หน้า: 1 ... 12 13 14 15 16 17 18 [19] 20 21
 
ผู้เขียน หัวข้อ: นิ้งเขียนเพลง  (อ่าน 165406 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
รับเสียงตัวเองไม่ได้อะ กร๊าก

ช่วงนี้แต่งเพลงไม่ค่อยออกด้วย คงต้องเอาของเก่าๆมาอัดหากิน
ถ้าเอาลงจะมีใครฟังมั้ยน้ออออ กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

"ความรักนั้น...ง่ายดายกว่าที่คิด...ยากเย็นกว่าที่เห็น"
เห็นใน Voxer ร้องกันแบบไม่ต้องขอ fuc yea
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
โหลดvoxerมาไม่ได้คุยกับใครเลย น้องดำ


http://snd.sc/yQrgEB เทสดูหน่อย

เพลงนี้ยังแต่งไม่เสร็จ
แต่เนื้อหาคืออย่ามัวแต่เล่นบทโศกเลย มีความสุขกันดีกว่า

จบ เกรียน
บันทึกการเข้า

"ความรักนั้น...ง่ายดายกว่าที่คิด...ยากเย็นกว่าที่เห็น"
น่าจะมีอุปกรณ์ให้จังหวะสักชิ้นนะ ตรงๆ เลยคือ ฟังแล้วจับจังหวะไม่ถูก  น้องดำ
บันทึกการเข้า

Today you , Tomorrow me.
ตัวเองก็จับไม่ถูก น้องดำ

ก่อนอัดไม่เคยซ้อมอะ ร้องเลย(เทคเดียวจบ)
พอร้องไปก็จะสะดุดเพราะนึกเนื้อกับทำนองไม่ออก ฮิ้ววว

มีแอพเมโทรโนมไหนที่มันเปิดไประหว่างอัดได้บ้างมั้ยเนี่ย(อัดในไอโฟน) ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

"ความรักนั้น...ง่ายดายกว่าที่คิด...ยากเย็นกว่าที่เห็น"
เค้าทำดนตรีให้มั้ย ๕๕๕
บันทึกการเข้า

지금은 소녀시대 , 앞으로도 소녀시대 , 영원히 소녀시대
เอา!! โวย


คิดว่าจะปฏิเสธหรอ แหยะ
บันทึกการเข้า

"ความรักนั้น...ง่ายดายกว่าที่คิด...ยากเย็นกว่าที่เห็น"
เอางานประกวดเรื่องสั้นสำหรับพลอตเอ็มวีเพลง ไม่มีฉัน ซึ่งควรจะประกาศผลเมื่อวานแต่ดันเลื่อนไปเป็นสิ้นเดือนมาให้ดูค่ะ
ส่งไป3เรื่อง แต่เอามาให้ดูเรื่องเดียวก่อน (จะได้มีอะไรมาโพสลงนานๆหน่อย น้องดำ)

http://youtu.be/TsB9J45rW_k


ผมลืมตาตื่นขึ้นมา ด้วยแววตาที่พร่ามัว เอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์
เพ่งมองอยู่นานเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเบอร์ที่คุ้นเคยโชว์ขึ้นมาจริงๆ
เมื่อแน่ใจแล้ว ผมก็สะบัดหัวไล่ความคิดเพ้อเจ้อนั้นออกไป แล้วค่อยๆลุกไปนั่งที่โต๊ะทำงาน
ผมอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นรูปถ่ายของผมกับเธอคนนั้นซึ่งกำลังฉีกยิ้มให้กันอยู่หน้าโรงหนังลิโด้
ซึ่งทำให้ผมต้องรีบหันไปที่หนังสือพิมพ์ของเมื่อวานที่มีข่าวว่า โรงหนังลิโด้กำลังจะปิดตัวลง
ผมรู้สึกราวกับมีใครบางคนกำลังนำกล่องเก็บความทรงจำทุกอย่างที่ผมเคยมี โยนออกนอกหน้าต่าง
สถานที่ที่เคยเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรากำลังจะหายไป

...หลังจากความทรงจำของเราที่มีด้วยกันได้เริ่มเลือนหายไปจากใจของเธอแล้ว...

