มาสายไปหรือเปล่าเนี่ยตู
อ่านแล้วดันมีความคิดเห็น เลยขอแสดงความคิดเห็นด้วยคน
หวังว่าคงไม่ช้าไป
จั่วหัวให้ชัดเจนไว้ก่อนว่า ผมเห็นว่า
งานนั้น-ใครถูกหรือใครผิด ...เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แล้วการที่พี่แอนยกเอามาพูดถึงในที่สาธารณะนี้
-ด้วยวิธีนี้ ...เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ผมไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแรกนะครับ บังเอิญที่ผมได้ยินมามันน้อยนิดมาก
และต่อให้ได้ยินมากน้อยยังไง ก็ไม่สมควรเอามาเกี่ยวกันอยู่ดี
ผมรู้สึกของผมว่า มันไม่เท่น่ะครับ ส่วนดูมืออาชีพไหมนั่น อืม ก็เกี่ยวบ้างนะ
เพียงแต่ผมไม่ได้คิดว่าคนเราต้องเคร่งครัดทำงานการมีระบบระเบียบจรรยาบรรณ
เป็นมืออาชีพห้ามมีอารมณ์ความรู้สึก ระมัดระวังคำพูด อะไรทำนองนั้นนะครับ
เพราะผมก็ไม่เคยศรัทธาการทำงานทำการเป็นอาชีพ
(รวมทั้งวิถีทุนนิย๊ม ทุนนิยมทำนองนั้น)อยู่แล้ว
แต่ความหมายของผมคือ ผมว่ามันไม่เท่เลย
ที่เราเอาคนที่เราร่วมงานด้วยแล้วไม่ชื่นชมมากล่าวถึง อ่านตามคำของพี่แอน
เช่น ดาราของวงการ, ใช้ตัวหนังสือขาว ใช้คำไบ้ เอารูปถ่ายจากข้างหลังมาลงเหล่านี้
ผมตีความว่ามันคือการ"เสียดสี" และดูเป็นเรื่องส่วนตัว
ทั้งที่มันควรจะอยู่ในวงสนทนาเป็นการส่วนตัวมากกว่าอย่างที่คุณณัฐ
และที่พี่โอ้เอ้พูดไว้ชัดเจนในหน้านู้น (ที่ตอบอรน่ะ)
ส่วนผม, เหตุผลของผมเป็นแบบนี้ครับ
ที่ว่าไม่ขอยุ่งเกี่ยวเรื่อง งานนั้นใครถูก-ใครผิด ใครทำอะไรน่าชื่นชม-ไม่น่าชื่นชมไว้ยังไง
จริงๆแล้วก็ไม่ควรมีใครไปยุ่งเกี่ยว เป็นเรื่องของคนร่วมงานกัน
ผมว่าสาเหตุที่เขาหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงกันในที่สาธารณะก็เพราะ ถ้าหากจะพูด
ก็จำเป็นต้องพูดกันให้หมดไปเลย รายละเอียดดีลงานกันยังไง ตอนไหน
ใครพูดอะไรไว้ ใครคนพรู้ฟงาน ฯลฯ แล้วมันผิดพลาดตรงไหน
ใครถูก-ใครผิด มันถึงจะยุติธรรมต่อทุกฝ่าย แต่มันเป็นทำยังงั้นไม่ได้
เพราะถ้าหากอ่านเฉพาะหลายๆข้อความของพี่แอนเกี่ยวกับพี่ชาติ -ซึ่งไม่ได้มีแค่สองจู๋นั้น-
ชัดเจนว่าไม่ชื่นชมอย่างแรง บวกกับการที่คนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์
หลายๆท่านใช้อีโมยิ้มกริ่ม แสดงความคิดเห็นที่รู้กันเอง
เช่น ที่พี่แอนส่งอีโมยิ้มแบบมีเลศนัยให้พี่กัม มันก็บอกอยู่แล้วว่า "รู้กันนะ"
ถ้าอ่านตามรายละเอียดอะไรทั้งหลายเหล่านี้ ผู้อ่านก็ต้องเข้าใจว่า
