
โทรไปปรึกษากับพ่อแล้วก็แม่ ว่าจะเอายังไงกะชีวิตดี

พ่อให้คำปรึกษาอันยอดเยื่ยมมาว่า
" ปริญญา ไว้ข้างฝาก็พอ "

ไม่รู้ว่่าจะดีใจหรือเสียใจกันแน่  ง่ะ
แต่กิ๊กเองรู้สึกเหมือนกันว่า
บัญฑิตหลายคนที่จบมา ก็เหมือนเอาปริญญามาแปะข้างฝาบ้านจริงๆ
หลายคนทำงานไม่ตรงกับสายที่ตัวเองร่ำเรียนมานับหลายปี 
หลายคน เรียนมาแต่กลับทำอะไรไม่เป็นเลย..

เค้าเสียดายวิชาการต่างๆ ที่ตัวเองร่ำเรียนมารึเปล่า...
เสียดายเวลาเหล่านั้นมั้ย..

เฮ้อ

พอพิมพ์มาถึงบรรทัดนี้
นึกถึงคำพ่อว่า " ปริญญาไว้ข้างฝา "
มันรู้สึกถึงอิสระยังไงไม่รู้ค่ะ  ไม่ยึดติด
แต่ไม่รู้่ว่าอนาคตจะเป็นยังไง คาดเดายากเหลือเกิน..

อยากให้แนะนำค่ะว่า ...จะตามใจตัวเอง
หรือว่าทำอย่างที่มันควรจะเป็น  เป็นอย่างที่ต้องเป็น...
พี่ๆ เพื่อน คิดยังไง ช่วยแนะนำทีนะ  ไหว้

(นานๆ จะตั้งกระทู้ที พอดีใกล้จบเลยเครียดซะงั้น  ฮิ้ววว)






บันทึกการเข้า

ท่องเที่ยวเป็นงานหลัก ถ่ายรูปเป็นงานรอง
วาดรูปเป็นงานอดิเรก ขายยาเป็นงานประจำ
ถ้างานตามสายที่เรียนมันไม่ใช่ตัวกิ๊กจริงๆ
ก็แปะไว้ข้างฝาเฉยๆก็ได้มั้ง

ดาก็กำลังคิดอยู่ว่าที่เรียนๆอยู่เนี่ย มันใช่มั้ย ลาออกไปเลี้ยงกวางดีหรือเปล่า
บันทึกการเข้า
กิ๊กอยากทำอะไรล่ะ อยากเอามันแขวนไว้เฉย ๆ หรืออยากทำตามที่เรียนมา
สุดท้ายทั้งหมดก็อยู่ที่ตัวเรา  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า
ทำตามใจตัวเอง อย่างน้อยก็ไม่มาเสียใจทีหลัง
บันทึกการเข้า

กำลังอยากเรียนอะไรอย่างนึง แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการเอามาติดข้างฝาอีกใบ กร๊าก
บันทึกการเข้า

E entao pergunta Se eu estou em paz E eu digo sim, i feel wonderful tonight
อาจจะสมัครงานได้ง่ายขึ้นน่า
บันทึกการเข้า

สะพรึบสะพรั่ง ณหน้าและหลัง ณซ้ายและขวา ละหมู่ละหมวด ก็ตรวจก็ตรา ประมวลกะมา สิมากประมาณ






เลือกสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด


บันทึกการเข้า

งบน้อย
พี่ กิ๊กชอบ ศิลปะ ใช่ไหม(เดาเอานะ)

แล้วพี่ก็เดินทางสาย เภสัชกรรมมา เกือบถึงฝั่ง และ

พี่กิ๊ก ก็ ใช้ ศิลปะที่พี่ชอบ + รัก ควบคู่กันไปได้หนิ

เช่น เปิดร้านขายยา แล้ว ก็ มีมุมวาดรูปของพี่ วางขายคู่กันไปกับร้านขายยา


หรือ ถ้าพี่ไม่ชอบงานเภสัชกรรมจริงๆ แบบว่า ชั้นไม่ไหวแล้ว  ก็ไปทำในสิ่งที่พี่รัก

พี่ที่ผมรู้จัก จบสัตวแพทย์ไปเปิดร้านกาแฟ  จบพยาบาลมา(เพราะพ่อบังคับ) แต่กลัวเลือด กลัวผี(จบมาได้ไงฟระ)

