หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8
 
ผู้เขียน หัวข้อ: - เที่ยวบ้านเจ๊กันนะ....-  (อ่าน 47144 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้

 ลันล้า ลันล้า ลันล้า

เอ่อ...จังหวัดบ้านเจ๊จ้ะ  เป็นทางขึ้นเขาพระวิหาร
ว่างๆ ชักชวนสมุนหลอกไปปีนเขาเป็นเพื่อน   ฮี่...
เลยเก็บภาพมาฝากกันค่ะ

 ลันล้า ลันล้า ลันล้า

--เปรี๊ยะ วิหาร--

เขาพระวิหาร อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอน้ำยืน กิ่งอำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี และอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ มีเนื้อที่ประมาณ 81,250 ไร่ หรือ 130 ตารางกิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชา ถนนและบันไดทางขึ้นสู่ปราสาทเขาพระวิหารทางด้านบริเวณผามออีแดง ท้องที่ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จัดได้ว่าสะดวกที่สุด

อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร
ได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดที่ดินป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ในท้องที่ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน ตำบลโคกสะอาด กิ่งอำเภอน้ำขุ่น อำเภอน้ำยืน จังหวักอุบลราชธานี และป่าเขาพระวิหารในท้องที่ตำบลเสาธงชัย ตำบลภูผาหมอก อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 115 ตอนที่ 14 ก ลงวันที่ 20 มีนาคม 2541 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 19 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 83 ของประเทศ

ลักษณะภูมิประเทศ
พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของเทือกเขาพนมดงรัก ลาดเอียงไปทางทิศเหนือกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง และเนินเขามีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 200-500 เมตร เป็นแหล่งต้นน้ำของลำห้วยลำธารต่างๆ ได้แก่ ห้วยตามาเรีย ห้วยตานี ห้วยตาเงิด ห้วยตุง ห้วยตะแอก และห้วยบอน เป็นต้น

บันทึกการเข้า

ฝนที่ตกทางโน้น...ตูก็ร้อนอยู่ทางนี้ : เฟสเค้า
แปะครับเจ๊  ลันล้า
บันทึกการเข้า

Today you , Tomorrow me.
 1. ออกเดินทางจากศรีสะเกษมาถึงสุดเขตชายแดนไทย-กัมพูชาแล้วค่ะ ระยะทางประมาณ 98 กิโลเมตร จนมาถึงกิโลเมตรที่ 0 พอดี




 2. ทางเดินเท้าเข้าสู่เขตแดนประเทศกัมพูชา ไปวันอาทิตย์นึกว่าจะมีนักท่องเที่ยวมากมาย เดินๆ ไป เจอแต่ชาวเขมรที่มารับของขึ้นไปขายบนเขา ขอแนะนำเหยื่อรายต่อไปที่กำลังคิดจะไปปีนเขาพระวิหาร ควรเตรียมเสบียงไปให้พร้อมนะคะ โดยเฉพาะน้ำดื่ม เพราะราคาสูงเอาเรื่อง




 3. ก่อนเข้าสู่ประเทศกัมพูชา จะมีลานหินที่เต็มไปด้วยรอยขูดขีดจากฝีมือนักเที่ยว ที่ต้องฝากชื่อเอาไว้ว่า "ครั้งหนึ่ง...ข้าพิชิตเขาพระวิหาร" แต่การกระทำของท่านทำให้พื้นหินเป็นรอย สูญเสียความงดงามทางธรรมชาติไปเลย หินที่มีอยู่ทั่วไปบริเวณนี้เป็น "หินทราย" มีความเปราะจึงทำให้ขูดขีดได้โดยง่าย และยังเป็นหินที่ใช้สร้างปราสาทในเขตอีสานใต้อีกด้วย




 4. ก่อนเข้าสู่กัมพูชา เจอเด็กๆ คอยขายโปสการ์ดให้นักท่องเที่ยว ขาขึ้นราคาชุดละประมาณ 150 บาท (10 แผ่น) ขาลงราคาลดกระหน่ำเหลือชุดละประมาณ 30 บาท แต่ใครไม่ซื้อน้องเค้าจะแช่งให้จนด้วยนะเ้อ้อ....




