หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 9
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ภิกษุสันดานกา (แตกหน่อ)  (อ่าน 48356 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
//ขอแตกหน่อจากจู๋พันทิปนะครับ
เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจดี เลยแตกประเด็นมา



จากอันนี้


ดูจับเข่าคุย ช่อง 3 ตอนนี้เลยครับ
สรยุทธ์เชิญคู่กรณีเรื่องภาพจิตรกรรมเหรียญทอง "ภิกษุสันดานกา" มาถกกัน

น่าดูมากๆ ครับ






http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5898072/Y5898072.html
PANTIP.COM : Y5898072 มาอ่านข้อคิดเห็นของพระพยอม,ท่านว.วชิรเมธี ฯลฯ เกี่ยวกับภาพภิกษุสันดานกา []


ชอบครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13 ต.ค. 2007, 23:44 น. โดย แอน ซูเปอร์มึบ » บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ


ดูตอนจบที่พระพยอมมาพูดแล้วครับ

ผู้ใดชี้ให้เห็นโทษ ผู้นั้นแหละที่ชี้ขุมทรัพย์ให้เรา  ไหว้

ความคิดท่านสุดยอดจริงๆ ขออนุโมทนาครับ  ไหว้ ไหว้ ไหว้
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
คมมาก  ไหว้ 

แต่ข่าวนี้ไม่ได้ติืดตามเลย ผมว่าเรื่องไม่น่าใหญ่ขนาดนี้เนอะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13 ต.ค. 2007, 23:50 น. โดย เบล เอวกระเด้ง » บันทึกการเข้า

โหยเสียดายมาก ไม่ได้ดู แต่ไม่เป็นไร เดี๋ญวจะมาดูย้อนหลังวันจันทร์แล้วกัน วันนี้ต้องกลับแล้ว  ฮือๆ~

กร๊าก ตอบช้าไป ..โดนตัดหน้าซะแล้วต๋อย   ชิ
บันทึกการเข้า

เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดีได้


พี่แอนหา รูปมาให้ดูทั้งชุดหน่อยซิครับ  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
ปีนี้ไม่ได้ไปดูที่หอศิลป์ ทับแก้วครับ เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา
ปกติชอบไปเดินดูนะ ไม่ได้หัวศิลป์อะไรหรอก
แต่ชอบบรรยากาศในหอศิลป์ มันเพลินดี

เดี๋ยวหาในกูเกิ้ลให้ - ไม่เจอแฮะ




http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5858317/X5858317.html
==== ภิกษุสันดานกา ==== งาน ศิลปะ ที่พระสงฆ์บางกลุ่มคัดค้าน


http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5855864/Y5855864.html
พระ-ฆราวาสรวมตัวประท้วงระงับแพร่ภาพฉาว "ภิกษุสันดานกา" ที่ชนะเลิศเหรียญทอง งานศิลปกรรมแห่งชาติ


http://news.sanook.com/social/social_187129.php
เจ้าของภาพ'ภิกษุสันดานกา'ยัน เขียนภาพจากข้อเท็จจริง





เสียดายแทนคนที่ไม่ได้ดูการเถียงกันของคนสองกลุ่มเมื่อกี้ที่ช่องสาม
ฝ่ายหนึ่งที่บอกว่าเป็นตัวแทนองค์กรอะไรสักอย่างที่ชื่อฟังดูยิ่งใหญ่ๆ
แต่ก็ใช้ชื่อสมาคมนั้นเป็นแบ็กให้พูดเสียงดัง ตะคอก ไม่ให้เกียรติคู่สนทนา
น้องที่นั่งดูอยู่ด้วยกันที่บ้านยังบอกเลยว่านี่มาจากองค์กรพุทธแน่เหรอ