ความรู้สึกเจ็บปวดปะทุขึ้นในใจของผม ทำให้ผมตัดสินใจอาบน้ำแต่งตัวเพื่้อเริ่มออกเดินทาง…
สู่สถานที่แห่งความทรงจำของเรา...

ตลอดการเดินทาง ผมได้แต่นึกหวนถึงวันเก่า…
ภาพวันแรกที่ผมพบเธอหน้าโรงหนังลิโด้ สถานที่ที่ผมใฝ่ฝันอยากจะทำหนังไปฉายที่นั่นให้ได้
วันนั้นเธอกำลังง่วนกับการถ่ายภาพโรงหนังจนผมหลุดขำ และทำให้เธอหันมามอง เธอทำหน้าบึ้งตึงและบ่นผมยกใหญ่
แต่หลังจากนั้น เราก็มาพบกันที่หน้าโรงหนังลิโด้เป็นประจำ บ้างก็มาดูหนัง บ้างก็มาเพื่อหาที่ถ่ายรูป ซึ่งเป็นงานของเธอ
มันเป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำที่มีฉากหลังเป็นลิโด้เสมอ เช่นเดียวกับรูปถ่ายที่วางอยู่ในบ้านของผม…

ในที่สุดผมก็เดินทางมาถึง ผมยืนอยู่หน้าโรงหนัง
ภาพวันเก่าๆ ที่ผมและเธอต้องรีบเดินมาหยุดอยู่ที่ตรงนี้เสมอ
ความสุขที่มี ณ ที่นี่ ยังเหมือนเดิมทุกครั้งที่เรามายืนด้วยกันตรงนี้ โดยมีเพียงแต่เสื้อผ้าและสิ่งของเท่านั้นที่ต่างกันไปในแต่ละครั้ง
ผมนึกถึงทุกวันที่เธอต้องโทรมาตามให้ผมรีบออกจากบ้าน
มันทำให้ผมต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้งเพียงหวังได้เห็นเบอร์ของเธอซึ่งไม่มีทางจะโทรมา...

ผมยืนอยู่นานจนดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำเมื่อไหร่ไม่รู้ เงาของผู้คนเริ่มจางหาย
ความมืดดำของราตรีคืบคลานเข้ามาแทน ราวกับจะกลบกลืนความสุขความทรงจำที่เคยเป็นแสงสว่างของผมไปด้วย
ผมค่อยๆก้าวเท้าออกไป เดินไปที่สตูดิโอถ่ายรูป สถานที่ที่เธอทำงานซึ่งตอนนี้ปิดอยู่
ผมหลับตานึกถึงภาพของเธอ ในสตูดิโอนั้นมีภาพของผมกับเธอแขวนอยู่เต็มไปหมด
ผมมองทุกภาพที่เราเคยถ่ายที่หน้าโรงหนังลิโด้นั่นด้วยความรู้สึกตื้นตัน
มันทำให้น้ำตาผมค่อยๆรินไหล แล้วทุกอย่างก็สั่นไหว รูปภาพของเราค่อยๆร่วงหล่น ผมก้มมองภาพเหล่านั้น แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นหน้าก็เห็นว่าภาพเหล่านั้นยังคงอยู่ทีเดิม…

เพียงแต่รูปเหล่านั้น เปลี่ยนจากรูปของเธอกับผม เป็นใครอีกคนที่ผมไม่รู้จัก

ทุกภาพนั้นล้วนเหมือนกับภาพที่เราเคยถ่าย เพียงแต่ไม่ใช่ผมแล้วที่อยู่เคียงข้างเธอ…
นั่นย้้ำเตือนให้ผมเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่ผมยังไม่ยอมรับจนถึงวันนี้
 ความจริงที่ว่าเธอหมดใจให้ผมแล้ว ตั้งแต่วันนั้นที่เธอมาบอกลา
คืนสร้อยที่ผมเคยให้ในวันที่ผมขอเธอเป็นแฟน วันนั้นแววตาเธอว่างเปล่า
เธอคืนให้ผมอย่างรวดเร็วแล้วเดินจากไป… พร้อมกับใครที่เข้ามาแทนที่ผม

