ไม่รู้คิดไปเองรึปล่าวว่าชาว f0nt ทั้งหลายที่เห็นๆกันตอนห้าทุ่มขึ้นไป (ซึ่งเยอะมาก) ส่วนใหญ่จะตื่นสายมาก ป่านนี้แล้วยังเห็นเข้ามาไม่กี่คน
ถ้าเป็นเพราะติดธุระไม่ได้เล่นบอร์ด หรือตื่นแล้วแต่ขึ้เกียจเล่นช่วงเช้าๆก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ส่วนใครตื่นสายจริงๆโปรดฟังทางนี้
ท่านทราบหรือไม่ว่าร่างกายคนเรามันมีนาฬิกาชีวิตอยู่ว่าช่วงไหนควรทำอะไร ผมได้อ่านในคู่สร้าง-คู่สม และเทียบกับวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์แล้วคิดว่าเรื่องนาฬิกาชีวิตนี่น่าจะจริง เพราะพระสงฆ์นี่ท่านดำเนินชีวิตได้สอดคล้องกับธรรมชาติอยู่มากนะครับ
เกริ่นกันมานานเริ่มเลยดีกว่า
คนเราควรจะตื่นนอนราว ตีสาม ถึง ตีห้า ในช่วงนี้เป็นช่วงที่พลังปราณวิ่งมาที่ปอด หากได้เริ่มตื่นนอน เริ่มหายใจอย่างตั้งใจในช่วงนี้สุขภาพจะดี เพราะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ผมแถมท่าโยคะ สุริยนมัสการไปให้ เพื่อฝึกการหายใจนะครับ
ก่อนอื่นยืนตัวตรง เท้ากางเท่าไหล่ให้ร่างกายมั่นคง สูดลมหายใจเข้า ไหล่ยก ท้องป่อง สูดเข้าให้ลึกที่สุด แล้วก็หายใจออก ไหล่หด ท้องแฟบ หายใจออกให้สุด ทำแบบนี้เพื่อกระตุ้นร่างกาย เท่าไหร่ก็ได้ตามชอบ ส่วนใหญ่ผมจะทำประมาณสิบรอบได้มั้ง สดชื่นดียิ่งทำตอนตีสี่ ตีห้า จะสดชื่นสุดๆ
เมื่อร่างกายได้รับการกระตุ้น ค่อยยกมือประนมที่หน้าอก พร้อมหายใจเข้าตลอดจนกว่าจะประนมมือเสร็จ นี่เป็นจังหวะที่หนึ่ง
จังหวะที่สอง ให้เหยียดแขนออกไปเหมือนผีดิบจีน จังหวะนี้หายใจออกตลอด
จังหวะที่สาม ยกแขนขึ้นตั้งฉากกับพื้นโลก จังหวะนี้ยึดตัวให้สุดๆ ไม่ต้องเขย่งขานะ พร้อมกับหายใจเข้าตลอดจังหวะ
จังหวะที่สี่ ก้มตัวลงเอาปลายมือแตะปลายเท้า จังหวะนี้หายใจออกตลอด ถ้าทำบ่อยๆเอวจะพับ ขาจะไม่งอ เส้นสายจะดีนะ จังหวะนี้ทำพร้อมหายใจออก
จังหวะที่ห้า ต่อเนื่องจากจังหวะที่สี่ ให้ทำท่าเหมือนเตรียมวิดพื้น แล้วดึงขาซ้ายมาชันเข่าแค่ขาเดียว ส่วนหน้าก็จ้องไปข้างหน้า อย่าก้ม เมื่อจบจังหวะจะคล้ายท่าคนเตรียมสตาร์ทวิ่ง ตลอดจังหวะนี้หายใจเข้า
จังหวะที่หก นอนลงไปที่พื้น มือยังอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อน ยันพื้นเอาไว้ หลังจากนอนแล้วฝ่ามือน่าจะอยู่ที่บริเวณหน้าอก ฝ่าเท้าก็ตั้งชันตั้งฉากกับพื้นโลก จังหวะนี้หายใจออก
