ขุด
พอดีเพื่อนส่ง foward mail มา
Prince of Songkla University เขตรั้วสีบลู เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ มอ. Oct 27, '07 12:19 AM
for everyone
ข้อมูลทั่วไป
*มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีชื่อย่อว่า ม.อ. และม.อ. เป็นมหาวิทยาลัยแรกที่ใช้คำว่า'วิทยาเขต'
*วิชาออดิโอเป็นวิชาเดียวในมหาลัยที่มีคนลงมากที่สุด
*วิชาEngป็นวิชาเดียวที่มีคนดรอปมากที่สุด
*งานรับปริญญา จะผลัดกันจัดที่ ปัตตานีกับหาดใหญ่ (แต่ตอนนี้จัดที่หาดใหญ่ที่เดียวแล้ว)
*เพลงประจำมหาวิทยาลัยแต่งทำนองโดย ครูเอื้อ สุนทรสนาน แห่งวงสุนทราภรณ์
**หาดใหญ่ ***
**โรงพยาบาลสงขลานครินทร์เป็นโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน Hospital Accreditation (HA)
**มอ.มีโรงพยาบาลทันตกรรมเป็นแห่งแรกในประเทศไทย
**คุณหญิงหลง อรรถกระวีสุนทร เป็นคนมอบที่ดินให้ ม.อ.
**ตึกฟักทอง เป็นสัญลักษณ์คณะวิดยา ที่ตอนนี้มีมีไดโนเสาร์ถึง 3 ตัวอยู่ตรงข้างๆทันตะ (ตอนนี้ทาสีใหม่แล้วนะ)
**ตึกฟักทองมีทั้งหมด 25 กลีบ
**ใต้ตึกฟักทองจะมีตู้ปลามีปลาอยู่ 2 ตัว คือพะยูน กะ ปลาวาฬ
(ตรูเพิ่งรู้นะว่ามีปลาวาฬด้วย)**ตึกฟักทองมีทั้งหมด อยู่ 5 ห้อง ทุกห้องจะขึ้นต้นด้วยด้วย L ห้อง L 3 เป็นห้องเดียวที่มีผ้าม่านเป็นสีดำ และห้อง L 1 เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด
**มีคนบอกว่าห้ามนับบันไดหน้าตึกฟักทอง จะเรียนไม่จบ
**ถ้าใครโดนดอกศรีตรังหล่นใส่หัวจะเรียนไม่จบ
**ถ้าใครวิ่งรอบอ่างติดต่อกัน 5 รอบโดยไม่หยุดจะขอพรอะไรก็ได้ (บ้ารึเปล่า)
**ถ้าใครไปวิ่งรอบอ่างแล้วมองอ่างเป็นรูปหัวใจแสดงว่าคนนั้นกำลังมีความรัก
**ถ้าใครอยากได้เกียรซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวิศวะซึ่งจะได้ตอนรับน้องจบของ์ทุกรุ่น แนะนำให้ไปงมเอาที่อ่าง
(ใครงมก้อบ้าแล้วน้ำมันลึก) **หลัง ม.อ.จะมีภูเขาล้อมรอบ บรรยากาศดีมักๆๆ
**ที่โรงยิมตอนเย็นทุกวันจะมีการเต้นแอโรบิค แต่ที่คณะวิศวะจะมีคนเต้นเยอะกว่า เรียงตามอายุ และเพศ คนอายุเยอะจะอยู่ด้านหน้า อายุน้อยและกระเทยจะอยู่ด้านหลัง(แต่ตอนนี้ภาควิชาวิศวะคอมพิวเตอร์ ยึดพื้นที่คืนแล้ว.... แต่ก่อนเราก็ชอบไปเต้นแอโรบิคที่นั้นนะ)
**โรงช้างคือโรงอาหารที่เด็กม.อ.จะไปทานข้าวกัน แต่ก่อนเป็นเพิงบรรยากาศอบอุ่นเหมือนร้านอาโกในเรื่อง 'มหาลัยเหมืองแร่' มีร้านขายของชำหลายร้านเหมือนในกิมหยง แต่เดี๋ยวนี้ทุบแล้วสร้างใหม่กลายเป็นโรงอาหารประถม