ส่วนประเด็นที่ถกเถียงกันก็วนอยู่ในอ่าง
คือฝ่ายนึงบอกว่า คุณลบหลู่ ไม่ให้เกียรติศาสนา
ส่วนอีกฝ่ายก็คอยแก้ต่าง (แต่พูดไม่ทันและหมดเวลากับการทำสีหน้าระงับอารมณ์)



http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=khunz&date=26-09-2007&group=3&gblog=30
คู่มือดูพระภิกษุ กรณีภาพภิกษุสันดานกา รางวัลเหรียญทองศิลปกรรม 1.
(มีคำว่า ภิกษุโอ้เอ้ ด้วยนะ)
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
เห็นความคิดของไอ้คนที่ไม่เข้าใจในศิลปะบ้านเราแล้ว พูดตรงๆว่าสลด ... เพื่อนบ้านเขาแทบจะแซงเราไปหมดแล้ว แต่บ้านเราแม่งยังคลั่งชาติ คลั่งวัฒนธรรม คลั่งศาสนากันแบบผิดๆ ....ทีไอ้พวกสร้างจตุคามแล้วมาโยงกับศาสนาหลอกชาวบ้านเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋า หรือพระใบ้หวย ดันไม่ไปจัดการ .... แต่พอมีงานศิลปะแค่ชิ้นเดียวดันมาเดือดร้อน โวยวาย เพราะแม่งรับความจริงกันไม่ได้

ความเข้าใจในศิลปะวัฒนธรรมของคนในบ้านเราน้อยมากๆ สมควรพัฒนาระบบการศึกษา เพื่อให้ความคิดของประชาชนพัฒนา
ไอ้เรื่องความคิดของคนทั่วไปแม่งพัฒนาลำบากจริงๆ ทุกวันนี้คนมองศาสนาเป็น สิ่งที่ขอโน่นขอนี่ได้ ขอหวย ขอให้สอบติด ขอให้มีแฟนหล่อแฟนสวย ไม่มองหลักหรือแก่นของศาสนาเพื่อนำไปปฏิบัติและพัฒนาชีวิตด้วยตัวของตัวเอง ....แม่งไม่แปลกหรอก ศาสนาพุทธกลายพันธ์มานานแล้ว พระเลวๆที่หากินในคราบผ้าเหลืองได้ก็เพราะคนทั่วไปมันงมงายจนห้ามกันได้ยาก ทำให้พระดีๆ ที่เขาปฏิบัติจริงๆ โดนหางเลขไปด้วย ....
บันทึกการเข้า
ทีไอ้พวกสร้างจตุคามแล้วมาโยงกับศาสนาหลอกชาวบ้านเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋า หรือพระใบ้หวย ดันไม่ไปจัดการ .... แต่พอมีงานศิลปะแค่ชิ้นเดียวดันมาเดือดร้อน โวยวาย


ถามเล่นๆ นะครับ ยังงี้จะเหมือนกับที่ว่า
- ทีโจรใต้ละไม่ไปจัดการ จะมาแย่งเก้าอี้กันอยู่ได้
- ทีพวกขายยาบ้าล่ะไม่เห็นจัดการ มาจับแต่รถจอดผิดที่อยู่ได้
หรือเปล่าครับพี่ฉึ่ง (คือจะหาข้ออ้างไว้ตอบคนที่ถามแบบนี้)
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ


ชอบการ์ตูนอันนี้จริงๆ โดนใจเลย  ยิ้มน่ารัก

จะว่าไปมันก็คล้ายๆกับพวกนักการเมืองเหมือนกันนะ กัดกันยังกะหมาเพื่อจะแย่งเก้าอี้ ปลุกระดมคนหาพวกเพื่อจะเอาชนะการเลือกตั้ง (ตอนนี้ก็ไปบ้าปลุกระดมที่สนามหลวงอยู่ไม่เลิก) ไอ้พวกนักการเมืองพวกนี้เข้าไปแม่งก็เข้าไปกอบโกย กินอิฐ กินปูน กินรถดูดส้วม กินรถขยะ พอรู้ตัวว่าตัวเองจะใกล้ตาย ก็ปั้นลูกหลานมากินบ้านกินเมืองต่อ .... ไอ้คนไม่รู้เรื่องรู้ราวก็เลือกมันเข้าไปนั่งในสภาอยู่ได้ ไม่เข้าใจจริงๆประเทศไทย  ปลื้ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 ต.ค. 2007, 00:12 น. โดย 8e88 » บันทึกการเข้า