ทำงานไปซักพัก เพิ่งค้นพบตัวเองเจอ ต่อโท เรียนปรัชญา-ศาสนา ซะงั้น ตอนนี้ จบเอกแล้ว มาเป็น อ. สอนที่ม.เกษตร

พี่ปิ๊กบอร์ดฟอนต์ ก็ทำงานไม่ตรงสายที่เรียนมา หรือ แม้กระทั่งพี่แอนสุดหล่อ ที่เรียนสถาปัตย์มา กลับเป็นทหารซะงั้น

อายุคนเราเฉลี่ย 70 ปี

ตอนนี้ พี่กิ๊ก ก็คงประมาณ 22-23

อีกห้าสิบปีข้างหน้า ก็คือ ชีวิตของพี่เอง พี่เป็นคนกำหนดเองครับ


บันทึกการเข้า

กินรอบวง
จากประสบการณ์ตรง ปริญญาได้มาก็ฝากแม่ไว้เลย กร๊าก ตอนแรกก็ทำงานตรงสายแต่เงินไม่ดี ตอนนี้ทำงานไม่ตรงสายแต่เงินดีก็ทำไปเรื่อยๆ แต่ก็เหมือนว่าเราได้ความรู้เก่าเป็นทุน เผื่อที่ทำอยู่มันไม่รุ่งเราก็เอาความรู้เก่ามาใช้ อืมมมมห์
บันทึกการเข้า



สุดท้ายได้กระดาษมาเพียงแผ่นเดียว


จริงๆ แล้ว อยากทำอะไรกิ๊กทำไปเถอะ

การเรียนก็เป็นเหมือนแค่

เข้าโรงเรียนเตรียมเป็นผู้ใหญ่เท่านั้นเอง

ช่วงนี้คงอยู่ในช่วงค้นหาตัวเอง จะเจอเร็วเจอช้าไม่รู้

เรียนจบลองอยู่ว่างๆ ทำตามใจชอบ ซักสองสามเดือน กิ๊กคงอยากรู้ว่าจะทำอะไรต่อไป
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
คงจะหมายความว่า ให้ใช้ประสบการณืที่ร่ำเรียนมาทั้งหมดนั่นแหละ  เอาตัวรอดให้ได้
ถ้าช่วยเหลือเื่ผื่อให้พ่อแม่ ญาติพี่น้องก็ยิ่งดีมากๆเลย

ใบปริญญาเอาไว้ข้างฝา ที่บ้านนู่น
แล้วเอาแต่สำเนามาก็พอครับ อืมมมมห์
บันทึกการเข้า

กำลังโหลดข้อมูล .....


จริงๆ ใช้แค่ transcript ครับ เวลาสมัครงาน  อืมมมมห์
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
เผื่อมีคนขอดู
ขี้เกียจกลับไปเอา  อืมมมมห์
บันทึกการเข้า

กำลังโหลดข้อมูล .....
การเรียนในมหาวิทยาลัย หรือชั้นอุดมศึกษา ไม่ได้ให้แค่ความรู้นี่ครับ
สิ่งที่สำคัญกว่าวิชาความรู้ คือวิธีคิดวิเคราะห์พิจารณาในสายอาชีพที่เราเรียนมาต่างหาก
ไม่งั้น อ่าน Wikipedia หรือหนังสือวิชาการบางอย่าง ก็เก่งเท่าอาชีพนั้นไปแล้ว

จริงๆแล้ว คำว่า " ปริญญา ไว้ข้างฝาก็พอ "
ผมเห็นว่า เป็นคำพูดที่ผมเห็นด้วยนะครับ ... เพราะหน้าที่ของใบปริญญาที่แท้จริงคือ สิ่งที่รับรองว่าเราได้ผ่านการเรียนในระดับอุดมศึกษามา
Transcript คือสิ่งที่บอกให้คนที่ไม่รู้จักเรา สามารถเอาไปประกอบการพิจารณาว่าจะรับเราไว้ทำงานไหม ... เพราะนอกจากการเอาเข้าไปทำงานจริง ไม่มีวิธีอื่นที่จะบอกว่าคนๆไหนเก่งหรือไม่เก่งในระยะเวลาสั้นๆได้ดีไปกว่าเกรดแล้ว