โอ้ คุณชาติอะไรนี่ ต้องทำอะไรที่ไม่น่าชื่นชมไว้สุดยอดม็อดโด้แน่ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างผมหรือคนในนี้ส่วนใหญ่ซึ่งมีความเชื่อถือในความคิดเห็นพี่แอน
และพี่ท่านอื่นๆอยู่แล้ว ย่อมคิดไปในทางนั้นได้ทางเดียว
ที่แสดงความคิดเห็นแบบนี้ ก็อาจมีพี่ๆมีความคิดเห็นแบบยิ้มกริ่ม
ทำนองว่า "หึ หึ หึ ไม่ได้เจอกับตัวนี่นะ" อยู่ก็เป็นได้
การจะเอาเรื่องทั้งหมดมาพูดอย่างที่กล่าวไปย่อหน้าแรกก็เป็นไปไม่ได้เสียอีก
จึงกลายเป็นว่า ต้องเข้าใจไปนั่นแหละว่า พี่คนนี้ เขาไม่น่าชื่นชมจริงๆ
ส่วนจากชื่นชมแล้วจะกลายไปเป็นอะไรนั้น ก็แล้วแต่กุศลกรรมของพี่ชาติที่เคยทำไว้
จะดลจิตดลใจให้ผู้อ่านคิดว่าเป็นอย่างไหนได้บ้าง
ผมเลยเห็นว่า ด้วยเหตุนี้ คนส่วนใหญ่เขาเลยหลีกเลี่ยงการเอาเรื่องของแวดวงคนทำงาน
มาพูดในที่สาธารณะกัน หากจะบอกว่า เพราะพี่แอนเป็นคนตรง
เหมือนที่พี่สักให้เหตุผลไว้ ผมก็ไม่คิดอยู่ดีว่า พี่แอนจะสามารถเอาเรื่องคนทำงาน
ซัพพลายเออร์อะไรต่างๆที่ร่วมงานด้วยแล้วไม่ชื่นชม มาพูดในที่สาธารณะนี้ได้หมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้า ซึ่งโดยมากแล้วเราๆท่านๆจะไม่ค่อยชื่นชมอย่างมากถึงมากที่สุด
เราสามารถเป็นคนตรงได้แค่ไหนหรือครับ ในบริบทสาธารณะ
ยิ่งกับลูกค้าที่เรายังต้องทำมาหากินกับเขาอยู่ กับผู้ร่วมงานด้วย
ถ้าตรงมากๆอาจต้องเดินเข้าไปบอกเขาตั้งแต่ร่วมงานกัน
(แบบนั้นคงไม่ต้องทำงานทำการกันพอดี)
, และที่สำคัญจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องเอามาพูด
ก็จริงอยู่ กรณีนี้มันอาจเทียบแบบนั้นโดยตรงไม่ได้
เพราะคนที่เราร่วมงานด้วยคราวนี้ คือบุคคลสาธารณะเป็นที่รู้จักกัน
ถือว่านี่เป็น "การวิจารณ์บุคคลสาธารณะในที่สาธารณะ" ก็โอเคอยู่นะครับ
นับว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ปกติ ซึ่งคุณชาติเขาก็บอกว่าเข้าใจตรงนี้
เพียงแต่เขาสงสัย"วิธีการ"ที่ใช้ อีกหลายคนก็สงสัยเช่นเดียวกัน
คิดว่าวิธีการที่ใช้ ไม่น่าจะเป็นวิธีการที่ดีหากต้องการวิจารณ์ใคร
พี่แอนอธิบายว่าที่มาของ"วิธีการ"นั้น เป็นเพราะที่นี่สนิทสนมกัน
แต่เจ้าตัวเขามาอ่านย่อมไม่ทราบ รู้สึกไม่ดี และสงสัยถามกลับ พี่แอนตอบว่ายินดี
ที่ได้รับฟัง แต่ไม่ได้แก้ไขอะไรอย่างไหน ผมอ่านแล้วก็ได้แต่คิดว่า
แสดงว่าพี่แอนเห็นว่า วิธีการที่ทำนั้นมันเหมาะสมดีแล้ว ,ใช่ไหมครับ