 ‘…จบลงตรงนี้เรื่องราว ที่เธอและฉันร่วมเคียง  ที่สุดวันนี้คงมีแค่เพียง ความหลังให้เราบอกลา
ไม่มีอีกแล้วฉันและเธอ กลับคืนจุดเดิมที่เริ่มมา…’

ผมเขย่าประตูหวังจะเข้าไป เพื่อจะดูให้แน่ใจว่าภาพเหล่านั้นยังเป็นใบหน้าของผม
แต่มันก็ไร้ความหมาย ผมทรุดลงกับพื้น ได้แต่เงยหน้ามองป้ายหน้าประตูที่เขียนว่า “Closed” แล้วร้องไห้
เมื่้อผมรวบรวมสติได้อีกครั้ง ผมก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน เดินออกมา  ผ่านหน้าลิโด้…

‘สถานที่ที่เคยเป็นความทรงจำของเรา จากนี้คงไม่มีอีกต่อไปแล้ว’

ภาพลิโด้ที่เคยแจ่มชัดในความทรงจำของเรา บัดนี้ได้ค่อยๆจางลง [ในขณะที่อย่างอื่นยังคงชัดเจน]



ผมตื่นจากความคิด ภาพเหล่านั้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่บนจอฉายภาพยนตร์
ซึ่งแท้จริงแล้วกำลังฉายภาพยนตร์ของผมที่พึ่งตัดต่อเสร็จ


ถึงเวลาที่ผมต้องก้าวไปข้างหน้าต่อไปแล้ว ผมค่อยเดินๆออกจากห้องฉาย ด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย…
บันทึกการเข้า

"ความรักนั้น...ง่ายดายกว่าที่คิด...ยากเย็นกว่าที่เห็น"
พี่ยุ๊กโกะหายไปไหนวะ T[]T
บันทึกการเข้า

지금은 소녀시대 , 앞으로도 소녀시대 , 영원히 소녀시대

พี่ยุ๊กโกะคือใครอะ T[]T




เอาอีกเรื่องมาลงแล้ว (ถึงจะรู้ว่าไม่มีคนอยากอ่านก็เหอะ เกรียน)
ตอนนี้เริ่มติดใจแนวนี้ ว่าจะหาเพลงมาเขียนเรื่อยๆ กะว่า payphone จะเป็นเพลงต่อไป
เรื่องอยู่ในหัวแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาเขียน



วันนี้เป็นวันที่ผมได้ย่างก้าวกลับมาที่คอนโดของเราอีกครั้ง

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่แห่งนี้ยังเป็นของเรา แต่นับจากนี้ไปมันจะกลายเป็นที่ของใครก็ไม่อาจรู้ได้
ผมกระชับแฟ้มเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในวันนี้แล้วค่อยๆเดินขึ้นบันไดไป
ในใจก็รู้สึกโหวงๆ เมื่อคิดว่าจากนี้จะไม่ได้อยู่ที่นี่ และไม่ได้มีวันเวลาดีกับใครคนหนึ่งซึ่งเคยอาศัยอยู่ด้วยกัน ณ ที่แห่งนี้…

ผมเดินมาถึงอดีตห้องของเรา ข้าวของทุกอย่างที่เคยระเกะระกะทั่วห้อง
บัดนี้ถูกจัดเก็บลงกล่องหมดแล้ว
มีเพียงกรอบรูปซึ่งเคยใส่กรอบรูปของเราสองคนที่ยังถูกติดไว้ แต่บัดนี้รูปนั้นได้หายไปเหลือไว้แต่เพียงกรอบรูปที่ว่างเปล่า