**เค้าว่ากันว่าโรงช้างคือโรงอาหาร วจก.
**ในโรงช้างจะมีทีวีอยู่ 3 เครื่อง
**ในเวลาตอนเที่ยงโรงช้างคนจะเยอะมากๆๆๆ
**คาเฟตเป็นที่อ่านหนังสือของเด็ก ม.อ.ใกล้ช่วงสอบ และตึกฟักทอง**ช่วงสอบเซเว่นจะขายดีมากที่สุด
**เมื่อก่อนร้านสะดวกซื้อจะมี่โรงช้างที่เดียว คนยืนเข้าแถววนจนจะรอบร้าน แต่ตอนนี้มีกระจายตามหอแล้ว
**ม่าม่า ฯลฯ จะขายดีในช่วงสอบ
**ก่อนเข้าห้องสมุดทุกครั้งต้องแสดงบัตรนักศึกษา
**หลังเวลาเที่ยงคืนก่อนเข้าหอพักต้องแสดงบัตร
**หอพักหญิงจะปิดเวลาตี1 (ปิดช้าที่สุดในสยามประเทศ) ส่วนหอชายเหมือนเซเว่น
**ช่วงเสาร์-อาทิตย์หลายคนมักจะดูบอลที่โรงช้างและใต้หอ โดยเฉพาะวันแดงเดือด ทั้งแฟนผีแฟนหงส์จะเยอะสุดๆ
**เมื่อน้องปี 1 เข้ามาเรียนจะมีชมรมและกิจกรรมต่างๆให้เข้าร่วมกัน
เซเว่นใน ม.อ. มีอยู่ 4 ที่
**คาเฟตจะมีคนไปติวหนังสือกันมากและยุงก็เยอะมากๆๆ
**ทุกๆ วันใต้ตึก วจก.จะมีคนไปเล่นเน็ตกัน
**เวลา 7.50 นาทีเป็นเวลาที่พลุกพล่านมากที่สุด
**รถตุ๊กๆและรถสวัสดิการเป็นรถที่จะพาเด็กม.อ.ไปเรียนกัน
**เด็กปี 1 ห้ามใช้รถแต่ก็มีคนแอบเอามาใช้อยู่ดี
**ไปรษณีย์ ม.อ.จะอยู่หลังตึกอธิการบดี
**ทุกเย็นวันศุกร์มหาลัยจะเงียบเพราะเด็กจะกลับบ้านกัน
**ป้ายทะเบียนรถใน ม.อ. สข เป็นป้ายทะเบียนพบมากที่สุด
**วันแรกของการเรียนเด็กส่วนมากจะหาห้องไม่เจอ
**เมื่อเข้ามาปี 1ใหม่ๆ เด็กแพดจะใส่ไทค์สีเขียวพยาบาล สีส้ม วจก สีชมพู วิดวะ สีเลือดหมู
**วจก. เป็นชื่อย่อของคณะวิทยาการจัดการ (เป็นคณะที่เราเรียนหละ.... สีประจำคณะคือสีเฉดม่วง คือ ผสมระหว่างบานเย็นและสีม่วงอ่อน... เราก็ไม่รู้ว่าภาอังกฤษเรียกว่าอะไรนะ บางครั้งคณะเราถูกเรียกว่า วุ่นวาย จุ้นจ้าน เกะกะ ... และเราคิดว่าคงเป็นที่แรกในประเทศ ที่เอา บริหารรัฐกิจ(รัฐประศาสนศาสตร์ มารวมกับ บริหารธุรกิจ แล้วเปิดเป็นคณะวิทยาการจัดการ)
**เมื่อขึ้นปี 2 เด็กพยาบาล แพทย์ จะย้ายไปอยู่หอเฉพาะ (เป็นหอรวมชายหญิงด้วยหละ)
**ตอนเย็นใต้ตึกพยาบาลจะมีคนมารำไทเก็ก ตอนนี้มีโยคะ ด้วยนะ
**คณะทันตะมีโรงพยาบาลทันตกรรมเป็นแห่งแรกของประเทศ
**ช่วงเที่ยงคืนเป็นต้นไปหลังสอบจะมีคนวิ่งแก้บน แล้วก็เช็ดลานพระบิดา
**สนามฟุตบอลม.อ.มีอยู่ 2 สนาม คือ
*สนามบน เป็นชื่อเรียกของสนามที่อยู่ต่างระดับกันอยู่ข้างบน
