ทุกวันนี้ระบอบทุนนิยมเข้าครอบงำจนจะเข้าไปฝังในกระดูกกันอยู่แล้ว ถอยหลังไม่ได้หรอกครับ
เศรษฐกิจพอเพียงที่ผมเข้าใจคือการเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ ที่ถูก
นโยบายแผนพัฒนาเศรษฐกิจมองข้ามไป นโยบายแผนพัฒนาเศรษฐกิจเป็นได้เพียงแค่เข็มทิศ
เศรษฐกิจพอเพียงคืออุปกรณ์ยังชีพในการเดินทาง คืออาหาร คือน้ำดื่ม คือยารักษาโรค คือที่อยู่
และที่สำคัญมันคือสิ่งบ่งชี้ถึงเกณฑ์ความสุขในการดำรงชีวิตที่เศรษฐกิจทุนนิยมไม่เคยมี ถือได้ว่า
เป็นบรรทัดฐานที่ยอดเยี่ยมและหลักปฏิบัติใหม่อันน่าอัศจรรย์ใจ แน่นอนนักการเมืองไทยไม่มี
ใครคิดได้เยี่ยงนี้หรอก
เมื่อเราพอเพียงมาจนถึงจุดนึง เอาเป็นว่าพอเพียงกันได้ครบ 63 ล้านคนตามอุดมคติ เราก็จะมีนักรบ
ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งถึง 63ล้านคนซึ่งตั้งอยู่ในอุดมการณ์เดียวกัน เพราะทุกคนถือว่าเป็นนักธุรกิจ
ประเทศจะมีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้นอย่างมากมายมหาศาล 63ล้านคนที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการส่งกำลัง
บำรุงจากภายนอก มีเสบียงอาหารปัจจัยจำเป็นทุกอย่างครบครันใช้ได้ไม่มีวันหมดและมีขวัญกำลังใจ
ที่ดีเยี่ยม คราวนี้สิงกะโปก โคเลีย หรือจะเป็นไอ้ยุ่นก็เหอะจอดสนิทแน่ถ้ามาเจอกับพี่ไทย เพราะ
เศรษฐกิจพอเพียงในมุมมองของข้าพเจ้าไม่ใช่การปิดประเทศอย่างที่นักการเมืองผู้ทรงสติปัญญาหลาย
ท่านเข้าใจ
*แต่เมื่อเราพอเพียงครบ 63 ล้านคนและกำลังจะก้าวเดินต่อไป เราก็ต้องลดการพึ่งพาจากโลกภายนอก
ให้มากที่สุดเสียก่อน ดังนั้นสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์กันเถอะ
ของมันจำเป็นต้องใช้ ชอบแฮะ เช่ถ่ายทอดได้ดี คิดว่าจะแป้กเป็นอย่างเดียวซะอีก