 5. เดินข้ามสะพานชายแดนไทย-กัมพูชามาได้นิดหน่อย ก็เจอแก๊งเด็กๆ กำลังกินผลไม้ป่า สอบถามได้ความว่า คือ "หมากเมา" ไม่รู้ว่าทานไปแล้วจะเมามั๊ย แต่เห็นเด็กๆทานกันสนั่นหวั่นไหว บางคนปีนขึ้นไปเก็บบนต้นเลย สูงมากๆ เห็นตอนแรกนึกว่าลิง ชี้ชวนกันดูใหญ่เลย ที่แท้เด็กลิงนี่เอง อิอิ น้องเค้าน่ารักดีค่ะ
บันทึกการเข้า

ฝนที่ตกทางโน้น...ตูก็ร้อนอยู่ทางนี้ : เฟสเค้า
 นะนะนะ

บันทึกการเข้า
รูปสวยมากค่ะ กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม
แต่มันก็ดีที่อย่างน้อยได้จดจำ
ว่าครั้งนึงเคยก้าวไป...
 ลันล้า โหย....ไวปานวอก  แบร่





 6. บันไดทางขึ้นเขาค่ะ ด่านแรกที่ทุกคนต้องเจอ เห็นจำนวนขั้นบันไดแล้วอยากวิ่งกลับบ้านในบัดดล ก็สูงซะขนาดนั้นแถมยังมีน้ำไหลตลอดเวลา ช่วงนี้ฝนตกบ่อยๆค่ะ น้ำที่ขังบนเขาไหลลงมาช้าๆ เกิดเป็นลำธารสายเล็กๆ ให้เราเห็นกันทั่วไปตลอดทางเลยล่ะ อ้อ...ลืมบอกไป เข้าพระวิหารมี 4 ชั้นนะคะ ที่เห็นหัวพญานาคลิบๆๆๆนั่นนะ ชั้นที่ 1 ค่ะ อืมมมม....ป๊ะ..ปีนกันได้แล้ว





 7. ในที่สุดก็พยายามปีนขึ้นมาจนได้ ปราสาทยังเหลือสภาพดีๆ ให้เห็น แต่บางจะพังทลายลงมาบ้าง ถ้าใครพยายามถ่ายเฉพาะภาพปราสาท เห็นทีจะยากนะคะ เพราะมีแต่สาวๆชาวเขมร นั่งโทรศัพท์กันบนยอดปราสาทเยอะมากๆ พอเรายกกล้องขึ้น น้องเค้าก็พยายามเข้ากล้องในทันที เร็วมากๆ จนบางครั้งเราต้องรอทีเผลอ ให้เค้าเบื่อเค้าก็จะเดินออกไปค่ะ รอจังหวะนานมากๆ






 8. ขึ้นมาอีกก็เจอน้องๆชาวกัมพูชาที่พูดเป็นประโยคเดียว คือ "พี่..ขอตังค์ 5 บาทได้ไหม?" เฮ้อ....แต่ถ้าชมว่าน้องเค้าสวย ขอถ่ายรูปหน่อยนะ น้องเค้าก็อายๆ แต่สุดท้ายก็ยิ้มแฉ่งให้เราอยู่ดี แต่สุดท้ายจริงๆ น้องก็เอื้อนเอื่อยประโยคคลาสสิคอีกที


"พี่..ขอตังค์ 5 บาทได้ไหม?"   ง่ะ





 9. ยอดปราสาทบางหลังที่มีต้นไม้งอกออกมา แสดงให้เห็นถึงความทรุดโทรมของปราสาท ไม่มีการบูรณะเลยค่ะ สิ่งเดียวที่พัฒนาขึ้นก็คือ มีชุมชนชาวบ้านกัมพูชาตั้งอยู่บนเขาเลย ดูแล้วเสียดายแหล่งท่องเที่ยวดีๆ จังเลย