*สนามล่าง เป็นชื่อเรียกของสนามที่อยู่ระดับต่ำกว่า
**วงเวียนในม.อ.มีอยู 6 ที่
**คณะ อก.เป็นคณะที่อยู่ไกลที่สุด ถัดมาก็เป็นคณะทรัพย์
**หลายคนมากที่ไม่เคยไปคณะ อก. (แต่เราเคยไป)
**หลังสอบที่ทะเบียนกลางเป็นที่นักศึกษาฮิตที่จะไปมาก โดยเฉพาะช่อง 11
**สมัยที่ยังไม่มีระบบลงทะเบียนออนไลน์ มีคนไปรอลงทะเบียนตั้งแต่เที่ยงคืน(เราก็มีโอกาสสัมผัสบรรยากาศนี้หละ พออยู่ปี 3-4 ก็ได้เป็นรุ่นแรกที่ลงทะเบียน แล้วก็ดูเกรดออนไลน์ แต่ก่อน เวลาไปเอาเกรด ก้ต้องไปรับที่ทะเบียนกลางต่อแถว)
**วันสุดท้ายของการดรอปรายวิชาหน้าทะเบียนกลางจะมีคนต่อแถวยาวมากๆๆ
**ครั้งแรกที่ดรอปคนส่วนมากอายที่จะไปดรอปไม่กล้าไปทะเบียนกลางไม่กล้าบอกเพื่อนว่าดรอปพออยู่นานๆไป การดรอปเป็นเรื่องปกติ
**คนขับจักรยานยนต์ส่วนมากมีหมวกกันน็อคไว้กันยาม(เด็ก มอ. โวยวายว่า ยามไม่ใช่ตำรวจไม่มีสิทธิ์จับนะในมหาวิทยาลัยที่เป็นถนนหลวง หลัง ๆ เค้าก็เลย เอาจราจรมาจับกันจริง ๆ เลย มีถ่ายวิดิโอเก็บด้วย)
**วิดวะเป็นคณะที่มีผู้ชายมากที่สุด
**คณะวิศวะเข้าง่ายแต่จบก่อนหลักสูตรง่ายกว่า
**พยาบาลเป็นคณะมีผู้หญิงมากที่สุด น่ารักด้วย (ความคิดส่วนตัว) **ผู้ชายน้อยสุด ซึ่งเท่าทีมีก็ไม่ใช่ชายแท้ แต่เราคิดว่า สาววจก. น่ารักกว่า เยอะกว่าด้วย อิอิ
**หอ3-4 เป็นหอเดียวที่อยู่ด้วยกัน และเป็นหอที่มีเรื่องเล่ามากที่สุด เราอยู่ หอ 3-4 นี้แหละ อยู่ในเหตุการณ์ จับผีผ้าห่มด้วย อิอิ
**ในห้อง NML จะมีเก้าอี้เป็นสีส้ม ไปเรียนเคมีเบื้องต้นตอนปี 1 หลับตลอด พอหลังสอบกลางภาคก็ไม่เคยเข้าเรียน สุดท้ายได้แค่ ซีบวก
**NML ย่อมาจาก New Multiple Lab
**ตรงทางเข้าตึก NMLจะมีป้ายสีแดงเขียนไว้ว่า โปรดระวังศีรษะ
**ถ้าจะจีบสาวพยาบาลให้จีบตั้งแต่ปี 1 พอปี 2 จะไม่เจอหน้าแล้ว
**ตอนเปิดเทอมใหม่จะมีของขายที่ใต้ตึกกิจ เรียกว่าขายของน้องใหม่ และจะเป็นของที่แพงที่สุดเพราะเด็กใหม่จะยังงงงง และไม่รู้ว่ามันแพง คนขายเป็นบรรดารุ่นพี่ ที่รับของมาจากร้านในตลาด และเอาเฉพาะของถูกๆ มาเพิ่มกำไรขาย
**พอสิ้นเทอมแรกจะมีเพื่อนที่ต้องจากเราไปก่อนเวลาอันสมควร Roomate เราก็เช่นเดียวกัน
**ม.