ผมค่อยๆมองของที่ถูกเก็บไว้ในกล่องอย่างช้าๆ
ราวกับว่าถ้าผมมองเร็วเกินไป ความทรงจำเก่าๆนั้นพาลจะหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ภาพวันเก่าๆที่เคยมีพร้อมกับสิ่งของเหล่านี้ค่อยๆลอยขึ้นมาในห้วงความคิด

นั่นตุ๊กตาที่ผมเคยให้เธอเมื่อตอนที่ผมเล่นเกมชนะมา
นั่นก็อัลบั้มรูปที่ผมกับเธอบรรจงใส่รูปที่เราไปเที่ยวกันไว้จนเต็ม

ผมไม่กล้าเปิดมันออกมา เพราะกลัวว่าจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
สิ่งของที่เกี่ยวข้องกับความสุขความผูกพันอัดแน่นอยู่ในกล่องนั้นมากเกินไป ผมจึงเบือนหน้าออกมา

ผมเริ่มตรวจดูตามห้องต่างๆ เพื่อดูว่ามีของอะไรที่ลืมเก็บหรือไม่
แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ผมใจหาย กับความเวิ้งว้างว่างเปล่าของทุกห้อง
โต๊ะที่เราเคยทานข้าวด้วยกัน โต๊ะทำงานที่ผมต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ง่วนอยู่กับงาน
ในขณะที่เธอจะคอยหยิบหูฟังหนึ่งข้างเพื่อแบ่งเพลงให้ผมฟัง ห้องน้ำที่เธอเคยลื่นล้มเมื่อสมัยเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ๆ

ผมเดินมาจนถึงเตียงนอน ผมนั่งลงบนฟูก หลับตานึกถึงวันแรกที่เราได้ย้ายเข้ามาแล้วภาพวันแรกที่เราตื่นเต้นกับเตียงนอนใหญ่นุ่มนี่ก็ลอยขึ้นมา


ผมอมยิ้มเล็กๆ เมื่อนึกถึงมัน



แต่ไม่นานเสียงกริ่งก็ดัง ทำให้ผมหลุดออกจากห้วงความคิด
เจ้าของคอนโดเข้ามาเพื่อบอกว่าทำเรื่องให้เรียบร้อยแล้ว ให้เก็บข้าวของออกไปได้เลย
ผมพยักหน้ารับ พอดีกับที่มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาที่ด้านหลังเจ้าของคอนโด

เธอนั่นเอง

เธอที่ทำให้ผมผูกพันกับสถานที่แห่งนี้ และเป็นคนเดียวกับที่เอ่ยปากบอกว่าถึงเวลาที่เราควรจะจากสถานที่แห่งนี้เสียที


เมื่อเจ้าของคอนโดเห็นเธอมาก็เดินหลบฉากออกไป
ตอนนี้เหลือเพียงเราสองคน…อีกครั้ง… และคงเป็นครั้งสุดท้าย…

เธอเดินเข้ามา กวาดตามองรอบๆ เธอตรวจตราสิ่งของต่างๆเหมือนที่ผมทำ
เพียงแต่เธอใช้เวลาน้อยกว่าผมมาก ราวกับเธอสลัดเยื่อใยออกไปหมดแล้ว
เมื่อเธอตรวจทุกห้องทุกอย่างเรียบร้อย เธอก็นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับผม

ความเงียบก่อตัว บรรยากาศแห่งความเงียบเหงากำลังทำให้ใจค่อยๆบีบตัว
เรานิ่งเงียบจ้องตากันอยู่นาน
จนในที่สุดเธอก็เรียกขอดูกระดาษในแฟ้ม ผมค่อยๆหยิบมันออกมา ทั้งที่ในใจภาวนาอย่าให้ช่วงเวลานี้เป็นจริง แต่สุดท้ายผมก็ยื่นมันให้เธอ
 