 10. ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ ค่ะ คนละอันกับที่อยู่บนปราสาทเขาพนมรุ้ง ที่บุรีรัมย์นะคะ ยังสมบูรณ์ดีค่ะ ถ่ายภาพออกมาแล้วเหมือนภาพเบลอๆ จริงๆ แล้วเป็นเส้นของหินที่ซ้อนๆ กันค่ะ


บันทึกการเข้า

ฝนที่ตกทางโน้น...ตูก็ร้อนอยู่ทางนี้ : เฟสเค้า
งามหลายยยยย  นะนะนะ

บันทึกการเข้า
รูปสวยมากเลยค่ะ  กรี๊ดดดดด เจ๋ง

น่าไป แต่ท่าทางจะเหนื่อยนะเนี่ย
บันทึกการเข้า
 11. สิงห์ที่เฝ้าหน้าปราสาทชั้นที่สาม ทรุดโทรมมากๆ ที่เห็นขาวๆ เกาะตัวสิงห์และเกาะอยู่ทั่วไปที่ตัวปราสาทก็คือ พืชที่กำลังจะพัฒนาเป็นมอสค่ะ ส่วนภูเขาด้านหลังไกลๆ เป็ฯประเทศกัมพูชาค่ะ




 12. สภาพปราสาทชั้นที่สามค่ะ หักพังลงมาบ้างโดยเฉพาะส่วนยอดของปราสาท รอบๆ ก็มีพืื้ชเกาะเต็มไปหมด ที่พื้นมีขยะมากมายจากนักท่องเที่ยวและจากพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้น




 13. ปราสาทด้านซ้ายมือของหลังใหญ่ มีร่องรายความเสียหายค่อนข้างมาก ส่วนปราสาทหลังใหญ่ตรงกลางนั้น กลายสภาพเป็นเพียงกองหินเท่านั้น เนื่องจาก (เขาเล่าว่า...) โดนเครื่องบินชน ค่ะ




14. ด้านหลังของปราสาทหลังซ้ายมือ ทิวทัศน์ที่เห็นด่านล่างลิบๆ นั่น เป็นประเทศกัมพูชานะคะ สูงมากๆๆๆ แต่คุ้มค่าที่ปีนขึ้นมาชมค่ะ




15. บริเวณหน้าผานี้เรียกว่า "เป้ยตาดี" ค่ะ เด็กๆ เขมรบอกว่าหน้าผานี้ตกลงไปแล้วไม่เจ็บ..เพราะช็อกตายก่อน ก็น่าจะจริงนะคะ เพราะสูงมากๆ มองลงไปเห็นหลังคาบ้านอันนิดเดียวเองค่ะ ความสำคัญของเป้ยตาดีก็คือ เมื่อก่อนมีเสาธงชาติไทยปักอยู่ที่นี่ แต่เมื่อมีกรณีพิพาทในสมัยก่อน ศาลโลกได้ตัดสินให้เขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา ไทยเราเลยเชิญเสาธงกลับลงมาปักที่ฝั่งไทยโดยไม่ลดธงลง ค่ะ


บันทึกการเข้า

ฝนที่ตกทางโน้น...ตูก็ร้อนอยู่ทางนี้ : เฟสเค้า

เด็กแถวนี้...ไวจริงๆ   ฮี่...



 16. ลงมาจากยอดเขาเจอรากไม้ใหญ่มากๆ ที่แทรกตัวออกมาจากกำแพงปราสาทคือ คล้ายๆ ที่นครวัตกัมพูชาเลย




 17. กลับลงมาถึงฝั่งไทยแล้วค่ะ ธงไตรรงค์นี้แหละค่ะ ที่ฝ่ายไทยเชิญลงมาจากยอดเขาพระวิหารโดยไม่ชักธงลง ปัจจุบันตั้งอยู่ที่บริเวณ "ผามออีแดง" ค่ะ