คนไทยจมกับความรุ่งเรืองของศักดินาตัวเองครับ

การที่มีคนมาเถียงคือการไม่ให้ความเคารพ

แนวคิดใหม่ๆ ของคนรุ่นใหม่ต้องผ่านความคิดเห็นเก่าๆ ของผู้ใหญ่กรองก่อน
แล้วกลายเป็นหน้าตาของผู้ใหญ่ หรือโชว์... ของผู้ใหญ่

ไหนจะโรงงานผลิตเป็ดอีก
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
ชอบๆ+
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
วันนั้นโทรคุยุยกับเพื่อนที่เรียนโทอยู่ ก็คุยเรื่องทั่วๆไป
แล้วก็วนไปเข้า งานของพี่ทิฟฟี่
เพื่อนมันก็บอกโอ๊ย มีอันนึง วาดพระเป็นหมา  ฮือๆ~ 555

ถ้าแสดงแถวหอศิลป์เจ้าฟ้า ก็ว่าจะแวะไปยลซะหน่อย
แต่ปีหลังๆขนไปแสดงนครปฐมหมดเลยอดดู
บันทึกการเข้า

ในหมู่คนตาบอด คนตาบอดข้างเดียวได้เป็นราชา
ถ้าคนเก่งๆรุ่นใหม่ ทนความงี่เง่าของพวกคนแก่สมองไดโนเสาร์ไม่ได้ ไปแจ้งเกิดที่เมืองนอกกันหมด ไม่มีใครอยากแสดงงานในไทย แล้ววันนั้นจะพูดกันยังไง นี่งานคนไทยทำนะ ได้รางวัล แต่ไม่ได้แสดงในเมืองไทย เออดีเว้ย ฮิ้ววว

ผมชอบศิลปะ ตรงที่มันทำให้เรามีอิสระทางความคิด อิสระในการแสดงออก ในทางสร้างสรรค์ แต่ถ้าพวกผู้ใหญ่บางกลุ่มยังเอาแต่จะมองหาความมุ่งร้ายในงาน ไม่มองเห็นข้อดีที่ศิลปินต้องการแสดง เอาแต่จับผิด กดขี่กัน ด้วยความกลัวว่าคนรุ่นหลังจะเก่งกว่า เหนือกว่า โดยที่ไม่ได้อยู่ในแนวทางของกลุ่มเขา แล้วเมื่อไหร่บ้านเมืองเราจะเจริญ ง่ะ

นั่งดูเมื่อวาน โคตรรำคาญไอ้แก่หน้าหงิกที่เอาแต่ตะโกนเรียกร้องเรื่องไร้สาระอยู่ตลอดรายการเลย ผมเบื่อพวกใจแค้บแบบนี้มากๆ

ถึงส่วนตัวจะไม่ค่อยได้ดูงานศิลปะแนวนี้(มันหดหู่ แต่เห็นแล้วรู้สึกสุดยอด วาดได้ไงเนี่ย) หรือหนังแนว เป็นเอก (ดูยากจัง แต่ภาพสวยดี)

แต่ก็ไม่พอใจกับการมาบีบบังคับอิสระภาพของคนกลุ่มนี้จริงๆ อี๋~
บันทึกการเข้า
งาน ก็คืองาน คนก็คือคน น่ะนะ สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านทรงสอน และเป็นหลักคุณธรรมขั้นพื้นฐานที่พวกเราก็รู้ๆกันดี
เรื่อง ให้มองคนอื่นในส่วนที่เขาดี แล้วจะมีประโยชน์ สิ่งที่ไม่ดีรับไว้แค่รู้ ไม่ทำตาม ไม่ซ้ำเติม เช่นในกรณีนี้น่ะนะ
จะเห็นได้ว่าคนที่มองในส่วนนี้ จะวางเฉยเลือกพูดแต่สิ่งที่คิดว่ามีประโยชน์ต่อตัวเองและต่อโลก
ส่วนฝ่ายตรงข้ามที่มองเห็นแต่โทษของคนอื่นก็รังแต่จะนำเอาความทุกข์ใจมาใส่ตัวเอง