อ. จะมีโลตัสอยู่หน้ามหาลัย
**รถ 2 แถวหน้าม.อ.ราคา 10 บาท
**ประตู 108 และประตู 109 เป็นประตูอยู่ทางทิศตะวันออก
**ประตูทางทิศตะวันออกชื่อประตูศรีทรัพย์
**ประตูหลักๆ มีทางออกอยู่ 4 ที่ เปิดใช้แค่ 3 ที่
**ตลาดนัดเกษตร เปิดขายของทางคณะทรัพย์
**ในมหาลัยมีปั้มน้ำมันอยู่ 2 ที่ อยู่ใกล้ประตูหน้ ม.อ. และก็คณะวิดวะ (ไบโอดีเซล)
**ช่วงเดือนสิงหาคม จะมีงานเกษตรภาคใต้ มีของขายเยอะมากๆๆ
**คนส่วนมากชอบที่จะกระโดดข้ามคลองมากกว่าจะเดินไปหายาม
** อีกเรื่องคือ ห้ามขับมอเตอร์ไซค์ซ้อน 3 คือนั่ง 3 คน แต่เด็ก มอ. ก็นั่งซ้อน 3 กัน แล้วคนขับก็ไม่ใส่หมวกกันน๊อค พอเข้าหน้าประตู คนที่ซ้อน ก็ลงเดิน คนขับก็ใส่หมวก พอผ่านยามไปสัก 2 เมตร ก็ใส่หมวกนั่งซ้อน 3 เข้ามหาวิทยาลัยเป็นปกติ ส่วนเราไม่เค๊ย ไม่เคยทำอย่างนั้นนะ เพราะ ปะป๊า รับส่ง ยันจบ ปี 4
**หลายคนโดนยามจับเพราะกระโดดข้ามคลอง
**ยามชอบแอบหลับช่วงตี 3 กว่าๆๆ
**เปิดเรียนวันแรกๆๆทุกคนจะตื่นเช้า หลังจากนั้นจะขี้เกียจตื่นไปเรียน
**หน้าตึกฟักจะมีช้างอยู่ 2 ตัวสังเกตดีๆ และเยื้องๆมี อีก 2 ตัวคือแม่กะลูก และด้านข้าง 1 ตัว
**ตึกไดโนเสาร์เป็นชื่อเรียกของตึก วท.ที่มีไดโนเสาร์อยู่หน้าตึก
**คณะ วจก. เป็นคณะที่อยู่ใกล้หอมากที่สุด
**ส่วนมากสาว วจก. จะเป็นสาวมั่นมากๆๆๆๆน่ารักด้วย ---เห็นด้วยอย่างแรงงงงงง อิอิ
**บางคนบอกว่า มอ. ย่อมาจาก มาอ้วน แต่ก็อ้วนจริงๆๆอิอิอิ
**ว่ากันว่า ใครเดินผ่าน love path ระหว่างวจก. กับศูนย์คอมฯ จะมีคู่ อันนี้ขอเถียง เดินมากว่าพันเที่ยว เป็นเวลา หลายร้อย - พัน ชั่วโมง ยังไม่มีคู่จนบัดนี้.......เศร้า
**คณะวิทย์มอ. มีสนามฟุตบอลอยู่กลางคณะ ที่สำคัญมีต้นไม้ตั้งตระหง่านกลางสนาม
**มอ. หาดใหญ่ อยู่หน้าเขา ส่วนมอ. ปัตตานีติดทะเล(โคลน)
**ทุกปีในช่วงวันรับปริญญาใครที่รูมเมทหรือเป็นเด็กวจก.ต้องระวังตัวเป็นพิเศษ
**ร้านน้ำชาสุดฮิตที่ 'ม.สงขลานครินทร์' ชื่อ 'สวนลุงเจิม' แต่บางตำราบอกว่าผิดครับ ต้องเป็นร้านชาโต้งและโกอ้วน ฮิตกว่าเยอะ และที่สำคัญ........... ร้านลุงเจิมไม่ได้อยู่ที่ 'ม.สงขลานครินทร์'!!!