ที่ผมบอกว่ารู้จักพี่ชาติจริงๆแล้วก็เป็นแค่คนหนึ่งที่เคยเรียนด้วยไม่กี่ครั้ง
เคยฝึกงานที่บีบอยด์ในส่วนทำการ์ตูนโจ แต่ได้เจอแค่สองสามครั้ง คุยกันไม่กี่ประโยค
ดังนั้น ที่รู้จัก-ที่ชอบการ์ตูน กับความคิดเห็นในเรื่องนี้ เป็นคนละส่วนกัน
ผมแสดงความคิดเห็นตามบริบทที่ทุกท่าน ถาม-ตอบ กันมาตามเรื่องเท่านั้น
ไม่ได้มีอารมณ์อะไรเจือปน คิดว่าอ่านจากตัวหนังสือก็คงนึกออก
อีกทั้งก็ไม่ได้ถือธงอะไรอยู่ เผื่อมีใครกำลังมองหาอะไรจาก"ระหว่างบรรทัด"ของผม
เผอิญผมก็ชอบอ่านระหว่างบรรทัดของคนอื่นเช่นกัน
พี่แอนนี่ เป็นคนที่ผมมั่นใจอยู่แล้วว่าไม่มีอะไรระหว่างบรรทัด จึงจงใจทักท้วง
และอีกส่วนหนึ่งคงเพราะรู้สึกว่าประเด็นมันไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของคนสองคน
พี่แอนก็เข้าขั้นบุคคลสาธารณะ วิจารณ์บุคคลสาธารณะ มันก็ย่อมกลายเป็นเรื่องสาธารณะ
คนที่มาอ่านน่าจะได้รับฟังคำตอบนะครับ
ป.๑ ที่ต้องเขียนยาวๆขยายความๆ น่าจะเรียกว่าเผื่อไว้
สำหรับท่านที่ไม่คุ้นเคยกัน (น่าจะมีขาจรอ่านไม่น้อย)
คนแถวนี้ที่เคยแสดงความคิดเห็นกันมาแบบฮาร์ดคอร์กว่านี้หลายต่อหลายเรื่อง
คงรู้จักไส้พุงกันครบถ้วนอยู่แล้ว
ป.๒ พยายามคาดคะเนว่าพี่ๆท่านไหนจะตอบหรือถามกลับว่ายังไงบ้างอยู่
ผมก็พยายามเขียนเผื่อให้ครอบคลุมอยู่ และมีบ้างที่ละไว้ในฐานที่เข้าใจ
แต่ก็คงมีตกหล่น ผิดพลาดคิดไม่ถึงตรงไหนจริงๆก็ชี้แนะด้วยเน้อ
ป.๓ เมื่อกี้กำลังจะกดโพสแล้ว เอาจริงๆไหมครับ ผมนั่งนึกถึงข้อเท็จจริงง่ายๆสองข้อว่า
๑.พี่แอนเข้าใจจิตวิทยาเวบบอร์ด-จิตวิทยาโลกอินเตอร์เน็ต
เป็นอย่างดีมากถึงมากที่สุดข้อนี้คงไม่มีใครสงสัย การพูดถึงใคร ด้วยวิธีการไหน
โพสจังหวะไหน ถามตอบยังไง(หรือไม่ตอบยังไง) แม้แต่ใช้อีโมแบบไหน
จะทำให้คนอ่านจะคิดไปอย่างไรและจะให้ผลลัพธ์กลับมายังไงบ้าง เรื่องนี้คงคาดไว้อยู่แล้ว
๒.เรื่องนี้ยิ่งไม่มีใครสงสัยใหญ่-พี่แอนเป็นนายของภาษา ใช้คำแบบไหน
อธิบายยังไงเพื่อให้ความหมายยังไง ไม่มีคำว่าพลาดหรือคลาดเคลื่อน
ผมเลยเดาคำตอบล่วงหน้าว่า ทั้งหลายทั้งปวงเนี่ย พี่แอนตั้งใจ
และเห็นว่ามันเหมาะสม(อยู่แล้ว)แหละ ซึ่งก็นั่นแหละ ที่ผมไม่เห็นด้วย
แต่ชักจะสงสัยตัวเองแล้วว่าจะเดาทำไมให้เมื่อยก็ไม่รู้นะ ทำเป็นคนอื่นคนไกลไปได้
คนไกลน่ะใช่ แต่คนอื่นนี้คงไม่ ผมแค่ไม่มีเน็ตใช้
เลยต้องเป็นหมอเดาไปตามเรื่องแบบนี้แหละเน้อ
(แต่ก่อนโพสนี่ก็คุยเอ็มบอกแล้วนะ)
ป.๔ พิมพ์เหนื่อยวุ้ย