 18. "ผามออีแดง" ตรงนี้เป็นหน้าผา ลงไปข้างล่างก็คือฝั่งกัมพูชาค่ะ เป็นทางเดียวกับทางขึ้นเขาพระวิหารซึ่งค่อนข้าง สูงชัน เมื่อถึงเชิงเขาต้องเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 200 เมตร ผามออีแดงเป็นจุดชมทัศนียภาพเขาพระวิหารที่ใกล้ที่สุด จะมอง เห็นยอดเขาพระวิหารในระยะห่างประมาณ 1 กิโลเมตร นอกจากนี้ในบริเวณผามออีแดงทางด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นหน้าผาที่อยู่ต่ำลง ไป พบภาพสลักหินนูนต่ำ ซึ่งสันนิษฐานว่าเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยมีอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 15 ระหว่าง พ.ศ. 1465-1490 ขณะนี้ผามออีแดงอยู่ในความดูแลของทหารพรานกรมที่ 2




 19. ทิวทัศน์ฝั่งกัมพูชา มองจาก "ผามออีแดง" ประเทศเค้าป่าไม้เยอะมากๆ ค่ะ




 20. ทางลงไปชมภาพสลักนูนต่ำ ศิลปะเขมร อายุราวพุทธศตวรรษที่ 15 เป็นภาพเทพสามองค์ เชื่อว่าเป็นที่ซ้อมมือของช่างในการแกะสลักก่อนเริ่มการแกะสลักจริงที่ปราสาทเขาพระวิหาร
บันทึกการเข้า

ฝนที่ตกทางโน้น...ตูก็ร้อนอยู่ทางนี้ : เฟสเค้า
เส้นขอบฟ้า สวยมาก ๆ เลยค่ะ  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า
 ฮี่ๆ ฮี่ๆ

 21. หลายครั้งที่เห็นภาพสลักนูนต่ำ จะสงสัยว่าทำไมถ่ายภาพได้เพียงมุมเดียวเท่านั้น พอไปเห็นสถานที่จริงก็ถึงบางอ้อเลยค่ะ เค้าทำประตูเหล็กกั้นไว้ เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวลงไปชมใกล้หรือไม่จับๆ ลูบๆ คลำๆ เพราะจะเสียหายได้ค่ะ




 23. แต่ยังมีช่องเล็กๆ ที่พอจะสอดกล้องคอมแพคเข้าไปได้ ส่วนอ้วนดำของข้าเจ้าทำได้แต่เพียงยื่นเลนส์ออกไปได้เล็กน้อยเท่านั้นค่ะ
ภาพจริงๆ สวยงามมากๆ




 24. สุดท้ายแล้วค่ะสำหรับวันนี้ คุ้มค่าเหนื่อยจริงๆ ค่ะ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะได้มีโอกาสแบบนี้อีกที ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมค่ะ

กลับบ้านเราได้แล้ว....


บันทึกการเข้า

ฝนที่ตกทางโน้น...ตูก็ร้อนอยู่ทางนี้ : เฟสเค้า
กันทรลักษ์ เห็นแล้วคิดถึงพี่โก้  กร๊าก
บันทึกการเข้า

 (แจ๋ว แจ๋ว) (แจ๋ว แจ๋ว) (แจ๋ว แจ๋ว) ปรมมือให้ทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้
 (แจ๋ว แจ๋ว) (แจ๋ว แจ๋ว) (แจ๋ว แจ๋ว) ปรบมือให้ตัวเองที่ลากสังขารไป-กลับต่างประเทศได้ในวันเดียว

ใครจะมาเที่ยวที่ศรีสะเกษก็เชิญเลยเด้อ...
เจ๊ยินดีเป็นไกด์พาไปนะ..แต่ปีนกันเองละกัน จะนอนรอในรถ   ฮี่...

๕๕๕๕๕

เก็บตกเด้อค่า.... ลันล้า ลันล้า
















บันทึกการเข้า

ฝนที่ตกทางโน้น...ตูก็ร้อนอยู่ทางนี้ : เฟสเค้า
กรี๊ดดดดด
เจ๊ฟ้าถ่ายรูปซ๊วยสวย
บันทึกการเข้า

        AH_LuGDeK, AH_LuGDeK_R
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!