ปี 50 จะเป็นปีท้ายๆที่รับที่ห้องทองจันทร์ ปีถัดๆไปจะไปที่ศูนย์ประชุมแล้ว
**ใต้ตึกวิศวคอมมีป้ายสีน้ำเงินแปะที่เสาเขียนว่า 'ห้ามรำมวยจีน'
**เรียนวิศวะฯจบสี่ปี ที่นี่เรียก lnw
**ที่หอสมุดคุณหญิงหลง อรรถกระวีสุนทร (ชื่อห้องสมุดที่นี่)มีคนมาหางานทำวิจัยโคตรเยอะ!
**ถ้ามามอ.แล้วไม่เข้าโรงช้างถือว่ามาไม่ถึง
**ที่นี่ สุขภาพเกรดของนักศึกษาเป็นสิ่งที่น่าห่วงกว่าสุขภาพกาย
**หากมีลูกหลานที่ท่านรัก โปรดอย่าส่งมาเรียนวิทยาฯ เพราะแค่ปีหนึ่งก็ปางตายกันเกือบทุกคน
**แต่ถ้ารอดจากปีหนึ่งได้ ปีต่อไปก้อไม่ค่อยมีอะไรแล้ว วิดยามีเปอร์เซนต์การซิ่ว เปอร์ น้อยกว่าวิดวะอีกนะ
**ถึงยังไงตอนนี้ก้อยังมีคนเรียน ป.ตรีวิดยาเป็นปีที่แปด ซึ่งหาได้ยากมากๆ
**ช่วงสองอาทิตย์ก่อนสอบ หอสมุดจะปิดเที่ยงคืนและมีบริการเสริมที่นั่ง ซึ่งถ้าไปช้า ท่านจะอด
**หอสามสี่ผีเยอะสุด
**ดึกๆเลยเที่ยงคืน ใต้ตึกกิจจะมีแต่คนแปลกๆ (ลองสังเกตดู)
**เด็ก มอ ชอบเล่น DotA โดนเฉพาะใต้หอ 11 (Want ไหม สาดดดดดดดดดด)
**คาเฟตไม่มีแล้ว ปรับปรุงเป็นอาคารพยาบาลและแพทย์แผนไทยไปแล้ว
**ร้านหน่อนั้ง เป็นร้านการ์ตูนที่เด็กมอ อ่านเยอะที่สุด
**ตึกคณะวิศวะกรรมศาสตร์เป็นตึก 2 แห่งในประเทศไทย
**ตึกคณะวิดวะ มี ตึก A ซึ่งเรียนแล้วไม่ค่อยได้ A
**ตึกโรบอท เป็นตึกที่สร้างเลียนแบบหุ่นยนต์(ต้องมองจาก Top View นะจ๊ะ)
**ตึกฟักทองมาจากตึกจานบินของมหิดล
**ตึกหุ่นยนต์คือตึกเรียนของภาควิศวกรรมคอมพิวเตอร์ โดยมีหัวหุ่นเป็นห้องประชุม
**ส่วนตึก A คือตึกแรกของคณะวิศวกรรมศาสตร์
**พนักงานหอพัก 10 11 ร้ายเหลือ บริการไม่ดี
**หอใหม่ 8 9 10 11 เป็นหอพักที่สูงมากๆ น่าจะเป็นหอในที่สูงสุดในไทยแล้วมั้ง เพราะมีถึง 15 ชั้น สูงพอๆ กับพารากอนเลยล่ะ
แต่คู่แข่งใหม่กำลังจะมา นั่นคือ หอพักแพทย์ที่สูง 15 ชั้นเหมือนกัน
**มอ. ไม่มีหอพักสำหรับนักศึกษาทันตะ
**นิติกับเสดสาดกำลังจะมีที่ตั้งคณะเป็นของตัวเองแล้ว (ใกล้กับสินสาด)
**หอ 10 ใครที่อยู่ห้องมุมฝั่งเยื้องหอ 6 จะได้เห็นอ่างน้ำ และสนามซอฟท์บอลด้วย บรรยากาศส่วนตัวสุดๆ
**อีกไม่นานหอสมุดจะย้ายไปตึก LRC (ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้) แล้ว
**วิดยาเป็นคณะเดียวในมอ. หาดใหญ่ ที่มีพิพิธภัณฑ์ (เปิดวันพุธ-อาทิตย์) แต่จะครึกครื้นเฉพาะสัปดาห์วิทย์กับวันเด็ก
**วิดยาอีกเช่นกัน เป็นคณะที่มีภาควิชามากที่สุดในมอ.