จังหวะที่เจ็ด สบายสุดๆ มือที่ยันพื้นก็ยันพื้นต่อไป แต่ให้เลื้อยตัวไปข้างหน้าตอนนี้ช่วงบนของลำตัวจะเงยขึ้นเหมือนหัวรองเท้าพระมหากษัตริย์ ส่วนช่วงล่างของลำตัวจะแนบกับพื้น จังหวะนี้แหละมั้งเหมือนเคารพพระอาทิตย์ ตลอดจังหวะนี้หายใจเข้า
จังหวะที่แปด ดึงขาขวามาชันเข่า หน้ามองตรง เมื่อสิ้นสุดจังหวะจะเหมือนท่าเตรียมสตาร์ทวิ่ง ท่านี้เป็นส่วนกลับกับจังหวะที่ห้า ตลอดจังหวะหายใจออก
จังหวะที่เก้า ยืนขึ้นเอามือประนม เมื่อทำเสร็จร่างกายเราจะกลับสู่จังหวะที่หนึ่ง ตลอดจังหวะหายใจเข้า
หมดเก้าจังหวะก็คือหนึ่งรอบ แต่เราต้องทำให้เกิดสมดุล ดังนั้นรอบใหม่ก็ทำเหมือนเดิม ต่างกันที่จังหวะที่ห้า กับที่แปดท่าทางจะสลับกัน คือเริ่มชันเข่าซ้ายเป็นชันเข่าขวาในจังหวะที่ห้า และชันเข่าขวาเป็นชันเข้าซ้าในจังหวะที่แปด ส่วนการหายใจเหมือนเดิม คือ จังหวะห้าหายใจเข้า จังหวะหกหายใจออก โดยทั่วไปควรทำให้ครบสิบสองรอบนะครับ อย่ามากกว่านั้น แต่น้อยกว่าได้ เมื่อครบแล้วให้นอนหงาย หายใจสงบๆ ผ่อนคลายมือและเท้า พักสักแป๊ป แล้วจะดี แต่ต้องมีสมาธิตลอด ไม่งั้นหลับแน่
การเล่นโยคะ ทุกจะหวะต้องต่อเนื่อง ลมหายใจก็ต้องต่อเนื่อง ถ้าทำไม่ต่อเนื่องแล้วละก็ แปลว่าคุณเหนื่อยเกินไป พักซะ อย่าฝืน ไม่ใช้นั้นลมหายใจจะตีกลับ ผมเคยเป็นมาแล้ว หายใจไม่เข้าปอดเลยหล่ะ ทรมานมาก
เล่นโยคะท่านี้ เป็นสุริยนมัสการเพื่อสุขภาพ ส่วนที่เล่นกันในฟิตเนสนั่นอาจเป็นเพื่อความสวยงามก็ได้ มันมีหลายสำนักนะ ส่วนใครฝึกไทเก็กอยู่แล้วก็อย่าเอาโยคะมาปน เพราะระบบการหายใจต่างกัน เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้
นี่คือกายบริหารเพื่อความตื่นตัวและสดชื่นในช่วงตีสาม-ตีห้า อันเป็นเวลาที่มนุษย์ควรตื่นนอน เมื่อทำเสร็จแล้วยังง่วง ก็ไปอาบน้ำซะนะ
ช่วงตีห้า-เจ็ดโมงเช้า เป็นช่วงเวลาที่คนเราควรขับถ่ายของเสีย ถ้าก่อนนอนคุณดื่มน้ำ คุณจะออกทั้งเบาและหนัก ประกอบกับโยคะได้บริหารลำไส้ใหญ่แล้วด้วย การขับถ่ายก็จะดี
เจ็ดโมง-เก้าโมง เป็นช่วงที่ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีที่สุด ดังนั้นกินข้าวซะ ใครไม่กินก็ซวยไป ร่างกายไม่ใช่ของทนทาน รักษาหน่อยก็แล้วกัน