มันคือใบหย่าที่เธอขอให้ผมนำมาให้เธอในวันนี้ พร้อมๆกับที่เรานำของทั้งหมดที่เหลือกลับไปตามที่ของตน
เธอเก็บใบหย่า ก่อนที่จะค่อยๆก้มมองที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
เธอลูบแหวนแต่งงานของเราเบาๆ แล้วค่อยๆดึงมันออกมาจากนิ้วของเธอ

หัวใจผมหล่น แต่ความรู้สึกหวิวโหวงกลับรื้นขึ้นมาถึงลำคอ

ผมยื่นมือออกไปเพื่้อเป็นบอกให้เธอหยุด

‘เก็บไว้เถอะ’ ผมพยายามรวบรวมเสียงอันแหบพร่าของผมเพื่อเอ่ยออกไป

แต่แล้วคำที่เธอตอบกลับมา ก็ทำให้ทุกเสียงของผมกลับหายไป

‘ถ้ายังเก็บเอาไว้ แล้วจะเริ่มต้นใหม่ได้ยังไง’ เสียงของเธอฟังดูเหมือนฉงนกับการกระทำของผม แต่ก็ยังเจือปนด้วยความโศกเศร้า
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็ลุกขึ้น เดินช้าๆ แล้วนำแหวนไปวางบนชั้นวางของอย่างบรรจง เธอหันมามองผมเพียงเสี้ยวนาทีแล้วเดินจากไป

...
..
.

ผมยังคงนั่งนิ่ง พยายามรวบรวมความรู้สึกของตัวเองทั้งหมดเพื่อเผชิญหน้ากับความเป็นจริง
ผมก้มมองดูที่แหวน ถอดมันออกมา พิจารณาถ้อยคำที่สลักบนแหวน

‘Forever Love’

ผมมองมันอยู่นาน ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วนำไปวางไว้เคียงข้างกับคู่ของมัน

ก่อนจะขยับเท้าหยิบข้าวของของผมออกจากห้องไป


‘ถึงแม้ว่าเราไม่อาจจะเคียงข้างกันได้อีก แต่แหวนคู่นี้จะเป็นตัวแทนแห่งความทรงจำของเราที่ยังดำรงอยู่ ณ ที่แห่งนี้เสมอ’



ชอบเรื่องนี้ที่สุดใน3เรื่องที่ส่งไป เพราะว่ามันเข้ากับเพลงที่สุดแล้ว น้องดำ

ตอนแรกนั่งจัดวรรคตั้งนาน บอกหมดเวลาส่ง(เพิ่งเคยเจอ) fuc yea

บันทึกการเข้า

"ความรักนั้น...ง่ายดายกว่าที่คิด...ยากเย็นกว่าที่เห็น"
บุ๊กโกะ คือดีเจอะ คือนักร้องนำแปดไม้เท้าคนก่อนหน้าเหมือนบุ๊คโกะ แล้วแบบ

หายไปไหนวะ T T โคตรชอบอะ
บันทึกการเข้า

지금은 소녀시대 , 앞으로도 소녀시대 , 영원히 소녀시대
อ๋อออออ บอกยุ๊กโกะเลยนึกไม่ออก  น้องดำ

ไม่รู้หายไปไหนเหมือนกัน แต่ตอนนี้เหมือนพิชจะมาเป็นนักร้องวงนี้ถาวรแล้วอะ วงออกัสแตกไปเรียบร้อย ฮือๆๆ

บันทึกการเข้า

"ความรักนั้น...ง่ายดายกว่าที่คิด...ยากเย็นกว่าที่เห็น"
อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไอ้อีกคนที่มาจากแบรนนิวซันเซท เสียงแม่งน่ารำคาญชิบหาย
บันทึกการเข้า