บางท่านซึ่งอยุ่ในฐานะที่ควรจะวางเฉย  เพราะรู้ทั้งรู้ว่ามนุษย์เราล้วนเกิดมาพร้อมโมหะ มีความหลงเป็นที่ตั้ง
แต่ก็ยังจะสุมตัวเองด้วยความคิดที่เห็นโทษของคนอื่น ไม่รุ้จะพูดว่าอย่างไรดี

ส่วนบางท่านที่ท่านเข้าใจท่านก็ออกมาพูดในแนวสร้างสรรและมีประโยชน์

แต่ถ้าเป็น ศาสนิกชนที่ออกมาประท้วง ผมก็ยังโอเคนะเพราะพวกเขาหรือผมไม่อยุ่ในฐานะที่วางเฉยกับเรื่องอะไรได้อยู่แล้ว

อ่านพันทิป โพสต์ล่างๆก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่า พวกไหนที่ไม่เห็นด้วย  ที่จริงผมตามอ่านพันทิปห้องศาสนาไม่นานเท่าไร
แต่ก็พอรู้บ้างว่าใครชื่ออะไรเป็นศิษย์วัดไหน พอมาอ่านกระทู้นี้เห็นชื่อก็รู้เลยว่าจะออกความคิดเห็นแบบไหน ยิ่งอันท้ายๆนี่ยิ่งชัด....
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
ถ้าคนเก่งๆรุ่นใหม่ ทนความงี่เง่าของพวกคนแก่สมองไดโนเสาร์ไม่ได้ ไปแจ้งเกิดที่เมืองนอกกันหมด ไม่มีใครอยากแสดงงานในไทย

เอาแค่ทุกวันนี้ก็เป็นแบบที่ว่าหลายๆคนแล้วนะ ถ้าจะยอกอดีตมาพูดตัวอย่างง่ายๆก็คือ ลุงถวัลล์ กับน้าเฉลิมชัย ที่ไปดังที่ต่างประเทศมากกว่าในไทยมาก่อน ปลื้ม วงการศิลปะในบ้านเรายังดีที่แต่ละคนที่ทำงานในวงการช่วยๆกัน ไม่ค่อยแบ่งพรรคแบ่งพวก อย่างน้อยก็เลยมีเวทีให้แสดงออก แสดงงานเยอะ โอกาสเปิด แต่ก็ต้องต่อสู้กับไอ้พวกผู้ใหญ่หรือรัฐบาลที่ยังมองศิลปะด้วยตัวเองไม่เป็น (แล้วก็ออกมาโวยวายแบบใจแคบ) ... สิ่งที่คนบ้านเรายังเป็นกันก็คือการอิจฉาและกีดกันกันเอง แต่พอต่างประเทศยอมรับ บอกว่างานนั้นงานนี้ดี ก็เออออตามเขาไปทั้งๆที่ตัวเองไม่รู้อะไรหรอก  ฮิ้ววว บ้านเมืองเรามันถึงรับวัฒนธรรมตะวันตกกันแบบโง่ๆไง ซึ่งมันกลายมาเป็นปัญหาของสังคมที่กำลังสูญเสียวัฒนธรรมของตัวเอง ......