ปัญหาที่หลายๆคนเจอตอนจบก็คือ ไม่รู้ว่าจบไปแล้วจะทำงานอะไร
เพราะบางคนไม่ได้วางเป้าหมายไว้ชัดเจนเป็นรูปธรรมตั้งแต่ต้น

ถ้าดันไปยึดเอา"ปริญญา"เป็นหลัก ... กิ๊กก็ต้องไปดิ้นรนหางานทางเภสัชทำ ต้องไปนั่งหาว่าที่ไหนรับเภสัชกรบ้าง
ระหว่างหางาน อาจจะไปเจอการชักชวนให้ไปทำงานอย่างอื่น ... ซึ่งถ้าไปยึดติดกับปริญญาก็จะเกิดความรู้สึกสับสนว่า "เราจบเภสัชมานะ จะไปทำงานอื่นได้ไงไม่ตรงกับที่เรียน" ... แล้วในที่สุดก็จะสูญเสียโอกาสนั้นไป ทั้งที่จริงๆแล้วอาจจะมีความอยากทำงานนั้นก็ได้

ในทางกลับกัน ถ้าเอาปริญญาแปะไว้ข้างฝาก่อน ไม่ยึดติดกับมัน
เวลาสมัครงาน อาจจะได้โอกาสที่เปิดกว้างกว่า
อาจจะได้ค้นพบทางเลือกอาชีพที่ชอบจริงๆก็ได้

และเมื่อดูจากคำพูดที่ว่า
โทรไปปรึกษากับพ่อแล้วก็แม่ ว่าจะเอายังไงกะชีวิตดี
เห็นได้ชัดพอสมควรว่า ไม่ได้พิศมัยหรืออยากจะไปทำงานทางเภสัชมากนัก...เพราะถ้าอยาก คงไม่เกิดความคิดนี้ออกมา
 กร๊าก ผมว่าลองนึกดูดีๆก่อนก็ได้ครับ ว่าอยากทำอะไรกันแน่ ...
ถ้าทางบ้านไม่ลำบาก พ่อแม่เข้าใจ ก็หลักลอยต่อไปอีกปีนึง
จะหางานด้านอื่นทำก่อนก็ได้ จะทำความเข้าใจกับชีวิตต่อก่อนก็ได้
ดูจากความไม่แน่ใจที่แสดงออกมา ผมแนะว่าอย่าเพิ่งไปทำงานทางสายที่เรียนมาโดยทันที เพราะงานพวกนี้เข้าไปแล้วจะทำลายแรงบันดาลใจความคิดสร้างสรร โอกาสที่จะกลับออกไปทำงานอื่นก็จะลดน้อยลง

... เชื่อว่าพ่อของกิ๊กคงจะมองเห็นจุดนี้ แต่พยายามไม่เข้ามายุ่งมากนักเพราะอยากให้คิดได้เอง  ฮิ้ววว
บันทึกการเข้า

ฝันซ่อนสับสนวุ่นวาย หย่อนคล้อย
ตูคนนึงล่ะที่ไม่ได้เอาปริญญาไว้ฝาบ้าน

เพราะจนทุกวันนี้จบมาจะสองปีรอมร่อ ตูยังไม่ได้ไปทำเรื่องใบปริญญา

เพราะตูรู้ว่าบางครั้ง อุดมการณ์มันไม่สามารถส่งเสียให้น้องตูเรียนหนังสือ ซื้อของให้พ่อแม่ รึแม้แต่ทำให้ท้องตูอิ่มได้

ตูอยากเป็นครู ซักครั้งนึงในชีวิต เพราะงั้นตูเลยเลือกเรียนศึกษาศาสตร์

ได้เป็นครูเทอมนึงสมใจแล้ว หลังจากนั้น ชีวิตจริงจบมาตูก็มาเป็นกรรมกรลอยฟ้า

ทุกวันนี้ตูยังคิดเข้าข้างตัวเองว่าที่เรียนมามันยังพอได้ใช้ "บ้าง" (ภาษาอังกฤษ)

ไม่แปลกที่จบมาแล้วจะเอาใบปริญญาแปะฝาบ้านเฉยๆ

ทำตามความสุขของตัวเอง ชีวิตเราสั้นจะตายไป

เนอะ  ฮิ้ววว
บันทึกการเข้า

ห๊ะ! อะไรนะ!!!
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!