지금은 소녀시대 , 앞으로도 소녀시대 , 영원히 소녀시대
เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก soundcloud ในไอโฟนมันกดพอสบ่ได้!! โวย
ลิ้นพัน ร้องมั่ว แต่ให้ร้องบ่อยๆก็ไม่ไหวละ เหนื่อยเกินเพลงนี้
ยึดเอาจากเนื้อเพลงไปละกัน (เหงื่อแตกพลั่ก)

http://soundcloud.com/ningkantida/bout-to-die/s-Cv6Pu
(ฝังยังไงอะ ฮือๆ~)

Bout to die

Sometimes i feel like everyone wanna see my death.
And the hell open its door to say 'be my guest.'
Feel like someone try to pull my soul outta my chest.
I can't figure out I'm alive or i'mma dead...man

Can you imagine how hard for me.
When I lost all the hope to live
Can you imagine how much pain.
When everybody is all against me.

Life ain't easy, even if you see like that.
Love ain't ease me, even if I try to feel that.
Lost is around me, even how much I run fast.
Can't you feel I'm bout to cry. Why don't you see that.
Oh why don't you see that.

Spectators never wanna be players.
So I'm a solo player struggling not to be a loser.
I can see someone's chasing me after.
Should I give up or run faster.

Can you imagine how hard for me.
When I lost all the hope to live
Can you imagine how much pain.
When everybody is all against me.

Life ain't easy, even if you see like that.
Love ain't ease me, even if I try to feel that.
Lost is around me, even how much I run fast.
Can't you feel I'm bout to cry. Why don't you see that.
Oh why don't you see that.

Wish you tell me what I ought to do.
Wish you see me and wrap me around you.
It's gonna be alright, you're gonna be survive.
Please tell me like that, then I'll believe you.

But but but (ตอนร้องลืม)

Life ain't easy, even if you see like that.
Love ain't ease me, even if I try to feel that.
Lost is around me, even how much I run fast.
Can't you feel I'm bout to cry. Why don't you see that.
Oh why don't you see that.

I hope you'll see that.
I'm bout to die why don't you see that?



ภาษาอังกฤษอีกแล้ว ภาษาไทยจริงๆก็มี แต่ยังแต่งไม่จบสักเพลง
ช่วงนี้แทบไม่ได้แต่งเพลงเลย หมดไฟแล้ว เศร้า
บันทึกการเข้า

"ความรักนั้น...ง่ายดายกว่าที่คิด...ยากเย็นกว่าที่เห็น"
http://snd.sc/NWHvq7
แต่งยามเช้า ก่อนออกจากบ้าน ประมาณ20นาที ปลื้ม

โปรดเถิดฟ้า...

กี่วันมาแล้ว ที่เธอเดินจากฉันไป
กี่ลมหายใจ ที่ไม่ได้ใช้ร่วมกันกับเธอ
เหม่อมองท้องฟ้า ดูเหว่ว้ายิ่งกว่าที่เคย
เมื่อข้างกายไม่มีใคร แต่ข้างในหัวใจ
'ยังมีแต่เธอ'

ไม่มีอีกแล้ว วันเวลาของฉันกับเธอ
แค่คิดว่าจะ ไม่ได้เจอ
หัวใจฉันก็เริ่มสั่นกลัว
โปรดเถิดท้องฟ้า
เมฆบนนภาได้โปรดกลั่นตัว
ให้สายฝนช่วยทำให้มืดมัว
ช่วยชะล้างจิตใจฉันที

หวังสายฝนที่หล่นเป็นสายมา
จะบิดบังคราบน้ำตาให้ที
หวังว่าหัวใจที่ฉันมี
จะกลับมาดีดังเดิมได้สักวัน...

หว้งเพียงหัวใจที่ฉันมี
จะกลับมาดีดังเดิมได้สักวัน...
บันทึกการเข้า

"ความรักนั้น...ง่ายดายกว่าที่คิด...ยากเย็นกว่าที่เห็น"
หน้า: 1 ... 12 13 14 15 16 17 18 [19] 20 21
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!