เก้าโมง-สิบเอ็ดโมง เป็นช่วงที่ควรตื่นนอนอย่างสดชื่น ใครหลับถึงช่วงนี้เป็นพวกนอนทน นอนนาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าสรรเสริญแม้แต่น้อย แม้แต่ในพระไตรปิฎกยังกล่าวไว้ว่า การนอนเป็นศัตรูต่อการปฏิบัติ ดังนั้นนอนให้พอ แต่อย่ามาก และต้องนอนให้ถูกเวลา
สิบเอ็ดโมง-บ่ายโมง อย่าเครียด อย่าตื่นเต้น สมาธิช่วยคุณได้ ไม่ต้องนั่งหรอก แค่คุณรู้อยู่ตลอดว่าวินาทีนี้คุณทำอะไร นั่นก็เป็นการตั้งจิตมั่นแล้ว (กายปาณสติ)
บ่ายโมง-บ่ายสาม อย่ากิน อย่ากิน อย่ากิน เพราะลำไส้เล็กกำลังดูดซึมสารอาหารที่กินเมื่อเช้านั่นแหละ ดังนั้นอย่าไปขัดจังหวะด้วยการยัดอาหารใหม่ๆเข้าไป กินน้ำได้ อาหารหนักอย่ากิน
บ่ายสาม-ห้าโมงเย็น ช่วงเวลาของการถ่ายของเสีย แต่ไม่ใช่ขี้ๆนะ มันต้องถ่ายผ่านระบบของเหลว เช่น เหงื่อ หรือฉี่ ดังนั้นออกกำลังกายซะ ถ้าทำไม่ได้ อย่างน้อยอย่าอั้นฉี่ในเวลานี้
ห้าโมงเย็น-ทุ่ม ใครนอนไม่ดี ช่วงนี้ต้องสดชื่นเข้าไว้ เพราะเป็นโค้งสุดท้ายที่เราจะได้เร่งทำอะไรๆให้สำเร็จในรอบวันนี้ อะไรที่เครียดมาก อะไรที่ต้องคิดมาก ทุ่มเทมาก ต้องทำช่วงนี้แหละ จะได้ผลดีที่สุดในรอบวัน (เครื่องร้อนที่สุดแล้ว)
ทุ่ม-สามทุ่ม หลังผ่านช่วงเครื่องร้อน เครื่องย่อมทนต่อไปไม่ไหว ร่างกายก็เช่นกัน ช่วงนี้ควรพักชิวๆได้แล้ว ทำสมาธิ ให้จิตสงบซะ ดูทีวีนั้นไม่ใช่การพักที่ดีเลย อ่านหนังสือเบาๆ หรือสวดมนต์ไหว้พระ กำลังดี
สามทุ่ม-ห้าทุ่ม ดื่มน้ำเยอะๆแล้วเข้านอนซะ เพราะไม่มีอะไรดีไปกว่านอนในเวลาที่ร่างกายบอกว่าอยากนอน ถ้าร่างกายใครอยากปั่นบอร์ดก็ห้ามไม่ได้ เพราะผมมาแค่แนะนำเท่านั้น
ห้าทุ่ม-ตีหนึ่ง น้้ำที่ดืมก่อนนอนทำหน้าที่แล้ว ช่วงนี้ก็ปล่อยให้ร่างกายได้จัดการระบบไปเถอะ เพราะวันนี้คุณใช้มามากแล้วนะ
ตีหนึ่ง-ตีสาม พักผ่อน นอนหลับ ในช่วงที่ร่างกายกำลังซ่อมตัวเอง หากไม่นอนก็เป็นการขัดกับจังหวะของร่างกาย ดังนั้นจะเห็นได้ว่าใครอดนอนมาถึงตอนนี้ จะโทรมเป็นพิเศษ เพราะร่างกายไม่ได้ซ่อมตัวเองเลยนะซิ แนะนำวิธีการนอน คือนอนหงาย หายใจเข้าออกพอสบาย ผ่อนคลายแขนขา นอนบนที่นอนที่ไม่นิ่มจนเกินไป ไม่งั้นปวดหลังไม่รู้ด้วยนะ แนะนำให้หนุนหมอนไม้ ถ้าคุณได้ตามลมหายใจเข้าออก แม้แต่หมอนไม้ก็ทำให้คุณหลับสบายอย่างเต็มที่ ข้อดีของหมอนไม้คือ แว็บแรกที่คุณลืมตา คุณจะไม่อยากนอนต่ออีก
(ถ้านอนช่วงสามทุ่ม ก็ราวๆตีสามถึงตีสี่นั้นแหละที่จะรู้สึกตัวแว็บแรก)
แนะนำกันพอประมาณนะครับ
