ขอวิจารณ์ครับ
แต่พอบวชไปได้ซักครึ่งเดือน มันก็สึก
คือ สึกเอง ถอดจีวรออก สวมเสื้อกางเกง เดินออกมาจากวัดเลย
แล้วก็เดินจากวัดมากรุงเทพ (ว่ากันว่ามันเดินมาน่ะครับ วัดอยู่อยุธยา แต่ผมนั่งรถยังรู้สึกว่า มันจะเดินมาได้ยังไงวะ)
เป็นลักษณะการกระทำที่ไม่สมเหตุผล การแพทย์เรียกอะไรลืมไปแล้ว
แล้วทีนี้มันก็เที่ยวโทรศัพท์ไปหาอาจารย์ แล้วบอกว่ามันบรรลุธรรมมะ แล้วก็เริ่มแสดงธรรมให้เหล่าอาจารย์ฟัง
delusion (grandiose)
เป็นการหลงผิด เข้าใจผิดว่าตนเองมีหรือเป็นอะไรที่"เหนือ"กว่าคนอื่น
จากนั้นได้ข่าวว่ามันไปขึ้นเวทีที่สนามหลวง ไม่รู้มันไปพูดอะไร เลยโดนพวกสนามหลวงรุมกระทืบมานอนอยู่แถวหน้าคณะ
แต่ มันก็ไปอีก แล้วก็โดนเขาตืบอยู่แถวสนามหลวงอีก
สองอย่างข้างบนปนกัน
ได้แต่ทำท่านั่งสมาธิ ตาขวางๆ ยกมือขึ้นข้างนึง (ปางประทานพร)
เสร็จแล้วก็หันไปคุยกับดวงอาทิตย์ แล้วก็พยักหน้าหงึกๆ
จากนั้นก็จะกวักมือเรียกเพื่อนๆไปเป่ากระหม่อม
Delusion (grandiose) เห็นตนเองยิ่งใหญ่ทางศาสนา
คุยกับดวงอาทิตย์ได้ น่าจะเป็น hallucination เสียงหลอน
จากประวัติที่เล่ามา สงสัยว่าน่าจะเป็น Psychosis
ภาษาไทยไม่มีชื่อเรียกที่สากลพอที่ทุกคนเข้าใจร่วมกันครับ บางคนเรียกว่าบ้า บางคนเรียกว่าสติแตก
มีประวัติการข้องแวะกับศาสนา โดยเฉพาะการนั่งสมาธิการนั่งสมาธิไม่ได้ทำให้เป็นบ้า แต่คนที่เคยนั่งสมาธิจะรู้ว่าการนั่งสมาธิจะมีพวกนิมิตหลายรูปแบบ มีทั้งรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส
พวกนี้ทางวิทยาศาสตร์ถือว่าเป็นสัญญาณทางสมองแบบนึง เพียงแต่ว่าขณะนั้นสมองยังรับรู้อยู่
เจ้าของสมอง จึงรับรู้สัมผัสอันแปลกประหลาดได้ ทั้งที่มันไม่มีอยู่จริง
คนธรรมดา จะผ่านขั้นนี้ได้ ไม่ว่าจะละนิมิตได้หรือไม่ได้ก็ตามที
คนที่มีความผิดปกติทางสมองบางอย่าง หรือพูดง่ายๆว่าพร้อมที่จะเป็นโรคจิต พอเจอนิมิตเข้าไปก็เสร็จ ... เพราะนิมิต คือสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง แต่ดันไปรับสัมผัสได้เห็นได้ ... ดังนั้นก็จะหมกมุ่นกับจุดนี้และกระตุ้นจนเป็นโรคได้
เวลาเป็น รักษาด้วยยาครับ ส่วนเรื่องฝังelectrodeใช้ในบางกรณี ไม่ค่อยใช้กับคนที่เป็ฯโรคจิตสักเท่าไหร่ยกเว้นหมดทางจริงๆ
จะหายไหม
ส่วนใหญ่ไม่หายครับ แต่ก็มักจะดีขึ้น ที่สำคัญต้องได้รับความเข้าใจจากคนรอบข้าง เพราะเขาคนนี้จะต้องรับรู้ให้ได้ว่า เสียงที่เขาได้ยิน ภาพที่เขาเห็น บางครั้งมันไม่มีอยู่จริง