แตกหน่อมาก็ดี
พอจะโพสต์ยาวๆ ในระบายอารมณ์ มันรู้สึกเหมือนตะโกนแล้วไม่มีหุบเขาสะท้อนเสียงยังไงไม่รู้

ไอ้วัฒนธรรมแบบนี้แหละที่เราบ่นมาตลอดว่าทำไมโลกของผู้ใหญ่นี่ช่างไร้เหตุผลเสียจริง
แต่พอโตมา (หมายถึงจบมามีงานมีการทำ) เราก็จะค่อยๆ ไหลเข้าไปในยุทธจักรนี้โดยออโต้
ตอนงานบวชตูนี่ (เป็นงานบวชแบบที่เอะอะโวยวายและมีโคโยตี้ ไม่มีอารมณ์ซาบซึ้งในรสพระธรรมใดๆ)
จำได้ว่ามี 200 โต๊ะ แต่แน่ล่ะ ก็มีโต๊ะเหลือ แต่บวกลบดูแล้วก็เท่าทุนนะ
สิ่งที่พ่อกับแม่ (เจ้าภาพงาน) ได้รับจากการจัดอีเวนต์ที่ว่า
ก็คือถือว่าเป็นการประกาศตัวว่าลูกชายสามคนตอนนี้ไม่ได้เกกมะเหรกเกเรที่ไหน
แล้วก็เป็นการโชว์แสนยานุภาพของครอบครัวด้วย (มีซะที่ไหนเล่า)
ส่วนงานศพงานหนึ่งเมื่อปลายปีที่แล้ว เป็นของน้องที่สนิทกัน
งานนั้นเป็นงานศพแบบฉุกละหุก (แปลว่า ตายโหง) ก็เลยไปช่วยเขาแบบเต็มๆ เลย
ไม่ได้มีการเรียกซอง หรือพวงหรีดแต่อย่างใด
แต่ไม่รู้ทำไม ไอ้รุ่นน้องที่ทำสโมมาด้วยกันมันก็แถจะซื้อพวงหรีดมาประดับให้แขกเห็นให้ได้
กลายเป็นว่าทั้งศาลา (วัดต่างจังหวัดเขาศาลาใหญ่นะ ไม่ใช่เป็นล็อกๆ แบบในกรุง) มีแต่พวงหรีด
ส่วนเรื่องเงินช่วยนี่ก็แล้วแต่งาน อย่างงานศพของน้องที่ผ่านมานี่เขาไม่ได้รับเงินช่วย
แต่ใครจะให้ก็ไม่ขัดศรัทธา มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติแบบที่เดี๋ยวเราก็จะค่อยๆ เข้าใจไปเองน่ะ
ไม่อยากเข้าใจโลกแบบนี้เลย แต่อย่างว่าแหละ เราเป็นสัตว์สังคมพันธุ์ไทย

//ตัดหน้า 3 คน