**Big Four ของ มอ. หาดใหญ่ คือ วิศวะ วิดยา วจก. และทรัพย์
**รักบี้ Freshy ของวิดยา มีเด็กทุนมาเล่นด้วยทุกปี และก้อมีเจ็บทุกปีเช่นกัน
**CoE ร้ายกาจ มากมาย อิอิ
**ทุกปีในช่วงกลางเดือนสิงหา ช่วงกลางวันวิดยาจะคึกคัก (เพราะมีงานสัปดาห์วิทย์ฯ) แต่ช่วงกลางคืนทรัพย์ฯ จะคึกคักเช่นกัน(เพราะมีงานเกษตรฯ)
**มอ.หาดใหญ่ เป็นมหาลัยแรกในประเทศที่มีโลตัสอยู่หน้ามอ (มวล.กำลังจะเป็นแห่งที่สอง)
**ฟาต้าย้ายไปหอ 11 แล้วจ้า
**วิดยาผู้หญิงมักเป็นแฟนกับเด็กวิดวะ ส่วนผู้ชายมักเป็นแฟนกับพยาบาล
**วิดวะส่วนใหญ่เป็นแฟนกับเด็กวจก.
**ทุกปี จะมีบัณฑิตวิทยาศาสตร์เกียรตินิยม ที่เคยเป็นว้าก อย่างน้อย 1 คน
**ถ้ามา มอ.หาดใหญ่แล้วได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์ ไม่ต้องตกใจ เพราะมอ.เราอยู่ห่างจากค่ายทหารเพียงไม่ถึง 1 กิโลเมตร
**ที่นี่เราเรียกคณะเกษตรว่า คณะทรัพยากรธรรมชาติ
**วิดยาเป็นคณะแรกของมหาวิทยาลัยที่มีทีมรักบี้
**จบวิดยาที่นี่ทำงานได้หลายอย่าง แม้กระทั่งมือกีตาร์
**หอห้า มอ. หาดใหญ่เป็นหอหญิงมาก่อน(เป็นหอหญิงที่มีโถ 4)
**หอ 12-13 มอ. หาดใหญ่เคยเป็นหอชาย
**วิศวะที่นี่ ได้ชื่อว่าเรียนโหดที่สุดในประเทศ
**วิชา Electric Circuit เป็นวิชาที่เด็กติด E มากที่สุด
**และกลศาสตร์ควอนตัม (วิชาปี 4) ของวิดยาที่นี่ ก้อได้ชื่อว่ายากที่สุดในประเทศเช่นกัน
**วิดยามีนักกีฬาตัวแทนจังหวัดไปแข่งกีฬาแห่งชาติด้วย (แต่ไม่ค่อยมีใครรู้)
**ในงานรับปริญญาเมื่อก่อนจะตั้งแถวเดินจากตึกฟักทอง แต่ช่วงปีหลังๆ จะเดินจากตึกคณะพยาบาล เพราะใกล้กว่า
**ห้องทองจันทร์เป็นห้องประชุมไฮโซสุด
**ถ้าไปที่วิดยาแล้วฝันถึงอะไรเหลี่ยมๆ ไม่ต้องตกใจ เพราะวิดยามีแต่ 'เหลี่ยม' ตึกคณะก้อมีหินขัดสี่เหลี่ยม ลานหินแตกก้อมีลายสามเหลี่ยม
***เกี่ยวกับบูม
**บูมวิดวะกับวิดยาเป็นบูมคู่ขนาน (ขึ้นต้นคล้ายกัน จังหวะคล้ายกัน อยากรู้เป็นยังไงต้องไปฟังเอาเอง)
**บูมทันตะจะเหมาะสำหรับฝึกกำลังขาเป็นอย่างมาก