ไอ้ผู้ใหญ่ที่มาออกรายการเมื่อวาน (จับเข่าคุย เรื่องภาพภิกษุสันดานกา) เดาเอาว่าอาจจะเคยมีความคิดเห็นคัดค้านในการสร้างหอศิลป์แห่งชาติที่ใหม่ตรงแยกปทุมวัน ตอนนั้นไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันออกมาคัดค้านกัน ซึ่งเหตุผลที่ดูเหมือนฉลาดของคนพวกนี้ก็คือ เอาที่ไปสร้างห้างสรรพสินค้าตรงนั้นดีกว่า เพราะเป็นทำเลทอง หรือการสร้างหอศิลป์เป็นการทำเพื่อคนกลุ่มเดียวในสังคม คือคนทำงานแวดวงศิลปะ ไม่มีประโยชน์เพียงพอ ..... แม่งคิดกันได้เท่านี้ เจริญเลยล่ะประเทศไทย  ง่ะ ....คนกลุ่มนี้มองไม่ออกหรือไม่มีความรู้ว่าศิลปะให้อะไรกับประเทศชาติหรือชีวิต ...... ที่ชาติเรากำลังปะทะกับวิกฤติเรื่องวัฒนธรรมก็เป็นเพราะเราไม่รู้จักศิลปะและการนำมันเอาไปใช้อย่างถูกต้อง ซึ่งมันไม่ใช่แค่คนทำงานศิลปะจะได้อย่างเดียวแต่ชาวบ้านหรือเด็กยุคต่อๆไปจะได้รับประโยชน์มหาศาลด้วย ......

ทำไมหลายๆชาติที่เจริญแล้ว ประชาชนมีความเข้าใจด้านศิลปะ และงานศิลปะ-ออกแบบ สร้างรายได้ให้กับประเทศได้มหาศาล ...บ้านเรามีศิลปะหลายๆอย่างที่ยังไม่ได้เอามาใช้แบบถูกต้อง ซึ่งถ้าทำสำเร็จออกมาได้ มันแทบจะไม่ได้เปลืองต้นทุนอะไรเลย ไม่ต้องใช้ที่ดินปลูกสร้าง ไม่ต้องลงเงินมากมาย ใช้แค่ความคิดในการสร้างสรรค์ก็ทำอะไรได้ตั้งเยอะ ...... ไอ้การสร้างหอศิลป์หรือการปลูกฝังความเข้าใจในศิลปะ มันเป็นต้นทุนที่ไม่ได้แพงอะไรเลย  ไหว้

อาชึพที่เกี่ยวกับการสร้างสรรค์ เป็นอาชีพที่ใช้ต้นทุนน้อยมาก ...และพื้นฐานของอาชีพที่เกี่ยวกับการสร้างสรรค์ ไม่ว่า ออกแบบ, โฆษณา, สถาปัตย์, นักเขียน, คนทำหนัง พื้นฐานที่ต้องมีเป็นอันแรกคือความเข้าใจในศิลปะ ....ไปสืบกันดูก็ได้ว่าจริงหรือไม่จริง กวีซีไรต์กว่าครึ่งมักจบการศึกษาด้านสาขาศิลปะ เช่น ชาติ กอบจิตติ, ปราบดา หยุ่น, วินทร์ เลียววาริณ สายของคนทำภาพยนตร์ที่อยู่ในยุคที่ต่างประเทศยอมรับคนไทย เกินครึ่งเป็นคนที่จบด้านศิลปะเช่นกัน ....แล้วไอ้อาชีพพวกนี้แม่งแปลกอยู่อย่างนะว่า รัฐบาลหรือพวกผู้ใหญ่บ้านเมืองเราไม่ค่อยจะสนับสนุนกันจริงจังทั้งๆที่มันขายต่างประเทศได้ ต่างประเทศยอมรับ สู้เขาได้อย่างไม่อาย ดันปล่อยให้คนทำงานด้านนี้ดิ้นรนกันเองเป็นส่วนใหญ่ แต่พอใครดังเข้าหน่อยรัฐบาลหรือผู้ใหญ่ไร้ความคิดก็อาศัยเกาะชายผ้าเหลืองเขาไปด้วย ...... การทำให้คนรุ่นใหม่ๆเข้าใจด้านศิลปะมันมีผลใหญ่หลวงต่อสังคมยุคต่อไป .... ต้องรอล้างเผ่าพันธ์ไดโนเสาร์ก่อนนั่นแหล่ะ บ้านเมืองเรามันถึงเจริญ รายการเมื่อวานก็เห็นๆกันว่าตัวอย่างของพวกถ่วงให้ศิลปะพัฒนาได้ช้ามันเป็นยังไง ... เอาแค่การพูดจาออก TV. มันก็สื่ออะไรได้หลายๆอย่างแล้ว  ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 9
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!